วันเสาร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2559

รู้จักโรค Nomophobia 6 ข้อ Check List ติดมือถืออันตรายกว่าที่คิด!


อะไรที่มากเกินไปย่อมไม่ส่งผลดี เช่นเดียวกันกับการใช้โทรศัพท์มือถือ หรือ สมาร์ทโฟน มากจนเกินความจำเป็น โดยเฉพาะใช้โทรศัพท์มือถือเล่นโซเชียลมีเดีย จนมีคำเรียกขานกันว่า ติดจอ
ดังนั้น วันนี้ จึงขอนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับผลเสียจากการใช้โทรศัพท์มือถือมากเกินความจำเป็น ซึ่งรุนแรงถึงกับส่งผลต่อสุขภาพ พร้อมกับวิธีตรวจสอบง่ายๆ ว่า ตัวเองเสพติดโทรศัพท์มือถือหรือไม่?
ที่มา>>>Thairath

แล้งจนตาย! เต่าขอนแก่นดับเกลี้ยงสระนับร้อย ชี้วิกฤติสุดในรอบ 40 ปี

ภัยแล้งและอากาศร้อน ทำให้เต่าสัตว์อายุยืนตายกลายเป็นซากคาหนองน้ำที่ อ.แวงน้อย จ.ขอนแก่น กว่า 100 ตัว ชาวบ้านบอกเกิดมาเพิ่งจะเคยเห็นแล้งเข็ญขนาดนี้ ชี้เป็นวิกฤติร้ายแรงที่สุดในรอบ 40 ปี…
วันที่ 29 เม.ย.59 สถานการณ์ภัยแล้งใน จ.ขอนแก่น อยู่ในขั้นวิกฤติ ประชาชนขาดแคลนน้ำในการอุปโภคและบริโภคอย่างมาก โดยเฉพาะพื้นที่ทางตอนกลางและตอนล่างของจังหวัด ประสบปัญหาภัยแล้งมานานกว่า 4 เดือนแล้ว ประกอบกับในระยะนี้สภาพอากาศร้อนอบอ้าวอุณหภูมิทะลุสูงถึง 43 องศาเซลเซียส ยิ่งทำให้สถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่รุนแรงขึ้นอย่างมากอุณหภูมิทะลุสูงถึง 43 องศาเซลเซียส หนองน้ำบ้านหนองโก แห้งเหลือแต่ดิน
ที่ อ.แวงน้อย จ.ขอนแก่น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แม้แต่เต่าที่เป็นสัตว์อายุยืนที่สุดในโลก ยังตายกลายเป็นซากอยู่ในหนองน้ำแล้วกว่า 100 ตัว จากการตรวจสอบพบว่า ที่บริเวณหนองน้ำบ้านหนองโก หมู่ 3 ต.ก้านเหลือง อ.แวงน้อย หนองน้ำสาธารณะของหมู่บ้าน มีความลึกประมาณ 5 เมตร ใช้เป็นแหล่งน้ำดิบผลิตประปาของหมู่บ้าน ขณะนี้น้ำแห้ง ดินแตกระแหง ถึงขนาดเต่าที่อาศัยอยู่ในหนองน้ำแห่งนี้ตายลงกว่า 100 ตัว เพราะทนต่อความแห้งแล้งและความร้อนระอุไม่ไหวซากเต่าตายคาหนองน้ำบ้านหนองโก หมู่ 3 ต.ก้านเหลือง อ.แวงน้อย จ.ขอนแก่นหลังเจอภัยแล้งเล่นงาน
นายประเสริฐ อาตมา อายุ 45 ปี ชาวบ้านบ้านหนองโก เผยว่า ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยเห็นว่าเต่าในหนองน้ำแห่งนี้จะตาย ปีนี้จึงถือว่าแล้งที่สุดในรอบ 40 ปี
“เต่าที่อยู่ในหนองน้ำแห่งนี้มีจำนวนกว่า 100 ตัว แต่ละปีเต่าจะขยายพันธุ์ออกลูกออกหลาน แต่จากสถานการณ์ภัยแล้งปีนี้ น้ำแห้งจนเต่าตายหมด และคงจะสูญพันธุ์ไปจากแหล่งน้ำของหมู่บ้านอย่างแน่นอน” นายประเสริฐ กล่าว.
ที่มา>>>Thairath

วันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2559

18 ล้อเฉี่ยว จยย.ทับหัวหนุ่มกำแพงเพชร สมองกระจายดับสยอง

หนุ่มกำแพงเพชร ซิ่ง จยย.ออกจากบ้านเพื่อไปทำธุระ ระหว่างทางขับมาถึง ถ.พหลโยธิน เมืองกำแพงเพชร ถูก 18 ล้อเฉี่ยวทำให้ล้ม เป็นจังหวะที่รถพ่วงวิ่งตามมาทับจนกะโหลกแตก สมองกระจาย เสียชีวิตสยดสยอง ส่วนรถพ่วงขับหนีไปได้…
เมื่อเวลา 20.30 น. วันที่ 28 เม.ย. ร.ต.ท.ชาญเดช ใบเนียม พงส.สภ.ทรงธรรม เมืองกำแพงเพชร รับแจ้งเหตุรถชนมีผู้เสียชีวิต ที่ถนนพหลโยธิน หมู่ 12 ต.ทรงธรรม อ.เมือง จ.กำแพงเพชร จึงรุดไปตรวจสอบพบผู้เสียชีวิต ทราบชื่อต่อมาคือ นายณัฐพง คำฟู อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 193 หมู่ 1 ต.ทรงธรรม นอนคว่ำหน้าจมกองเลือดอยู่กลางถนน สภาพศพกะโหลกศีรษะแตก มันสมองกระจายเต็มถนน ที่เกิดเหตุยังพบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นเอ็กวันอาร์ สีดำ ทะเบียน กษฉ 303 กำแพงเพชร สภาพรถด้านหนาพังเสียหาย
ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า เห็นรถจักรยานยนต์ถูกรถพ่วง 18 ล้อเฉี่ยวชน ทำให้รถจักรยานยนต์ล้มลงกลางถนน ตัวผู้เสียชีวิตกระเด็นตกจากรถ เป็นจังหวะที่ล้อของรถพ่วงทับที่ศีรษะพอดีจนกระโหลกศีรษะแตก ส่วนรถพ่วงหลังเกิดเหตุได้ขับหลบหนีไปทาง จ.นครสวรรค์ โดยจำทะเบียนไม่ได้เพราะอยู่ในช่วงมืด และมีรถวิ่งตามกันมาหลายคัน
ด้านน้องสาวผู้ตาย เปิดเผยว่า พี่ชายขับขี่รถออกมาจากบ้าน บอกว่าจะทำธุระ จนมีคนมาแจ้งว่า นายณัฐพง ถูกรถชนเสียชีวิตแล้ว หลังดูที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้หน่วยกู้ภัยข่าวภาพกำแพงเพชร นำศพส่งโรงพยาบาลกำแพงเพชร ให้แพทย์ชันสูตรพลิกศพ ก่อนมอบให้ญาตินำกลับไปบำเพ็ญกุศล ส่วนรถพ่วงที่ชนจะได้สืบหาตัวคนขับมาสอบสวนดำเนินคดีต่อไป.
ที่มา>>>Thairath

ปอศ.รวบ 2 หนุ่มลักลอบขาย แผ่นผีหนัง ‘หลวงพี่แจ๊ส 4จี’ ละเมิดลิขสิทธิ์

ตำรวจ บก.ปอศ. แถลงผลจับกุม 2 ผู้ต้องหาลักลอบจำหน่ายแผ่นซีดีละเมิดลิขสิทธิ์ภาพยนตร์เรื่อง “หลวงพี่แจ๊ส 4G” ย่านตลาดคลองถม ขณะผู้กำกับฯ ชื่อดัง “พจน์ อานนท์” วอนประชาชนสนับสนุนหนังไทยที่ถูกต้อง ไม่อุดหนุนแผ่นผีซีดีเถื่อน
เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 28 เม.ย.59 ที่ บก.ปอศ. ทางนายอานนท์ มิ่งขวัญตา หรือพจน์ อานนท์ อายุ 45 ปี ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดัง พร้อมด้วย นายธนกร ปุลิเวคินทร์ กรรมการและรองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายธุรกิจฟิล์มภาพยนตร์ บริษัท เอ็ม พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) และโยชิ ชญาดา นักแสดงจากภาพยนตร์เรื่องหลวงพี่แจ๊ส 4G เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ณพวัฒน์ อารยางกูร รอง ผบก.ปอศ. พ.ต.อ.อภิวิชญ์ ภัทรกุล ผกก.3 บก.ปอศ. พ.ต.ท.พลชัย กิจกุลธนันต์ รอง ผกก.3 บก.ปอศ. และ พ.ต.ต. ณัฐพนธ์ สุวรรณรงค์ สว. (สอบสวน) กก.3 บก.ปอศ. เพื่อให้ดำเนินคดีกับผู้ลักลอบจำหน่ายซีดีภาพยนตร์ เรื่องหลวงพี่แจ๊ส 4จี ที่ละเมิดลิขสิทธิ์ทางปัญญา โยมทำกันแบบนี้ หลวงพี่คงไม่แฮปปี้แน่นอน
รอง ผบก.ปอศ. เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากทางเจ้าหน้าที่ บก.ปอศ. ได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้ทำหนังภาพยนตร์ว่าได้รับผลกระทบทางธุรกิจเป็นอย่างมาก เนื่องจากผู้ค้าหนังแผ่นผีซีดีเถื่อนก๊อบปี้ภาพยนตร์ที่กำลังฉายในโรงอยู่มาวางจำหน่ายทำให้เสียรายได้เป็นจำนวนมาก ต่อมาจึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ บก.ปอศ. ลงตรวจสอบกลุ่มผู้ค้าแผ่นซีดีหนังและภาพยนตร์ย่านตลาดคลองถม เบื้องต้นพบผู้ละเมิดลิขสิทธิ์ภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวจำนวน 2 ราย คือ นายเด่นชัย รัตนชมภู อายุ 30 ปี และนายฉัตรชัย ถวิลวงษ์ อายุ 29 ปี เป็นผู้จำหน่ายแผ่นซีดีละเมิดลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ดังกล่าว จึงควบคุมตัวมาสอบสวนต่อยัง บก.ปอศ. และแจ้งข้อหาว่า “ละเมิดลิขสิทธิ์ผู้อื่นเพื่อการค้าในงานภาพยนตร์” ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 4 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ส่งตัวพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ปอศ. ดำเนินคดีต่อไป
ขณะเดียวกัน ทางนายอานนท์ กล่าวว่า หลังจากเกิดกรณีดังกล่าวขึ้นตนอยากจะฝากพี่น้องสื่อมวลชนประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชนที่ติดตามภาพยนตร์ไทยหลายๆ เรื่อง ช่วยกันสนับสนุนหนังไทยที่ถูกต้องและเป็นการสนับสนุนให้กำลังใจกับผู้ประกอบกิจการหรือผู้ทำหนังอีกทางหนึ่ง หากประชาชนซื้อหรืออุดหนุนแผ่นผีซีดีเถื่อนนั้นก็จะกระทบทั้งระบบเศรษฐกิจในแวดวงภาพยนตร์ไทยและผู้ประกอบกิจการภาพยนตร์หรือผู้ทำหนังนั้นจะขาดขวัญกำลังใจในการรังสรรค์ภาพยนตร์ดีๆ ออกมาให้พี่น้องประชาชนได้รับชมอีกด้วย
ที่มา>>>Thairath

วันพฤหัสบดีที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2559

โสมเหนือ เล็งประชุมเต็มสภาฯครั้งแรกในรอบ 36 ปี ต้นเดือนพ.ค.

(ภาพ: AP)
เมื่อวันที่ 27 เม.ย. รัฐบาลเกาหลีเหนือออกแถลงการณ์ เตรียมจัดการประชุมสภาคองเกรสพรรคแรงงานแห่งเกาหลีครั้งที่ 7 ในวันที่ 6 พ.ค.นี้ ซึ่งถือเป็นการประชุมเต็มรูปแบบครั้งแรกในรอบ 36 ปี ทั้งยังเป็นการประชุมครั้งแรกในสมัยของนายคิม จองอึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ ซึ่งแม้จะไม่มีรายละเอียดเปิดเผยเพิ่มเติม แต่นักวิเคราะห์มองความเป็นไปได้ว่า จะเป็นการประชุมเพื่อเสริมสร้างฐานอำนาจแก่นายคิม จองอึน พร้อมผลักดันและยกระดับโครงการนิวเคลียร์ของประเทศ
นอกจากนี้ สำนักข่าวต่างประเทศยังตั้งข้อสังเกตด้วยว่า รัฐบาลเกาหลีเหนืออาจทดสอบนิวเคลียร์รอบใหม่ก่อนหน้าการประชุม ขณะที่นางพัค กึน เฮ ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ระบุว่า จากที่ตนเข้าใจคือเกาหลีเหนือได้เตรียมการทดสอบเรียบร้อยแล้ว และพร้อมจะกดปุ่มได้ทุกเมื่อ พร้อมเชื่อว่านานาชาติจะออกมาตรการคว่ำบาตรที่หนักหน่วงกว่าเดิม เพื่อมาอุดช่องว่างของการคว่ำบาตรรอบที่แล้ว ส่วนนายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า รัฐบาลสหรัฐฯเตรียมที่จะดำเนินการในช่องทางอื่น ซึ่งอาจรวมถึงมาตรการคว่ำบาตรชุดใหม่ และมาตรการทางความมั่นคง หากเกาหลีเหนือยังคงดึงดันที่จะทดสอบนิวเคลียร์และขีปนาวุธ.
ที่มา>>>Thairath

กองไฟระเบิด 2 หนูน้อยบาดเจ็บ! ยืนดูแล้วบึม คาดเป็นกระป๋องสเปรย์

พี่กับน้องสองหนูน้อยที่ตรัง ชวนกันไปยืนดูกองไฟข้างบ้าน โชคร้ายเกิดระเบิดมีสะเก็ดไฟกระเด็นมาถูกตามตัวได้รับบาดเจ็บ คาดในกองไฟมีกระป๋องสเปรย์ เมื่อถูกความร้อนจึงระเบิดขึ้น เป็นอุทาหรณ์สำหรับผู้ปกครองให้ต้องระวัง…
วันที่ 27 เมษายน 2559 เจ้าหน้าที่ศูนย์นเรนทรจังหวัดตรัง ร่วมกับเจ้าหน้าที่กู้ชีพเทศบาลตำบลนาตาล่วง ร่วมกันนำตัว 2 หนูน้อยที่ได้รับบาดเจ็บ จากการถูกกองขยะระเบิดใส่ ซึ่งคาดว่าน่าจะมีกระป๋องสเปรย์บรรจุแก๊สอยู่ในกองขยะ ก่อนจะระเบิดใส่หนูน้อยทั้ง 2 คน ชื่อ ด.ช.ขัตติยะ หรือน้องภูมิ ช่วยลุง อายุ 5 ขวบ และ ด.ช.บารมี หรือน้องภีม ช่วยลุง อายุ 4 ขวบ สองพี่น้อง บ้านอยู่หมู่ 6 ต.นาท่ามเหนือ อ.เมือง จ.ตรัง
ทั้งนี้ น้องภูมิพี่ชายมีแผลพุพองบริเวณใบหน้า และแขนทั้ง 2 ข้าง รวมไปถึงหน้าท้องและเท้าซ้าย ส่วนน้องภีมน้องชาย มีแผลพุพองที่บริเวณใบหน้า แขนขวาและหน้าท้อง แพทย์ได้ทำการรักษาจนทั้ง 2 พ้นขีดอันตรายแล้ว นอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตรัง
จากการสอบถามนางนงเยาว์ พิณกลับ อายุ 64 ปี เล่าว่า ช่วงหลังเที่ยง ญาติที่มีบ้านอยู่ใกล้กันได้นำขยะไปเผาที่ใต้ต้นไม้หลังบ้าน ขณะนั้นมีหลานเล็กๆ 3 คน ได้ไปยืนมุงดูกองไฟด้วยความสนใจตามประสาเด็ก ขณะที่เปลวไฟติดกองขยะได้ยินเสียงดังคล้ายระเบิด ก่อนได้ยินเสียงเด็กๆ ร้องกันเอะอะ จึงวิ่งออกมาดู และพบว่า หลานทั้ง 3 คน ได้ถูกไฟกระเด็นมาไหม้ มีบาดแผลทั่วร่างกาย ซึ่งคาดว่าสาเหตุมาจากการระเบิดของกระป๋องสเปรย์ที่อยู่ภายในกองไฟ
“เหตุการณ์ดังกล่าวอยากฝากไว้ให้เป็นอุทาหรณ์เตือนใจผู้ปกครอง ให้ดูแลบุตรหลานอย่างใกล้ชิด อย่าละเลยมองข้ามความปลอดภัย อย่าให้เด็กๆ คลาดสายตา ไม่ว่าจะเป็นฟืนไฟ หรือแม้กระทั่งการเล่นน้ำในสถานที่ต่างๆ ควรระมัดระวังเป็นพิเศษ แม้จะมีผู้ปกครองอยู่ด้วยก็ตาม” นางนงเยาว์ กล่าว.
ที่มา>>>Thairath

วันพุธที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2559

สิ้นสุด 27 ปี! ‘เดอะค็อป’ พ้นมลทินโศกนาฏกรรมฮิลส์โบโร

รอคอยมาอย่างยาวนานถึง 27 ปีเต็ม ในที่สุด สาวกเดอะค็อป ก็ได้ลืมตาอ้าปากเสียที หลังคณะลูกขุนมีมติสรุปให้แฟนบอลหงส์แดง 96 ราย ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์โศกนาฏกรรมฮิลส์โบโร เป็นการตายโดยมิชอบ และเป็นความผิดของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ในเหตุการณ์นั้น…
สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน วันที่ 26 เม.ย. ว่า คณะลูกขุนได้มีมติสรุปให้แฟนบอลลิเวอร์พูล 96 ราย ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์โศกนาฏกรรมฮิลส์โบโร เมื่อปี 1989 นั้นเป็นการเสียชีวิตโดยมิชอบทางกฎหมาย และมีสาเหตุมาจากความรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าว
โศกนาฏกรรมครั้งนี้ เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 15 เมษายนปี 1989 ในเกมเอฟเอคัพ รอบรองชนะเลิศระหว่าง ลิเวอร์พูล พบกับ นอตติงแฮม ฟอเรสต์ โดยแข่งกันที่สนาม ฮิลส์โบโร สนามเหย้าของ เชฟฟิลด์ เวนส์เดย์ ซึ่งเกมดังกล่าวต้องถูกยกเลิกกลางครัน เนื่องจากเกิดเหตุการณ์สุดสะเทือนใจเมื่อแฟนบอลลิเวอร์พูล แห่เข้าไปอยู่บนอัฒจรรย์หลังฝั่งประตู เลปปิงส์ ของสนามฮิลส์โบโร จนเกินความจุ ก่อนจะเบียดกันไปมาจนเกิดความโกลาหลเหยียบกันตายถึง 96 ศพ
หลังเหตุการณ์สุดสะเทือนใจไม่นาน ศาลก็ได้ตัดสินให้แฟนบอลลิเวอร์พูลเป็นต้นเหตุของความวุ่นวายครั้งนี้จนกลายเป็นเหตุให้มีการเหยียบกันตาย และในส่วนของผู้เสียชีวิต 96 ศพนั้นก็ถูกตัดสินให้เป็นการเสียชีวิตแบบอุบัติเหตุ จนสาวกเดอะค็อปหลายรายต่างไม่พอใจที่ถูกตัดสินให้พวกเขามีความผิดแบบไม่มีความยุติธรรมเช่นนี้ ก่อนจะทำป้ายเรียกร้องต่อศาลมาโดยตลอด และในปี 2012 ทาง เดวิด คาเมรอน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ก็ออกมากล่าวขอโทษกับเหตุการณ์นี้ และยอมรับว่าต้นเหตุที่แท้จริงไม่ใช่แฟนบอลของลิเวอร์พูล แต่เป็นความผิดพลาดในการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในเกมนั้น
กระทั่งล่าสุดวันนี้ ทางคณะลูกขุนก็มีบทสรุปตัดสินว่า พฤติกรรมของแฟนบอลหงส์แดงในเกมนั้น ไม่มีสาเหตุและความเกี่ยวข้องกับโศกนาฏกรรมฮิลส์โบโรแต่อย่างใด โดยเสียงจากคณะลูกขุนลงความเห็น 7 ต่อ 2 ยืนยันว่า แฟนบอลหงส์แดงที่เสียชีวิต 96 รายนั้นมาจากการกระทำโดยมิชอบทางกฎหมาย รวมไปถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจในเกมนั้นต่างละเลยปฏิบัติหน้าที่เดอะ ค็อป สมหวังเสียทีหลังตกเป็นเหยื่อความล้มเหลวมาอย่างยาวนาน 27 ปี
ทั้งนี้ จากการตัดสินของคณะลูกขุน ทำให้ สาวกเดอะค็อป ทั้งรุ่นใหญ่รุ่นน้อย รวมไปถึงครอบครัวของผู้เสียชีวิต ต่างน้ำตาคลอยินดีที่พวกเขาพ้นจากความผิดมาโดยตลอด 27 ปี พร้อมร้องเพลง “You’ll Never Walk Alone” เพลงประจำสโมสรด้วยเสียงอึกทึกกึกก้องไปทั่วด้านนอกของศาล
ที่มา>>>Thairath

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญลงพื้นที่ รพ.กระบี่ หลังผู้ป่วยหลายรายถูกพิษแมงกะพรุน

ผู้เชี่ยวชาญด้านพิษแมงกะพรุน ลงพื้นที่ รพ.กระบี่ เพื่อให้ความรู้แก่แพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ พร้อมทั้งตรวจอาการของเด็กชายวัย 12 ปีที่ถูกพิษแมงกะพรุนไม่ทราบสายพันธุ์ ขณะไปเที่ยวทะเลแหวก ต.อ่าวนาง…
วันที่ 26 เม.ย. 59 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แพทย์หญิงลักขณา ไทยเครือ แพทย์จากภาควิชาเวชศาสตร์ชุมชน คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาพิษของแมงกะพรุน ลงพื้นที่ให้ความรู้แพทย์ พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์โรงพยาบาลกระบี่ เกี่ยวกับการให้การรักษาผู้ป่วยที่ถูกพิษจากแมงกะพรุน และติดตามอาการของ ด.ช.สุทธิเทศ ทึกขุนทศ อายุ 12 ปี ที่ถูกพิษของแมงกะพรุนไม่ทราบชนิด ขณะไปเที่ยวที่บริเวณทะเลแหวก ตำบลอ่าวนาง อำเภอเมืองกระบี่ ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลกระบี่ มีบาดแผลผิวหนังไหม้เป็นเส้นๆ ที่บริเวณขา ทั้งสองข้าง มีอาการปวดแสบปวดร้อนขาของคนไข้ที่ถูกแมงกะพรุน จะมีบาดแผลผิวหนังไหม้เป็นเส้นๆ มีอาการปวดแสบปวดร้อน
แพทย์หญิงลักขณา เปิดเผยว่า การจากตรวจสอบบาดแผล คาดว่าเกิดจากถูกพิษจากแมงกะพรุนชนิดสายเดียว ที่มีพิษร้ายแรง โชคดีที่หลังจากถูกพิษผู้ปกครองได้ใช้น้ำส้มสายชูราด บริเวณผิวหนังที่ถูกพิษ ก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาล สำหรับวิธีการช่วยเหลือผู้ที่ถูกพิษแมงกะพรุนเบื้องต้น ที่ถูกวิธีให้ใช้น้ำส้มสายชูราดบริเวณที่ถูกพิษ ประมาณ 1 นาที เพื่อระงับพิษไม่ให้กระจายตัวก่อนรีบนำตัวส่งโรงพยาบาล ห้ามใช้น้ำล้าง ราด ถู ขูด ผิวหนังบริเวณที่ถูกพิษ เพราะจะเป็นการกระตุ้นให้พิษกระจายตัวเร็วขึ้น จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมน้ำส้มสายชู้ไว้ ตามแหล่งท่องเที่ยว เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ที่ถูกพิษได้ทันท่วงที ซึ่งขณะนี้ตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ในจังหวัดกระบี่ พบแมงกะพรุนจำนวน ลอยอยู่ตามชายหาด เช่น เกาะห้อง แหลมผักเบี้ย อุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี ตำบลเขาทอง อำเภอเมืองกระบี่ มีประชาชน นักท่องเที่ยว ถูกพิษแมงกะพรุนได้รับบาดเจ็บแล้วหลายราย
ที่มา>>>Thairath



วันอังคารที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2559

โจรซุปเปอร์จิ๋ว ฝีมือไม่ธรรมดา! เจาะทะลวงห้างฯ ลักมือถือ-เงินไปเล่นเกม

ตีนแมวรุ่นจิ๋ววัยแค่ 13 ปี แต่วิชาโจรไม่ธรรมดา บุกเดี่ยวงัดฝาเหล็กเข้าไปลักเครื่องมือร้านซ่อมรถหน้าห้างฯ แล้วทะลวงฝายิปซั่มบอร์ดอีกชั้น เข้าไปลักทรัพย์ร้านขายโทรศัพท์ในห้างฯ ตร.ดูกล้องวงจรปิดจำหน้าได้บุกรวบคาร้านเกม…
วันที่ 25 เม.ย. 59 พ.ต.ท.สังวาลย์ รางสถิต รอง ผกก.สส. รรท.ผกก. สภ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ พร้อมด้วย พ.ต.ท.กฤษกร หานุสิงห์ สว.สส. พร้อมกำลังชุดสืบสวน นำตัว ด.ช.เอ๋ (นามสมมติ) อายุ 13 ปี บ้านอยู่ ต.กันทรอม อ.ขุนหาญ ผู้ต้องหาลักทรัพย์ มาสอบปากคำหลังจากที่ติดตามไปจับกุมได้ที่ร้านเกมแห่งหนึ่งในตัวอำเภอขุนหาญ
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อช่วงเช้าวันนี้ นายอนุพงษ์ นามวงษ์ อายุ 37 ปี ชาวบ้านหมู่ 2 ต.สิ อ.ขุนหาญ เจ้าของร้านขายโทรศัพท์มือถืออยู่ในห้างเทสโก้โลตัส สาขาขุนหาญ ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ ร.ต.อ. สมเดช ไชยเทพ รอง สว.(สอบสวน) สภ.ขุนหาญ ว่า ถูกคนร้ายขโมยโทรศัพท์มือถือ 5 เครื่อง พร้อมอุปกรณ์และเงินสด 5,800 บาท รวมมูลค่าทรัพย์สิน 25,100 บาท
หลังได้รับแจ้ง ตำรวจชุดสืบสวนได้ขอดูภาพจากกล้องวงจรปิด พบคนร้ายเป็นเด็กชาย เห็นใบหน้าชัดเจน คล้ายเด็กที่เคยก่อเหตุลักเล็กขโมยน้อยในพื้นที่อำเภอขุนหาญมาแล้วหลายครั้ง ชอบเล่นเกม และตำรวจได้ทำประวัติไว้แล้ว จึงสืบสวนก่อนตามไปจับกุมได้ที่ร้านเกมแห่งหนึ่ง พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง สายชาร์จ หูฟังเงินสด1,523 บาท ซิมโทรศัพท์ 2 อัน เสื้อกีฬาสีส้มขาว 1 ตัว และรถจักรยานยนต์ฮอนด้าทะเบียน กษน 143 ศรีสะเกษ เป็นรถที่เจ้าของได้แจ้งหายไว้ที่ สภ.กันทรอม ตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมาของกลางที่ ตร.ยึดได้
จากการสอบสวน ผู้ต้องหาวัย 13 ปี ให้การรับสารภาพว่าได้งัดฝาผนังที่เป็นเหล็กและใช้นอตยึดไว้ เข้าไปขโมยกุญแจเครื่องมือมาจากร้านขายอุปกรณ์รถยนต์ที่อยู่หน้าห้างฯ ก่อนที่จะเจาะทะลุฝาผนังชั้นในที่เป็นแผ่นยิปซั่มบอร์ด เข้าไปขโมยโทรศัพท์และเงินสดในร้าน ตำรวจจึงแจ้งข้อกล่าวหาลักทรัพย์ในเวลากลางคืน หรือรับของโจร นำตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.ขุนหาญ ดำเนินคดีต่อไป.
ที่มา>>>Thairath

ตู้โดยสาร กทม.-ระยอง พุ่งชนเก๋งขณะยูเทิร์น ก่อนเสยอีกคัน เจ็บ 7

รถตู้พุ่งชนเก๋ง ขณะกลับรถยูเทิร์นอย่างจัง บนถนนสุขุมวิท ขาเข้าบางแสน ก่อนไถลไปชนอีกคัน ส่งผลเจ็บ 7 ราย ตร.เช็กวงจรปิด หาสาเหตุ ดำเนินการตามกฎหมาย
เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 25 เม.ย. พ.ต.ท.ประทีป ทองดี สว.( สอบสวน) สภ.เสม็ด รับแจ้งมีรถชนกันบริเวณช่องยูเทิร์น หน้าแฮปปี้เวิลด์ ถนนสุขุมวิท ขาเข้าบางแสน หมู่ 4 ต.ห้วยกะปิ อ.เมือง จ.ชลบุรี จึงรุดไปตรวจสอบ พร้อมกู้ภัยไตรคุณธรรม
ที่เกิดเหตุ พบรถตู้โดยสารวิ่งระหว่างกรุงเทพฯ – ระยอง ยี่ห้อโตโยต้า คอมมิวเตอร์ สีขาว ทะเบียน ป้ายเหลือง 10 – 3066 ระยอง สภาพด้านหน้าพังยับเยินพลิกตะแคงอยู่ร่องน้ำข้างถนน มีผู้ได้รับบาดเจ็บรวมทั้งคนขับ ซึ่งยังไม่ทราบชื่อ 7 ราย กู้ภัยฯ นำส่ง รพ.ชลบุรี 2 ราย, รพ.เอกชล 1 ราย, รพ.ม.บูรพา 2 ราย และ รพ.จุฬารัตน์ชลเวช 2 ราย และที่กลางถนนพบรถเก๋งยี่ห้อฮอนด้า แอคคอร์ด สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน กค 7771 พระนครศรีอยุธยา สภาพหน้าพังยุบถึงเครื่อง ทราบชื่อคนขับ นายวีระวิทย์ วชิรเรืองเวช อายุ 21 ปี ชาว อ.เมือง จ.ชลบุรี ได้รับบาดเจ็บ กู้ภัยฯ นำส่ง รพ.เอกชล 2เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจดูภาพจากกล้องวงจรปิดพบว่า นายปฐมพงษ์ สาระ อายุ 32 ปี ขับรถตู้วิ่งมาจากทางตัวเมืองชลบุรี มุ่งหน้าไปทางบางแสน ถึงที่เกิดเหตุ รถเก๋งฮอนด้า แอดคอร์ด เลี้ยวกลับรถช่องยูเทิร์น แล้วเกิดชนกันขึ้นอย่างแรง ก่อนรถตู้เสียหลักไปเฉี่ยวชนรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อนิสสัน มาร์ช สีขาว ทะเบียน ญต 5793 กทม. ได้รับความเสียหายอีกคัน ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้ตรวจสอบวงจรปิดให้แน่ชัด พร้อมสอบปากคำผู้บาดเจ็บทั้งหมด เพื่อรวบรวมพยานหลักฐาน ดำเนินคดี กับรถที่เป็นฝ่ายผิดต่อไป.
ที่มา>>>Thairath

วันจันทร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2559

ไม่ท้อ! ตาวัย 66 อัมพฤกษ์ซีกขวา รับจ้างเด็ดขั้วพริก ได้เงินวันละ 100

ตาวัย 66 ปี ชาว อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย สู้ชีวิตแม้ป่วยเป็นอัมพฤกษ์จนร่างกายซีกขวาใช้งานไม่ได้ ยังรับจ้างเด็ดขั้วพริกหาเงินจุนเจือครอบครัว ช่วยภรรยาและลูกๆ ตกวันละ 2 กระสอบ ได้ 100 บาท…
เมื่อวันที่ 24 เม.ย. 59 ผู้สื่อข่าว เดินทางไปตรวจสอบที่บ้านเลขที่ 2/20 ถนนประสานมิตร ต.เมืองสวรรคโลก อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย ซึ่งเป็นบ้านของ นายจำเนียง สิงห์ลอ อายุ 66 ปี เมื่อไปถึงพบว่า บริเวณหน้าบ้านมีกองพริกแจ๋วที่นำมาตากแดดให้แห้งอยู่จำนวน 2 กอง ซึ่งจากการสอบถามนายจำเนียง ที่กำลังนั่งเด็ดขั้วพริกที่ตากแห้งแล้วอยู่ใต้ต้นมะม่วงข้างบ่อน้ำสาธารณะกับนางซิ้ม สิงห์ลอ อายุ 63 ปี ภรรยานายจำเนียง เปิดเผยว่า ก่อนที่ตนเองจะป่วยเป็นอัมพฤกษ์ ร่างกายซีกขวาใช้งานไม่ได้ มีอาชีพกวาดถนนและรับจ้างทั่วไป จนเมื่อประมาณ 5 ปีที่ผ่านมาร่างกายซีกขวาของตนไม่มีแรงและยกแขนไม่ขึ้นซึ่งตนพยายามจะรักษา แต่ไม่หายจึงกายเป็นอัมพฤกษ์และได้ขึ้นทะเบียนเป็นผู้พิการทางความเคลื่อนไหว ซึ่งทุกวันนี้จะมีก็แต่เมียและลูกๆ ที่ออกรับจ้างทำงานหาเงินเลี้ยงครอบครัว เมื่อเพื่อนบ้านนำพริกแห้งมาจ้างเด็ดและขั้ว ตนก็รับพริกมาตากแดดและเด็ดขั้วพริกทันที่ เนื่องจากต้องการที่จะช่วยเหลือครอบครัวถึง แม้ว่ารายได้จะไม่มากก็ตามอย่างไรก็ตาม ทุกวันนี้ตนเองก็จะได้เงินจากเบี้ยผู้สูงอายุและผู้พิการเป็นประจำทุกเดือนอยู่แล้ว ซึ่งตกเดือนละ 1,400 บาท ส่วนพริกที่รับมาเด็ดขั้วนั้นจะได้ค่าจ้างเป็นกระสอบกระสอบละ 50 บาท ซึ่งวันหนึ่งตนและเมียได้ช่วยกันเด็ดขั้วพริกได้วันละ 2 กระสอบ ก็จะได้เงิน 100 บาท และที่ผ่านมาก็ได้ทางเทศบาลเมืองสวรรคโลกเข้ามาดูแลช่วยเหลือตนเองและครอบครัวโดยตลอด.
ที่มา>>>Thairath

2 หนุ่มไร่อ้อยขี่ จยย.ตัดหน้ากระบะโดนชนดับคู่ ที่เมืองกาญจน์

2 คนงานไร่อ้อย ซ้อนรถ จยย.ออกมาจากซอยฝั่งตรงข้ามถนนสายพนมทวน-กำแพงแสน ขับตัดหน้ากระบะพาลูกชายไปอาบน้ำมนต์ที่วัด ถูกชนกระเด็นดับคาที่ 1 ก่อนอีกรายไปตายที่ รพ.
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 24 เม.ย.59 ร.ต.อ.มานพ ประชากุล รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.ท่าเรือ อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุมูลนิธิมิราเคิลออฟไลฟ์ประจำจังหวัดกาญจนบุรี ว่าเกิดอุบัติเหตุรถยนต์กระบะชนรถจักรยานยนต์ มีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 1 ราย บาดเจ็บสาหัสอาการโคม่า 1 ราย หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กู้ภัย และแพทย์เวร รพ.มะการักษ์ รุดตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุบนถนนสายพนมทวน-กำแพงแสน หมู่ที่ 5 ต.อุโลกสี่หมื่น อ.ท่ามะกา ฝั่งขาเข้า อ.พนมทวน เยื้องปากทางเข้าโรงงานปุ๋ยดีลักซ์ พบรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ สีบรอนซ์ฟ้า ทะเบียน บล 1834 นครปฐม จอดอยู่ริมถนนในสภาพด้านหน้าพังเสียหาย ห่างออกไปประมาณ 20 เมตร พบรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ 110 ซีซี สีน้ำเงินดำ ทะเบียน ขคต 637 ศรีสะเกษ ล้มคว่ำอยู่ริมถนนในสภาพพังยับทั้งคัน ห่างไปเล็กน้อยพบร่างผู้เสียชีวิตเป็นผู้ชายนอนหงายจมกองเลือดอยู่ ทราบชื่อผู้ตายคือ นายประดิษฐ์ บุญมา อายุ 46  ปี ส่วนอีกรายบาดเจ็บสาหัส คือ นายสมนึก อ่อนพิมพ์ อายุ 53 ปี ถูกช่วยเหลือนำส่ง รพ.มะการักษ์ และเสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยทั้งสองคนเป็นคนงานในไร่อ้อยในพื้นที่ อ.ท่ามะกา จากการสอบปากคำนายธวัช จิรานุรักษ์วงศ์ อายุ 36 ปี ซึ่งเป็นคนขับรถยนต์กระบะคันดังกล่าวทราบว่า ก่อนเกิดเหตุขณะที่ขับรถออกจากบ้านที่อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม มาตามถนนสายดังกล่าวเพื่อพาลูกชายไปอาบน้ำมนต์ที่วัดสระแก้ว ที่ อ.พนมทวน เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ ผู้ตายกับเพื่อนซึ่งขี่รถจักรยานยนต์นั่งซ้อนท้ายกันมา ก็ขี่รถออกมาจากซอยฝั่งตรงข้ามมาอีกฝั่งแบบตัดหน้าอย่างกระชั้นชิด ตนพยายามเหยียบเบรกแล้ว แต่ก็ไม่ทันรถจึงพุ่งเข้าชนรถของผู้ตายอย่างแรงจนทั้งรถทั้งคนกระเด็นไปคนละทิศละทาง เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้เชิญตัวนายธวัชไปสอบปากคำเพื่อหาข้อเท็จจริงของการเกิดอุบัติเหตุครั้งนี้ต่อไป.
ที่มา>>>Thairath

วันเสาร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2559

พายุลูกเห็บถล่มสกลนคร ต้นไม้-เสาไฟฟ้า โค่นไฟดับครึ่งเมือง

เกิดพายุฝนฟ้าคะนองในหลายพื้นที่ของ จ.สกลนคร ตัดไม้หักโค่นทับเส้นทางสายหลัก โดยเฉพาะเส้นทางมุ่งหน้าสู่ กทม. นอกจากนี้ ยังมีเสาไฟฟ้าหักโค่นขวางถนน ไฟฟ้าดับครึ่งเมือง จนท.ไฟฟ้าเร่งแก้ไขกลับมาเป็นปกติแล้ว…
เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 22 เมษายน 59 มีรายงาน เกิดพายุฤดูร้อนพัดกระหน่ำในพื้นที่ อ.เต่างอย อ.คำตากล้า อ.สว่างแดนดิน อ.วานรนิวาส อ.อากาศอำนวย อ.ภูพาน อ.วานรนิวาส และ อ.เมือง จ.สกลนคร โดยพายุก่อตัวเป็นเมฆฝนและลูกเห็บตกหนัก สร้างความเสียหายต่อรถยนต์ที่สัญจรไปมาต้องหลบลงข้างทาง นอกจากนี้แรงลมยังพัดบ้านเรือนประชาชนเสียหายไม่น้อยกว่า 100 หลังคาเรือน
ส่วนที่ อ.เมือง ซุ้มประตูขนาดใหญ่ ทางเข้า บ้านดงมะไฟ ต.ขมิ้น แรงลมยังพัดเอาซุ้มประตูล้มลงได้รับความเสียหาย รวมถึงเต็นท์จัดงานโต๊ะจีนของชาวบ้านด้วย ขณะที่ในเขตเทศบาลนครสกลนคร ไฟดับนานเกือบชั่วโมง ก่อนการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคสกลนคร จะซ่อมแซมจนกลับมาใช้ไฟได้ตามปกติส่วนอีกหลายตำบลรอบนอก ยังไม่สามารถแก้ไขได้ เนื่องจากเสาไฟฟ้าหักโค่น 5 ต้น เจ้าหน้าที่ไฟฟ้ากำลังเร่งแก้ไข นายอดิศักดิ์ เทพอาสน์ ผวจ.สกลนคร สั่งการให้นายวิชาญ แท่นหิน หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.สกลนคร ออกสำรวจความเสียหายเป็นการด่วน เนื่องจากกระทบเป็นวงกว้างในหลายอำเภอ และออกให้การช่วยเหลือเป็นการด่วน
ขณะที่เส้นทางสายสกลนคร กาฬสินธุ์ บริเวณทางโค้งปิ้งงู บนเทือกเขาภูพาน ระหว่าง กม.ที่ 14-15 ได้มีต้นไม้หักโค่นทับขวางถนน รถไม่สามารถสัญจรไปมาได้ เป็นอัมพาตนานกว่า 2 ชั่วโมง นอกจากนี้ ต้นไม้ยังหักโค่นทับถนนอีกหลายแห่ง เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัย และชุดกู้ภัย อปพร. นำกำลังออกปฏิบัติหน้าที่ ตัดต้นไม้ออกจากถนนอย่างเต็มที่.
ที่มา>>>Thairath

เหล็กราคาพุ่งพรวด! 15% พณ.สั่งติดตาม หวั่นร้านค้ากักตุน

ผู้รับเหมาก่อสร้าง ร้อง เหล็กขึ้นราคา 15% กระทบต้นทุนปรับเพิ่ม ผู้บริโภคเดือดร้อน ด้าน พาณิชย์ สั่งติดตามใกล้ชิด หวั่นร้านค้า แอบกักตุนรองรับงานเมกะโปรเจกต์-บ้านประชารัฐ…
วันที่ 22 เม.ย.59 นางสาววิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้รับการร้องเรียนจากผู้รับเหมาก่อสร้าง ทั้งรายย่อย และรายใหญ่ว่าราคาเหล็กแผ่น และเหล็กเส้น ปรับขึ้นจากช่วงต้นปี 15% หรือเดือนละ 5% จนสร้างความเดือดร้อนต่อผู้บริโภค เพราะทำให้ต้นทุนการก่อสร้างปรับเพิ่มขึ้น เนื่องจากผู้ประกอบการจำนวนมากมีแผน หรือกำลังรับงานในโครงการก่อสร้างเมกะโปรเจกต์ โครงการก่อสร้างตามท้องถิ่นต่างๆ โครงการบ้านประชารัฐ ตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลDSCN2364_800x600.ทั้งนี้ กรมฯ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ ไปสำรวจราคาสินค้าเหล็กตามร้านค้าปลีก ค้าส่ง ในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศว่า มีการกักตุนเหล็ก เพื่อรองรับโครงการลงทุนต่างๆ ของรัฐบาลหรือไม่ หากมีการกักตุนจะมีโทษจำคุก 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นางสาววิบูลลักษณ์ กล่าวด้วยว่า จากการตรวจสอบในเบื้องต้น พบว่า ขณะนี้ ปริมาณเหล็กที่ปรับขึ้นราคาส่วนหนึ่งมาจากวัตถุดิบ ที่มีการปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงการที่จีนปิดโรงงานเหล็กที่ไม่ได้คุณภาพ และจีนมีนโยบายลดกำลังการผลิตเหล็กลง อย่างไรก็ตาม ราคาเหล็กที่ปรับขึ้น เดือนละ 3-5% หรือปรับขึ้นแล้ว 15% นั้น ยังไม่เกินราคาแนะนำที่กรมฯ กำหนดไว้.
ที่มา>>>Thairath

วันศุกร์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2559

คาดสารรั่วทำโรงงานเม็กซิโกระเบิด-ยอดตายพุ่ง 13 ศพ

(ภาพ: AFP)
เหตุระเบิดที่โรงงานปิโตรเคมีภายในโรงกลั่นน้ำมันของบริษัท พีเม็กซ์ ในเมืองทางใต้ของเม็กซิโกเมื่อวันพุธ ล่าสุดทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 13 ราย โดยสาเหตุระเบิดคาดว่าเกิดจากการรั่วไหลของสารติดไฟได้…
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า จำนวนผู้เสียชีวิตจากเหตุระเบิดที่โรงงานปิโตรเคมีภายในโรงกลั่นน้ำมันของบริษัท พีเม็กซ์ (Pemex) ในเมืองท่า โกอัตซาโกอัลกอส ในรัฐเวรากรูซ ทางใต้ของประเทศเม็กซิโก ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันพุธ ล่าสุดเพิ่มขึ้นเป็น 13 รายแล้ว ในวันพฤหัสบดี ขณะที่ยังมีผู้ที่ต้องรับการรักษาในโรงพยาบาลอีกหลายสิบคน
นายลูอิส เฟลิเป ปูเอนเต หัวหน้าศูนย์บริการฉุกเฉิน (emergency services) ของเม็กซิโก เปิดเผยผ่านเว็บไซต์ทวิตเตอร์ในวันพฤหัสบดีว่า พวกเขาได้เข้าตรวจสอบพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากการระเบิดแล้ว และน่าเสียดายที่จำนวนผู้เสียชีวิตจนถึงตอนนี้อยู่ที่ 13 คนแล้ว เพิ่มจากรายงานเมื่อวันพุธที่ระบุว่ามีผู้เสียชีวิต 3 คน
ด้านนายโฮเซ กอนซาเลส อานายา ผู้อำนวยการของบริษัท พีเม็กซ์ เปิดเผยในการให้สัมภาษณ์ทางวิทยุว่า เหตุระเบิดครั้งนี้ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 136 คน ในจำนวนนี้มีผู้มีอาการอยู่ในขั้นวิกฤติ 13 คน และสามารถออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว 48 คน
ส่วนสาเหตุที่ทำให้เกิดการระเบิดครั้งนี้ยังอยู่ในระหว่างการสืบสวน แต่นายกอนซาเลสเผยว่า หลักฐานเบื้องต้นบ่งชี้ว่ามีการรั่วไหลของสารประกอบที่สามารถติดไฟได้ แต่ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าการรั่วไหลเกิดขึ้นได้อย่างไรสามารถมองเห็นควันไฟได้ในระยะไกล (ภาพ: AFP)
ทั้งนี้ เหตุระเบิดที่โรงงานปิโตรเคมี เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 15.15 น. วันพุธตามเวลาท้องถิ่น โดยแรงระเบิดสามารถรู้สึกได้แม้ห่างออกไปถึง 10 กม. ทำให้เกิดไฟลุกไหม้รุนแรง ส่งควันดำหนาทึบลอยปกคลุมท้องฟ้า ก่อนเจ้าหน้าที่จะสามารถควบคุมเพลิงได้ในช่วงเย็นวันเดียวกัน ขณะที่ทางการสั่งให้ผู้ที่อาศัยใกล้กับโรงงานนับพันคนอพยพออกจากพื้นที่ และประกาศเตือนให้ประชาชนอยู่แต่ในที่ร่มเพื่อหลบควันไฟซึ่งอาจมีพิษ
อย่างไรก็ตาม ควันไฟสลายตัวอย่างรวดเร็ว และบริษัท พีเม็กซ์ ประกาศในวันพฤหัสบดีว่า ไม่พบว่ามีอันตรายจากควันไฟอีกแล้ว.
ที่มา>>>Thairath

มอบเงินช่วย ‘น้องฟิม เพชรในตม’ บ้านยากจน สอบโอเน็ตวิชาเลข ได้เต็ม 100

ธารน้ำใจหลั่งไหล มอบทุนการศึกษาให้แก่ ด.ญ.อโรชา (น้องฟิม) บัวเพชร เรียนดี แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ หลังสอบทำคะแนนเต็ม 100 คะแนน ในวิชาคณิตศาสตร์ ปลื้มใจแทน นร.ถิ่นทุรกันดาร มีครูไม่ครบชั้น แต่สามารถทำคะแนนได้ดีเทียบ ร.ร.ชั้นนำ
ผู้สื่อข่าว จ.พัทลุง รายงานว่า จากกรณีที่สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ(สทศ.) ได้ประกาศผลการจัดสอบโอเน็ต (ผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษา) ในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ประจำปีการศึกษา 2558 พบปรากฏว่า มีนักเรียนชั้น ป.6 ในสังกัด สพป.พัทลุง เขต 1 ทำคะแนนเต็ม 100 คะแนน ในวิชาคณิตศาสตร์มากถึง 46 คน และคะแนนเต็ม 100 ในวิชาภาษาอังกฤษ จำนวน 3 คน ซึ่งจากการประกาศผลการสอบโอเน็ตดังกล่าว ได้สร้างความฮือฮาให้กับวงการการศึกษาจังหวัดพัทลุง เมื่อพบว่า ด.ญ.อโรชา บัวเพชร นักเรียนชั้น ป.6 โรงเรียนบ้านหัวป่าเขียว นักเรียนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ และโรงเรียนก็เป็นโรงเรียนในถิ่นทุรกันดารที่สุดใน สพป.พัทลุง เขต 1 มีผลการสอบโอเน็ต ในวิชาคณิตศาสตร์ได้คะแนนเต็ม 100
ทั้งนี้ โรงเรียนดังกล่าวซึ่งเปิดสอนตั้งแต่ชั้นอนุบาล – ป.6 จำนวน 8 ห้องเรียน แต่มีครูสอนเพียง 3 คน ครูจ้าง 1 คน ครูสอนคนพิการ 1 คน ซ้ำยังไม่มีผู้บริหารของโรงเรียนดังกล่าว ตามข่าวที่ นสพ.ไทยรัฐ และไทยรัฐออนไลน์ ได้เสนอข่าวไปจนโด่งดังทั่วประเทศไปแล้วนั้น
ผู้สื่อข่าว จ.พัทลุง รายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 11.30 น. วันนี้ (ที่ 21) ที่หอประชุมที่ว่าการอำเภอควนขนุน จ.พัทลุง พันเอก ราชัน ธงชัย สัสดีจังหวัดชลบุรี เป็นตัวแทนของคณาจารย์ และนิสิตนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และคณะ ได้มอบทุนการศึกษาให้แก่ ด.ญ.อโรชา (น้องฟิม) บัวเพชร เป็นเงิน 50,000 บาท นอกจากนั้นยังได้มอบเงินให้กับโรงเรียนบ้านหัวป่าเขียวอีก จำนวน 10,000 บาท และมอบเงินสมทบทุนโครงการอาหารกลางวันให้กับนักเรียนในโรงเรียนดังกล่าวอีกจำนวนหนึ่งด้วย โดยมี นายนฤทธิ์ มงคลศรี นายอำเภอควนขนุน และพันตรี จารุกิตติ์ ทองคง สัสดีอำเภอควนขนุน ให้การต้อนรับ
ทางด้านพันเอก ราชัน เผยว่า หลังจากที่ทราบข่าวดังกล่าวทางไทยรัฐออนไลน์ ก็ได้แปลกใจเป็นอย่างยิ่งที่นักเรียนในถิ่นทุรกันดาร ครอบครัวขาดแคลนทุนทรัพย์ มีครูไม่ครบชั้น จะสามารถสอบโอเน็ตในวิชาคณิตศาสตร์ได้คะแนนเต็ม 100 ทั้งๆ ที่ไม่ได้ไปเรียนกวดวิชาจากที่ไหนเลย ก็ต้องขอบคุณคุณครูในโรงเรียนโดยเฉพาะอาจารย์นงเยาว์ ขุนจันทร์ ผู้สอนวิชาคณิตศาสตร์ และผู้รักษาการ ผอ.โรงเรียนดังกล่าว ที่สามารถผลักดันเด็กคนดังกล่าวจนประสบความสำเร็จ ซึ่งถือว่าเด็กคนนี้เป็นเพชรเม็ดงามที่มีค่าต่อประเทศชาติ และหากได้รับการสนับสนุนด้านเงินทุนการศึกษาจากผู้ใจบุญ นักเรียนคนนี้จะเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีค่าของประเทศชาติอย่างแน่นอน ตนจึงขอวิงวอนให้ผู้ใจบุญได้ให้การช่วยเหลือน้องฟิมด้วย
สำหรับผู้ใจบุญ สามารถโอนเงินช่วยเหลือเข้าบัญชี ด.ญ.อโรชา บัวเพชร ที่ธนาคารออมสิน สาขาควนขนุน เลขที่บัญชี 020166624641.
ที่มา>>>Thairath

วันพฤหัสบดีที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2559

พบกระดูกมนุษย์ถูกไฟป่าเผาที่ภูกระดึง คาดเป็นตร.โรงพักบ้านแท่น

(ภาพจาก:กู้ภัยภูกระดึงพิทักษ์ชีพ จ.เลย)
พบโครงกระดูกมนุษย์เพศชาย ถูกไฟป่าเผาจนเกรียม บางส่วนถูกสัตว์ป่าแทะกิน ที่ลำห้วยแฮด ห่างจากด่านตรวจจุดที่ 2 ทางขึ้นภูกระดึงประมาณ 700 เมตร คาดเป็นดาบตำรวจโรงพักบ้านแท่น ที่หายตัวไป ประสานญาติตรวจดีเอ็นอี พิสูจน์
เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 20 เม.ย.59 พ.ต.ท.ชูเกียรติ ภูบ้านหม้อ สว.(สอบสวน) สภ.ภูกะดึง จ.เลย ได้รับแจ้งจาก จนท.อุทยานแห่งชาติภูกระดึง ว่าพบโครงกระดูกมนุษย์ถูกเผาที่ลำห้วยแฮด ห่างจากด่านตรวจจุดที่ 2 ทางขึ้นภูกระดึงประมาณ 700 เมตร ประสานไปยังแพทย์ รพ.ภูกระดึง กู้ภัยภูกระดึงพิทักษ์ชีพ ร่วมเดินทางไปที่เกิดเหตุ จนท.ต้องเดินเท้าลงไปในบริเวณลำห้วยแอดร่วม 1 ชม. พบโครงกระดูกมนุษย์สภาพนอนหงายกระจัดกระจายถูกไฟป่าเผาไหม้ พบเสื้อกันหนาว สีน้ำตาลที่ถูกไฟเผาแต่ไม่หมด
จาการตรวจสอบของแพทย์พบว่าผู้เสียชีวิตเป็นชาย สูงประมาณ 170 ซม.โครงกระดูกถูกไฟป่าเผาไหม้เกรียม บางส่วนหายไปจากการถูกสัตว์ป่าแทะกินไป เสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3-5 เดือน จึงได้รวบรวมเศษโครงกระดูกนำมาตรวจสอบเบื้องต้นที่ รพ.ภูกระดึง จากเตรียมส่งต่อกองพิสูจน์หลักฐาน รพ.ศูนย์ขอนแก่น เพื่อพิสูจน์ทราบว่าผู้ตายเป็นใคร
ขณะเดียวกัน จากการตรวจสอบ ทราบว่าเมื่อไม่นานมานี้ ได้มีญาติตามหาตัวดาบตำรวจมังกร ผาลาด อายุ 55 ปี อดีตตำรวจ สภ.บ้านแท่น จ.ชัยภูมิ เพราะหายตัวไปเมื่อเดือนมิถุนายน 2558 จนปัจจุบันยังไม่พบตัว และมีการแจ้งความคนหายไว้ ส่วนโครงกระดูกที่พบมีรูปพรรณสัณฐานใกล้เคียงกัน ได้ประสานญาติดาบตำรวจมังกร มาดูและตรวจดีเอ็นเอ ว่าตรงกันหรือไม่.
ที่มา>>>Thairath

หนุ่มเมืองน้ำหอมทะเลาะแฟนสาว น้อยใจโดดคอนโดหรูย่านสาทรดับ

หนุ่มเมืองน้ำหอม เกิดปากเสียงกับแฟนสาวชาวไทย ก่อนส่งรูปห้อยขาอยู่ขอบหน้าต่างให้ดู ก่อนจะตัดสินใจกระโดดคอนโดหรู ย่านสาทร ลงมาเสียชีวิตคาที่…
เมื่อเวลา 21.30 น. วันที่ 20 เม.ย. ร.ต.ท.เกียกติศักดิ์ พิมพ์มานนท์ รอง สว.(สอบสวน) สน.ยานนาวา รับแจ้งเหตุมีผู้พลัดตกจากที่สูง ภายในคอนโดหรูแห่งหนึ่ง ในซอยสาทร 12 แขวงสีลม เขตบางรัก กทม. รุดตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.พงษ์ศักดิ์ ทรัพย์ละออ ผกก.สน.ยานนาวา พ.ต.ท.สัญชัย มาตรคำจันทร์ รอง ผกก.สส.สน.ยานนาวา พ.ต.ท.บวรภพ สุนทรเลขา สว.สส.ทท.2 กก.1 บก.ทท. ร.ต.อ.ปริน รัตนเพียร รอง สว.ส.ทท.2 กก.1 บก.ทท. พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ยานนาวา เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวช รพ.จุฬาฯ และอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุเป็นคอนโดหรู สูง 40 ชั้น บริเวณพื้น พบศพ นายจอห์น วินเซนต์ เอมมานูเอล อายุ 31 ปี สัญชาติฝรั่งเศส เป็นช่างออกแบบเครื่องประดับ ย่านสีลม สวมเสื้อยืดแขนสั้นลายขวางสีน้ำเงิน กางเกงยีนส์สวมรองเท้ากีฬาผ้าใบสีดำ รองเท้าข้างซ้ายอีกข้างตกอยู่ใกล้กัน สภาพนอนหงายจมกองเลือด กระดูกแขนขาหักผิดรูป เมื่อตรวจสอบห้องพักเลขที่ 371 ชั้น 26 ของผู้ตาย ไม่พบร่องรอยการต่อสู้หรือรื้อค้นทรัพย์สิน
จากการสอบปากคำแฟนสาวชาวไทย ให้การว่าผู้ตายพักอยู่ที่ห้องดังกล่าวคนเดียว ก่อนเกิดเหตุโทรศัพท์ทะเลาะกัน จากนั้นแฟนหนุ่มส่งรูปขณะนั่งห้อยขาอยู่ขอบหน้าต่างมาให้ดู และไม่สามารถติดต่อได้อีก จึงรีบเดินทางมา กระทั่งพบแฟนเสียชีวิตแล้ว ก่อนนำศพส่งนิติเวช รพ.จุฬาฯ ต่อไป.
ที่มา>>>Thairath

วันพุธที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2559

‘บี’ ช็อก! เจ็ตสกีดับกลางทะเล เผยนาทีเฉียดตายทั้งกลัวทั้งแดดเผา

ทำเอานางเอกสาว บี–น้ำทิพย์ จงรัชตวิบูลย์ ขวัญกระเจิง! หลังใช้เวลาช่วงหยุดสงกรานต์ไปเที่ยวพักผ่อน ขี่เจ็ตสกีเล่นที่ทะเลหัวหิน แต่ดั๊นเจอแจ็กพ็อต เจ็ตสกีดับกลางทะเล ทำ เอาสาว บี ตกใจสุดขีด เพราะขี่ออกไปไกลมาก ล่าสุดทีมข่าว “บันเทิงไทยรัฐ” เลยต่อสายตรงถามถึงนาทีระทึกว่ารู้สึกยังไงบ้าง? “ตกใจมากค่ะ ปกติบีไปทะเลก็จะชอบขี่เจ็ตสกีอยู่แล้ว เราก็ไปเที่ยวหัวหินค่ะ เลยให้โรงแรมดีลเช่าเจ็ตสกีให้ประมาณ 20 นาทีแต่ขี่ไปได้แค่ 10 นาทีปรากฏว่าเครื่องยนต์เกิดดับกลางทะเล สตาร์ตยังไงก็ไม่ติด ตอนนั้นก็ตกใจมาก เริ่มกังวลเพราะเราขี่ออกมาไกลมาก มองไปที่หาดเห็นโรงแรมเรานิดเดียวเท่านิ้วโป้งแล้วคิดว่าคนที่ชายหาดก็ไม่น่าจะเห็นเราด้วย เพราะอยู่ไกลมาก ก็พยายามโบกมือและตะโกนว่าช่วยด้วยๆ กรี๊ดลั่นกลางทะเลเลย เหมือนในหนัง เข้าใจเลยว่ามันน่ากลัวอย่างนี้นี่เองแต่กรี๊ดยังไงคนก็ไม่เห็น ขณะเดียวกันคลื่นมันก็ซัดเราออกไปไกลจากฝั่งเรื่อยๆมันก็ยิ่งน่ากลัว จนเวลาผ่านไปประมาณนึง คนที่ให้เราเช่าเจ็ตสกี เค้าคงสังเกตว่ามันเลยเวลาเช่ามานานแล้ว ก็เลยขี่เจ็ตสกีออกมาตามหา”
‘บี’เตรียมพร้อมก่อนซิ่งเจ็ตสกี
กลัวตายเลยมั้ย? “กลัวมาก กลัวเค้าหาไม่เจอ ไม่รู้ไป ไหน มันลอยไปกลางทะเลไปไกลเรื่อยๆ แดดตอนบ่ายก็ร้อนมากไม่มีอะไรบังด้วยโหดสุดๆ” นึกถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์รึป่าว? “นึกถึงแม่ค่ะ และขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้มีคนมาช่วยก่อนที่เราจะไปไกลกว่านี้” ทำให้เรากลัวไปเลยมั้ย? “ก็กลัว คิดว่าต่อไปจะไม่ขี่ไกลเกิน ถ้าเกิดอะไรขึ้นเจ้าของเครื่องอาจจะไม่รู้ว่าเราอยู่ตรงไหน โชคดีที่มีเวลาจำกัดว่าเราต้องเล่นแค่ 20 นาที เค้าเลยขี่ออกมาดูถ้าเค้าไม่มาตามเราอาจจะไปไกลกว่านี้ก็ได้ เหมือนดูหนังสยองขวัญเลย” ปกติเราต้องมีบัดดี้ไปด้วยมั้ย? “ไม่มีค่ะ ไปคนเดียวเลย ชอบเล่นอยู่แล้ว” ต่อว่าทางเจ้าของมั้ยว่าดูแลเครื่องยังไง? “ไม่ต่อว่าค่ะ เพราะตอนที่เค้ามาช่วย เค้ามากัน 2 คน คนขี่ดันว่ายน้ำไม่เป็น คนซ้อนโดดน้ำลงมาปรากฏว่าทำให้เจ็ตสกีคว่ำ ไม่รู้ใครจะช่วยใครตอนนั้น ก็รออีกสักพักนึงก็มีคนออกมาช่วย แล้วก็มาลากเจ็ตสกีที่คว่ำและลากของเราด้วย” ฮิมเป็นห่วงมั้ย? “เค้าก็เป็นห่วง ก็ตกใจนิดหน่อย” เค้าห้ามเราเล่นอีกเลยมั้ย? “ก็บอกว่าอย่าไปเล่นไกลมาก ถ้าเกิดอะไรขึ้นมามันไม่มีคนเห็น”.
ที่มา>>>Thairath