วันพุธที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2559

สุดเวทนา!หนุ่มใหญ่ขาขาดลูกเมียทิ้งเก็บขยะขาย อีกรายยายตาบอดอยู่กับลูก-หลานในบ้านใกล้พัง

 เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 9 ส.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากศูนย์บรรเทาทุกข์ศิษย์วัดจันทร์ว่า มีชาวบ้านหมู่ที่ 12 ต.บ้านโตก 2 รายได้รับความเดือดร้อน โดยรายแรกถูกตัดขาทิ้ง 1 ข้าง ถูกลูกเมียทิ้งเลี้ยงชีพโดยเก็บขยะขาย ต้องอาศัยทำเพิงซุกหัวนอนในที่ของคนอื่น ส่วนอีกรายเป็นหญิงชราตาบอดมากว่า 20 ปี อาศัยอยู่ภายในบ้านที่ทรุดโทรมใกล้พัง วอนผู้ใจบุญช่วยเหลือ จึงเดินทางไปตรวจสอบ รายแรกพบนายองค์อาจ เกตุศรีสังข์ อายุ 55 ปี บ้านเลขที่ตามบัตรประชาชน 30 หมู่ 12 ต.บ้านโตก อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ สภาพร่างกายพิการขาขวาขาดลงมาใต้เข่าเล็กน้อย เนื่องจากป่วยเป็นโรคเบาหวาน ส่วนข้างซ้ายก็มีแผลที่เกิดจากเบาหวานต้องใช้ผ้าพันไว้เช่นเดียวกัน อาศัยอยู่ในเพิ่งที่มุงด้วยสังกะสีเก่าๆ พื้นและฝาทำจากฟากไม้ไผ่ นายองค์อาจ เกตุศรีสังข์ กล่าวว่า เมื่อก่อนตนมีอาชีพรับจ้างก่อสร้าง มีภรรยา และลูกชาย 1 คน ต่อมาได้ล้มป่วยเป็นโรคเบาหวาน จึงไม่สามารถทำงานได้ยังต้องถูกตัดขาขวาไปอีก 1 ข้าง ส่วนข้างซ้ายก็เป็นแผลเรื้อรังต้องไปให้หมอที่อนามัยล้างเป็นประจำ จึงทำงานอื่นไม่ได้เลย ซ้ำร้ายภรรยายังหนีแยกทางไป ส่วนลูกชายตอนนี้อายุ 20 ปี ก็หนีตนเองไปอยู่ที่อื่นอีก ตนจึงต้องมาขออาศัยคนที่รู้จักที่ใจบุญ ปลูกเพิงอาศัยเป็นที่ซุกหัวนอน ส่วนห้องน้ำเจ้าของบ้านสร้างให้ตามอัตภาพ โดยใช้ผ้าใบเป็นฝากั้นไม่ให้ใครมองเห็น
“ถึงแม้ร่างกายจะไม่อำนวยและไม่มีใครดูแลง ก็ไม่ท้อขี่รถจักรยานยนต์ออกหาเก็บขยะนำมารวบรวมไว้ 3-4 วัน ก็นำไปขายได้ครั้งละ 100-200 บาท พอเป็นค่าใช้จ่ายซื้ออาหารประทังชีวิตไปวันๆ แต่ถ้าหากถูกตัดขาอีกข้าง ซึ่งผมก็คิดว่าน่าจะถูกตัดอย่างแน่นอน เมื่อนั้นคงจะลำบากมากกว่านี้” นายองค์อาจ กล่าว
รายที่สองที่บ้านเลขที่ 43 หมู่ 12 ต.บ้านโตกพบน.ส.โตบัว อายุ 61 ปี อาศัยอยู่ในบ้านชั้นเดียวยกสูง มุงหลังคาสังกะสี ฝา และพื้นบ้านทำจากฟากไม้ไผ่ ลักษณะบ้านเอนไปด้านหลัง ต้องใช้ไม้ค้ำยันไว้
น.ส.โตบัว กล่าวว่า เดิมตนเป็นชาวจังหวัดกำแพงเพชร ย้ายมาอยู่กับสามีที่บ้านหลังดังกล่าว ต่อมาสามีเสียชีวิต ตนก็ยังอาศัยอยู่ที่เพชรบูรณ์มีลูกด้วยกัน 2 คน แยกไปมีครอบครัวแล้ว 1 คน ส่วนอีกคนเป็นลูกสาว มีครอบครัวและมีลูก 3 คน แต่ก็ยังอาศัยอยู่ในบ้านเดียวกัน โดยมีอาชีพรับจ้างทั่วไป รายได้ไม่แน่นอน สำหรับบ้านที่อาศัยหลังนี้ปลูกอยู่ในที่ดินของน้องชายสามี ซึ่งให้อยู่อาศัยโดยไม่คิดค่าเช่า แต่ขณะนี้บ้านทรุดโทรมเป็นอย่างมาก โดยบ้านเอนไปด้านหลังต้องใช้ไม้ค้ำยัน เพราะเกรงว่าจะพังลงมา เมื่อเร็วๆ นี้มีพายุฝนทั้งลมพัดแรงฝนตกหนักบ้านโอนเอนลูกๆ หลาน ๆพากันกระโดดหนีลงจากบ้าน เพราะเกรงว่าบ้านจะพัง ส่วนห้องน้ำก็ต้องเดินไปใช้กับญาติ ซึ่งอยู่ห่างประมาณ 40 เมตร หากฝนตกได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก
ด้านพระอาจารย์อ๊อด เจ้าอาวาสวัดจันทร์นิมิต ต.บ้านโตก ในฐานะประธานศูนย์บรรเทาทุกข์ศิษย์วัดจันทร์ กล่าวว่า จากการพิจารณาการช่วยเหลือในกรณีนายองค์อาจ เกตุศรีสังข์ ในเบื้องต้นจะได้ซ่อมแซมบ้านให้สามารถป้องกันแดดฝนได้ รวมทั้งซ่อมแซมอุปกรณ์ในการประกอบอาชีพ อีกทั้งดูแลในการเดินทางไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลเพชรบูรณ์ และหากผู้ยากไร้รายนี้ต้องการความช่วยเหลือสิ่งใดเพิ่มเติมก็จะพิจารณาช่วยเหลือต่อไป
ส่วนกรณีของน.ส.โตบัว คงจะต้องรื้อและสร้างบ้านให้ใหม่เนื่องจากบ้านใกล้จะพังแล้ว อีกทั้งอยู่กันอย่างแออัดถึง 6 ชีวิต รวมทั้งยังจะได้สร้างห้องน้ำให้อยู่ใกล้ๆ บ้านเพื่อความสะดวกของผู้ยากไร้รายนี้ ซึ่งเจ้าของที่ดินก็อนุญาตให้สร้างได้ ดังนั้น จึงบอกบุญมายังผู้ใจบุญที่ต้องการจะช่วยเหลือผู้ยากไร้ทั้งสองรายหรือรายอื่นๆ ที่ขอความช่วยเหลือมายังศูนย์ฯทั้งสิ่งของเครื่องใช้หรือปัจจัยสามารถเดินทางมาบริจาคได้ที่วัดจันทร์นิมิต ต.บ้านโตก อ.เมืองเพชรบูรณ์ หรือจะโอนเงินเพื่อสมทบทุนในการช่วยเหลือสามารถโอนผ่านบัญชีออมทรัพย์ ธนาคารกรุงเทพฯ สาขาเทสโก้ โลตัส ท็อปแลนด์เพชรบูรณ์ “วัดจันทร์นิมิต” เลขที่บัญชี 706-0-13692-1 หรือจะสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 081-0386841
ที่มา>>>ข่าวสด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น