วันจันทร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2560

พณ. สั่งบิ๊ก ขรก. ขโมยภาพญี่ปุ่น ช่วยราชการ เผยฝากขอโทษเพื่อนข้าราชการ และคนไทยทั้งประเทศ

จากกรณี รองอธิบดีมกรมทรัพย์สินทางปัญญา ก่อเหตุขโมยภาพวาด ในโรงแรมประเทศญี่ปุ่นนั้น นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ได้รับการประสานจากกระทรวงการต่างประเทศว่าขณะนี้นายสุภัฒ สงวนดีกุล รองอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญาแล้ว ได้รับการปล่อยตัวจากอัยการแล้ว เนื่องจากทางอัยการเห็นว่าคดีนี้มิใช่คดีร้ายแรง โดยเป็นการลักทรัพย์ที่ไม่ได้มีการเตรียมการไว้ก่อนล่วงหน้า อีกทั้งข้าราชการคนดังกล่าวก็ได้ยอมรับผิดและชดใช้ค่าเสียหายให้กับทางโรงแรมเจ้าของรูปภาพแล้ว
“ล่าสุดกระทรวงฯ ได้รับการติดต่อจากข้าราชการคนดังกล่าว และท่านได้กล่าวยอมรับและแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งกล่าวขอโทษผู้บังคับบัญชาและเพื่อนข้าราชการ ตลอดจนคนไทยทุกคนต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น”
ทั้งนี้ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กระทรวงฯ ขอขอบคุณกระทรวงการต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียว และสถานกงสุลใหญ่ ณ นครโอซากา ที่ได้เป็นธุระติดต่อประสานงานกับทางการของประเทศญี่ปุ่นตลอดระยะเวลาที่ข้าราชการคนดังกล่าวถูกควบคุมตัวอยู่
 นางอภิรดีกล่าวว่า กระทรวง ได้ดำเนินการตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงแล้ว มีกรรมการครบจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (กพ.) สำนักนายกรัฐมนตรี และผู้แทนกระทรวงพาณิชย์ เพื่อให้เกิดความโปร่งใส ถูกต้อง และได้ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นทั้งหมดทุกด้าน โดยตั้งเป้าตรวจสอบให้แล้วเสร็จภายใน 1 สัปดาห์ จากนั้นเมื่อได้ข้อสรุปแล้ว ก็จะเสนอผลการตรวจสอบต่อผู้บังคับบัญชา และจะดำเนินการตามขั้นตอนระเบียบราชการต่อไป
“ในกระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริง หากมีข้อสงสัยอะไร คณะกรรมการฯ สามารถเชิญผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านมาให้คำปรึกษา หารือได้ เพื่อให้ได้ข้อมูลและผลการตรวจสอบที่ถูกต้อง ตรงไปตรงมา”นางอภิรดีกล่าว อย่างไรก็ตาม ในระหว่างที่มีการตรวจสอบ กระทรวงฯ ได้มีคำสั่งให้ข้าราชการคนดังกล่าว มาช่วยงานที่สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ไปพลางก่อน จนกว่าผลการตรวจสอบจะได้ข้อยุติ
ที่มา>>>ข่าวสด

วันศุกร์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2560

เพื่อนกอดศพโฮ!! เพิ่งแยกกันแท้ๆ นศ.หนุ่มดับสยอง-สลดฟันร่วงเกลื่อนถนน

เมื่อเวลาประมาณ 00.10 น. วันที่ 27 ม.ค. 60 ร.ต.ท.ณรงค์ ตาละอุปละ พนักงานสอบสวน สภ.ไชโย จ.อ่างทอง รับแจ้งเหตุรถจักรยานยนต์ชนท้ายรถพ่วง มีผู้เสียชีวิต เหตุเกิดบนถนนสายเอเชียขาออก (ขาขึ้นนครสวรรค์) ช่วงหลักกิโลเมตรที่ 56-57 บริเวณหน้าร้านครัวไชโย หมู่ที่ 1 ต.ชัยฤทธิ์ อ.ไชโย จ.อ่างทอง หลังรับแจ้งจึงรุดไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยแพทย์เวรโรงพยาบาลไชโย และเจ้าหน้าที่นักวิทยุสมัครเล่นกู้ภัยจังหวัดอ่างทอง
ที่เกิดเหตุบนถนน พบรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ สีน้ำเงิน-ดำ หมายเลขทะเบียน กษจ-423 สุพรรณบุรี ล้มคว่ำอยู่กลางถนน ในสภาพด้านหน้าพังยับ ใกล้กันพบศพ นายสุวัฒน์ กลิ่นทวี อายุ 21 ปี อยู่หมู่ที่ 4 ต.ชัยฤทธิ์ อ.โชโย จ.อ่างทอง นอนเสียชีวิตอยู่ในสภาพมีบาดแผลฉีกขาดที่บริเวณศีรษะ นอกจากนั้นบริเวณริมถนน พบรถพ่วงยี่ห้อฮีโน่ สีขาว หมายเลขทะเบียนตัวแม่ 70-3708 นนทบุรี หมายเลขทะเบียนตัวพ่วง 70-4215 นนทบุรี จอดเสียอยู่ในลักษณะเปิดไฟเลี้ยวแถบซ้ายเอาไว้ ที่บริเวณท้ายรถด้านขวามีร่องรอยถูกชน ที่พื้นถนนมีฟันของผู้เสียชีวิตร่วงอยู่เต็มพื้น
จากการสอบสวนนายพรศักดิ์ บุญมี อายุ 26 ปี อยู่หมู่ที่ 6 ต.ท่าผา อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี คนขับรถพ่วง กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุ ตนได้ขับรถพ่วงบรรทุกขวดเบียร์เปล่ามาเต็มคันออกมาจาก อ.หนองแค จ.สระบุรี มุ่งหน้าจะไปส่งยังโรงงานเบียร์แห่งหนึ่งใน จ.กำแพงเพชร เมื่อขับมาถึงที่เกิดเหตุ รถตนเกิดมีปัญหาเสีย ไม่สามารถขับต่อไปได้ ตนจึงได้จอดรอความช่วยเหลืออยู่ริมถนน โดยเปิดไฟเลี้ยวด้านซ้ายเอาไว้ ระหว่างที่ตนจอดอยู่นั้น จู่ๆ รถจักรยานยนต์คันดังกล่าว ก็ได้ขับมาชนท้ายรถของตนอย่างแรง จนทำให้นายสุวัฒน์ คนขับรถจักรยานยนต์เสียชีวิต ตนจึงได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบ
 ร.ต.ท.ณรงค์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบและสอบสวนในที่เกิดเหตุ นายสุวัฒน์ ผู้เสียชีวิตนั้น ทำงานเป็นพนักงานอยู่ที่โรงงานพลาสติกแห่งหนึ่งใน อ.ไชโย จ.อ่างทอง นอกจากนั้น ยังเป็นนักศึกษา ชั้น ปวช.3 แผนกวิชาช่างยนต์ ของวิทยาลัยอาชีวศึกษาแห่งหนึ่งในจังหวัดอ่างทองด้วย ก่อนเกิดเหตุได้ไปแวะเที่ยวที่บ้านเพื่อน ซึ่งคาดว่าระหว่างเดินทางกลับบ้านอาจจะขับรถมาด้วยความเร็ว เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุไม่ทันสังเกตเห็นว่ามีรถพ่วงจอดเสียอยู่ริมถนน ประกอบกับบริเวณที่เกิดเหตุมืด ไม่มีไฟส่องสว่าง จึงขับรถชนท้ายรถพ่วงเข้าอย่างจัง เป็นเหตุให้เสียชีวิตดังกล่าว อย่างไรก็ตามจะได้ทำการสอบสวนนายพรศักดิ์ คนขับรถพ่วง เพื่อหาสาเหตุอุบัติเหตุที่แน่ชัดต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่เพื่อนผู้ตายทราบข่าวการเสียชีวิต เดินทางมาดูศพ ก็ถึงกับนั่งร้องไห้โฮกอดศพเพื่อนด้วยความเสียใจ หลังเพิ่งแยกกันกลับบ้านไม่นาน แต่เพื่อนกลับมาเสียชีวิตดังกล่าว
ที่มา>>>ข่าวสด

วันพฤหัสบดีที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2560

หนุ่มโหดควงปืนสงครามบุกบ้านหญิง แม่-น้องสาวรับหน้าแทน-เจอยิงใส่ดับสยอง

เมื่อเวลา 21.30 น. วันที่ 25 ม.ค. พ.ต.ต.วิชัย ขวัญอ่อน พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทลุง รับแจ้งเหตุยิงกันเสียชีวิต บ้านเลขที่ 130 หมู่ 5 ต.เขาเจียก อ.เมืองพัทลุง รุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.วิชัย วิทยานฤพล ผกก. และเจ้าหน้าที่จำนวนหนึ่ง
ที่เกิดเหตุพบศพนางจัด ชูดำ อายุ 73 ปี ถูกยิงด้วยอาวุธปืนสงครามชนิดคาร์บิ้นเข้าที่หน้าอกด้านซ้าย หน้าท้อง และด้านหลัง รวม 4 แผล นอนเสียชีวิต ส่วน น.ส.ปรวรรณ ชูดำ อายุ 20 ปี ถูกยิงด้วยอาวุธปืนชนิดเดียวกันเข้าที่ลำตัวและหน้าท้อง บาดเจ็บสาหัส เจ้าหน้าที่กู้ภัยรีบนำส่ง ร.พ.พัทลุง ตรวจสอบที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนอาวุธปืนสงครามคาร์บิ้นตกอยู่ 7 ปลอก จึงเก็บเป็นหลักฐาน
สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ก่อนเกิดเหตุคนร้าย 1 คน เดินเข้าไปที่บ้านหลังดังกล่าวและยิงปืนขู่ขึ้นฟ้า พร้อมตะโกนเรียก น.ส.เสาวนิตย์ หนูรัตน์ อายุ 41 ปี เจ้าของบ้าน ซึ่งเป็นแม่หม้าย ให้เปิดประตูบ้าน แต่น.ส.เสาวนิตย์ไม่ยอมเปิด และไม่ยอมออกมาจากบ้าน คนร้ายจึงใช้ด้ามปืนกระแทกกระจกหน้าต่างจนแตก นางจัด มารดาของน.ส.เสาวนิตย์เห็น จึงมาเปิดประตูบ้านพร้อมต่อว่าคนร้าย ก่อนถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงใส่ 4 นัดจนล้มลงเสียชีวิตคาห้องภายในบ้าน ขณะนั้น น.ส.ปรวรรณ บุตรสาวเข้าห้ามปราม แต่ถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงใส่ 3 นัด ได้รับบาดเจ็บสาหัส
จากนั้นคนร้ายยังเดินบุกเข้าไปภายในบ้าน เพื่อหาตัว น.ส.เสาวนิตย์ แต่หลบหนีออกไปทางหลังบ้านก่อนแล้ว พร้อมโทร.แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่เมื่อตำรวจไปถึงคนร้ายได้หลบหนีไปแล้ว เจ้าหน้าที่จึงประสานเจ้าหน้าที่กู้ภัยนำคนเจ็บส่ง ร.พ.พัทลุง
สาเหตุเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจมุ่งประเด็นสอบสวนความขัดแย้งเรื่องส่วนตัวและชู้สาว ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจพอจะทราบเบาะแสตัวคนร้ายแล้ว ซึ่งกำลังติดตามตัวมาดำเนินคดีและสอบสวนถึงสาเหตุที่แน่ชัดอีกครั้ง
ที่มา>>>ข่าวสด

วันพุธที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2560

“ถ้าผมทิ้งไว้ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้น” แห่ชมหนุ่มวินจยย.ใจหล่อ นั่งเฝ้าลูกค้าสาวสวยเมาไม่ได้สติยันเช้า

โลกออนไลน์แห่แชร์ภาพหนุ่มวินจยย.ใจหล่อ หลังพาผู้โดยสารสาวสวยซึ่งอยู่ในอาการเมามายไม่ได้สติ มาส่งที่หอพัก แต่สาวเจ้าเกิดเมาไม่ได้สติ จึงต้องนั่งเฝ้าเป็นเพื่อนจนเช้า ก่อนจะพาหญิงสาวไปส่งที่ห้อง ทำให้เกิดกระแสชื่นชมหนุ่มคนดังกล่าวอย่างกว้างขวาง โดยหนุ่มวิน จยย.รายนี้ชื่อนายราชการ หรือหม่ำ พิดขุนทด อายุ 20 ปี ซึ่งในวันเกิดเหตุหญิงสาวคนดังกล่าว ได้โบกเรียกหนุ่มวินจยย.จากย่านอาร์ซีเอ เพื่อให้ไปส่งที่ห้องพักย่านพญาไทแต่ระหว่างทางสาวคนดังกล่าวก็เริ่มไม่ได้สติ และทำท่าจะตกรถตลอดเวลา หนุ่มวินจยย. จึงได้ไปจอดที่หน้าร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง เพื่อซื้อน้ำไปล้างหน้าล้างตาหญิงสาว จากนั้นหญิงสาวก็อาเจียนออกมาและหลับไปทันที ซึ่งหนุ่มวิน ก็พยายามเรียกเท่าไรก็ไม่ตื่น ด้วยความเป็นห่วง เกรงว่าจะเกิดอันตราย จึงได้นั่งเฝ้าจนถึงเช้า กระทั่งหญิงสาวตื่นและได้สติ หนุ่มวินจึงพาไปส่งที่หน้าห้องพักจนปลอดภัย
ที่มา>>>ข่าวสด

วันอังคารที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2560

ฮือฮา! แม่ค้าเมืองโอ่ง ขนผลไม้ 3,000 กก. แก้บนหลวงพ่อสมหวัง หลังลูกสาวฟื้นตัวจากมะเร็ง

วันที่ 24 ม.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่าที่วัดกลางบางพระ หมู่ 4 ต.บางพระ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม มีแม่ค้าขายส่งผลไม้รายใหญ่จากตลาดศรีเมือง จ.ราชบุรี เดินทางมาแก้บนผลไม้ 3 ตัน มากกว่า 3,000 กิโลกรัม เพื่อแก้บนให้ลูกสาวมีสุขภาพดีขึ้นจากอาการเจ็บป่วยด้วยโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง จึงเดินทางไปตรวจสอบ
พบว่าภายในลานวัดด้านหน้าหลวงพ่อสมหวัง ซึ่งเป็นพระพุทธรูปเนื้อปูนปางมารวิชัย หรือสะดุ้งมาร ที่มีขนาดหน้าตักความกว้าง 15 เมตร มีความสูงขนาด 30 เมตร ที่ลานด้านหน้าหลวงพ่อสมหวังขึ้นไปจนถึงบันได ได้จัดถาดผลไม้เรียงรายไว้เป็นจำนวนมาก ประกอบไปด้วยผลไม้ 5 ชนิด สับปะรด มะม่วงน้ำดอกไม้สีทอง ส้มเขียวขวาน แตงโม และกล้วย โดยมีพราหมณ์เป็นผู้ประกอบพิธี และพระครูศรีสุตากร เจ้าอาวาสวัดกลางบางพระ ประพรมน้ำมนต์
นางสมบัติ เล็กเปี่ยม อายุ 62 ปี อยู่บ้านเลขที่ 8/1 หมู่ 1 บ้านปราโมท อ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม เผยว่าเป็นแม่ค้าขายผลไม้ตามฤดูกาลอยู่ในตลาดศรีเมือง จ.ราชบุรี วันนี้เดินทางมากับครอบครัว เพื่อแก้บนให้กับลูกสาวคือน.ส.สรินยา เล็กเปี่ยม อายุ 40 ปี นักศึกษาปริญญาเอก เอกบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยเซนต์จอห์น ลาดพร้าว กทม.
หลังจากที่อธิษฐานจิตขณะที่ลูกสาวป่วยหนักและเข้ารับการรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลใน กทม. ซึ่งตอนนั้นคิดว่าลูกสาวกำลังจะสิ้นใจแล้ว จึงอธิษฐานจิตนึกถึงหลวงพ่อสมหวังขอให้ช่วยลูกสาวให้มีชีวิตต่อสู้กับมะเร็งระยะที่ 4 และขอให้ลูกสาวรอดชีวิตจากโรคร้ายนี้ ปรากฏว่าร่างกายก็ดีขึ้น จนถึงปัจจุบันก็ถือว่าประสบความสำเร็จตามที่ได้บนบานไว้ จึงถือฤกษ์ดีใกล้ช่วงเทศกาลตรุษจีนเดินทางมาแก้บนดังกล่าว สำหรับผลไม้กว่า 3,000 กิโลกรัมนี้ หลังเสร็จสิ้นพิธีส่วนหนึ่งได้มอบให้วัด อีกส่วนหนึ่งนำไปแจกจ่ายให้กับโรงพยาบาลและประสานโรงเรียนแหลมบัววิทยา และโรงเรียนวัดศรีมหาโพธิ์ มารับไปแจกจ่ายให้กับเด็กนักเรียนได้รับประทานกันอีกด้วย
ขณะที่ น.ส.สรินยา เผยว่า ตนรู้ตัวว่าป่วยเป็นมะเร็งในระยะที่ 4 ตั้งแต่เดือนเมษายน 59 จึงเข้ารับการผ่าตัด แต่อาการแย่ลงและหนักขึ้น จนกระทั่งเดือนสิงหาคม 59 ที่ผ่านมา ได้เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลพบว่าปอดอักเสบ มีน้ำในปอดและมีเชื้อราในปอด แต่ระยะที่ผ่านมาได้รักษาตัวโดยการให้คีโมไปแล้ว 13 ครั้ง ฉายแสงมา 30 ครั้ง ปัจจุบันกินยาคีโมเพื่อรักษาอาการ ในตอนนั้นร่างกายทรุดโทรมมากจนเรารู้ตัวดีว่าเราไม่ไหวแล้ว คิดว่าจะไม่มีชีวิตอยู่ต่อ แต่แม่เป็นคนเฝ้าไข้อยู่ข้างเตียง ขณะนั้นไม่ทราบจริงๆ ว่าแม่ได้บนบานเอาไว้ จนร่างกายเราดีขึ้นจึงรู้ว่าแม่มาบนในเรื่องสุขภาพของเรา จึงชวนมาไหว้หลวงพ่อสมหวัง
สำหรับนางสมบัติ เคยตกป็นข่าวฮือฮาเมื่อครั้งที่เดินทางมาถวายหัวหมูจำนวน 300 หัว เมื่อปี 2558 ที่บนบานไว้เกี่ยวกับเรื่องครอบครัว สุขภาพ และขอให้ลูกหนี้ที่ขอหยิบยืมเงินไป มาชดใช้คืนจำนวน 2 ล้านบาท จนเป็นข่าวโด่งดังที่ผ่านมา
ที่มา>>>ข่าวสด

วันจันทร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2560

หนุ่มขนหัวลุก-แฟนสาวฆ่าตัวสุดหลอน เขียนสั่ง หลายข้อ ไปพิธีศพ นอนค้าง ถ้าไม่ทำ มาหลอก

ไม่มางาน ศพจะตามไปหลอกหลอนน.ศ.สาวเมืองคอน ทิ้งจดหมายสั่งลา แล้วผูกคอตายคาบ้านเช่า หลังเครียด ปมปัญหาเรื่องความรัก น้อยใจแฟนหนุ่ม ระบุให้สวดศพ 9 วัน และให้แฟนหนุ่มใส่เสื้อรูปคู่ที่เคยทำให้ แล้วโพสต์วิดีโอลงเฟซบุ๊ก แถมต้องนอนค้างที่บ้านด้วย ถ้าไม่ทำจะตามไปหลอกทุกคืน ด้านแฟนหนุ่มเผย พร้อมทำตามคำขอทุกอย่าง ย้ำเคยทะเลาะกันบ้าง แต่ก็คืนดีกันแล้ว ระบุนิสัยแฟนสาวขี้น้อยใจ และชอบเก็บปัญหาไว้ คนเดียว
เมื่อเวลา 23.00 น. วันที่ 21 ม.ค. พ.ต.ต.สุริยน แกมทอง สว.สอบสวน สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช รับแจ้งเหตุคนผูกคอตายในบ้านเช่าไม่มีเลขที่ ม.1 ต.โพธิ์เสด็จ อ.เมือง จึงรีบรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนรีบรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วยพ.ต.อ.อดิศักดิ์ เทพวรรณ์ ผกก.สภ.เมือง แพทย์เวรโรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช และเจ้าหน้าที่มูลนิธิประชาร่วมใจ
ที่เกิดเหตุภายในห้องนอนบ้านเช่าหลังดังกล่าว พบศพน.ส.บี (นามสมมติ) อายุ 19 ปี ใช้ผ้าขนหนูผูกคอกับมือจับหน้าต่างห้อง สภาพศพอยู่ในท่าคุกเข่า จนทำให้กระดูกต้นคอหลุด ผู้ตายสวมเสื้อยืดแขนสั้นสีขาว นุ่งกางเกงขาสั้นสีฟ้า เบื้องต้นแพทย์สันนิษฐานว่าน่าจะเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 2 ชั่วโมง ส่วนบริเวณโดยรอบที่เกิดเหตุ ไม่พบร่องรอยการต่อสู้และร่องรอยการรื้อค้นทรัพย์สินใดๆ
ที่ฝาผนังห้อง เจ้าหน้าที่พบจดหมายที่น.ส.บี เขียนสั่งลาไว้ก่อนตาย จำนวน 3 ฉบับ ฉบับแรกได้เขียนขอโทษเจ้าของบ้านเช่า อีกฉบับเขียนถึงแฟนหนุ่มชื่อว่า “มายด์” ข้อความว่า “รักมากจนกว่าจะหาใครมาแทนได้” และสั่งให้ทำตามที่บอกด้วย ไม่เช่นนั้นจะตามหลอกหลอนทุกคืน คือต้องใส่เสื้อที่สกรีนให้ไปร่วมงานศพคืนแรกและคืนสุดท้าย พร้อมบอกทางไปงานศพ ลงท้ายว่า “ขอบคุณที่ทำให้รักมากขนาดนี้ ตลอดมามีความสุขมาก” พร้อมกันยังสั่งให้ทำวิดีโอโพสต์ลงเฟซบุ๊ก พร้อมย้ำว่าต้องทำโดยให้ใส่เพลง “สิ่งสุดท้ายที่เกี่ยวกับเธอ” มาด้วย หากไม่ทำตามจะตามมาหลอกหลอน และเอาไปอยู่ด้วย
ส่วนจดหมายฉบับสุดท้าย ผู้ตายเขียนถึงย่า ใจความว่า “ย่า หนูขอโทษที่ทำแบบนี้ ไม่มีเค้านุ้ยอยู่ไม่ได้จริงๆ ย่าให้เค้ามางานศพหนูด้วยนะ เค้าจะเรียกหนูว่าบี เค้าชื่อมายด์ ย่าไม่ต้องเปลี่ยนผ้าให้หนูนะ ให้ใส่ชุดในวันตายจนเผา ส่วนงานศพ ย่าสวดให้หนู 9 วัน 9 คืน ฝากขอโทษทุกคนนะย่า รักย่า รักโป รักพ่อ รักแม่.. รักทุกคนนะ นี่คงจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ทุกคนจะมาเดือดร้อนเพราะหนู รักทุกคนนะ”
จากการสอบสวนทราบว่า ผู้ตายเป็นนักศึกษาอยู่ที่สถานศึกษาแห่งหนึ่งในตัวเมืองนครศรีธรรมราช เพิ่งทะเลาะกับแฟนหนุ่มที่ชื่อว่า “มายด์” ทำให้ผู้ตายเสียใจอย่างมาก ขณะที่อยู่ห้องพักตามลำพังได้เขียนจดหมายระบายความคับข้องใจ ก่อนจะลงมือใช้ผ้าขนหนูผูกคอตายในเวลาต่อมา เชื่อว่าสาเหตุน่าจะมาจากเรื่องความรัก จนทำให้เกิดความ เครียดและก่อเหตุดังกล่าวขึ้น ภายหลังจากชันสูตรพลิกศพเสร็จแล้ว ได้มอบศพให้กับญาตินำกลับไปจัดการตามประเพณีต่อไป
บ่ายวันเดียวกัน “มายด์” ซึ่งเป็นแฟนหนุ่มของผู้ตาย ได้โพสต์วิดีโอและข้อความใน เฟซบุ๊กว่า “บีครับ ไหนสัญญาว่าจะไม่ทิ้งกันไง แล้วทำไมทำแบบนี้ มีอะไรไม่เคยบอก ไม่คิดเลยจริงๆ ว่าจะมีวันนี้ เคยทะเลาะกัน ไม่ว่าเค้าถูกหรือผิด เค้าง้อตลอด จะไปไหว้ศพก็ไม่กล้าไป กลัวไปหมด?รักบีมากนะ?บีจะอยู่ในใจเค้าตลอดไป”
พร้อมกันนี้ยังได้โพสต์คลิปวิดีโอ ซึ่งเป็นภาพเมื่อครั้งสมัยที่ยังรักกันหวานชื่น แล้วแคปชั่นอีกว่า “ขอโทษทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำให้เสียใจ เค้าไม่คิดว่าจะมีวันนี้ รักบีนะ..เค้าทำให้แล้วนะ”
มายด์ระบุด้วยว่า “นี่ผมผิดหรอ ผมก้อคุยกะเค้าแล้วเข้าใจกันแล้ว ดีกันแล้ว ผมก้อไม่คิดเหมือนกันว่าเค้าจะทำแบบนี้ แล้วสาเหตุมันก้อมีหลายเรื่องที่เค้าเก็บไว้คนเดียว..ช่วยบอกหน่อยครับ ผมผิดใช่มั้ย ????”
ต่อมาผู้สื่อข่าวสอบถามไปยังนายมายด์ แฟนหนุ่มของผู้ตาย เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้แฟนสาวมาพักอยู่กับตนที่ จ.ปทุมธานี พ่อของตนมีอาชีพรับเหมาติดตั้งฝ้าเพดาน ตนต้องไปช่วยพ่อทำงานด้วย ระหว่างที่อยู่ด้วยกันก็จะพาแฟนสาวไปทำงานด้วยเสมอ ก่อนหน้านี้ทราบว่าแฟนสาวกำลังมีปัญหากับคนในครอบครัว แต่เป็นเรื่องอะไรนั้นแฟนสาวไม่ยอมบอก ระหว่างที่อยู่ด้วยกันก็ปกติดี ไม่ค่อยมีปัญหาอะไรกัน แต่แฟนสาวเป็นคนขี้น้อยใจ มีปัญหาอะไรจะไม่ค่อยพูด ชอบเก็บไว้คนเดียว
นายมายด์กล่าวต่ออีกว่า ก่อนหน้านั้นอยู่ดีๆ แฟนสาวก็บอกตนว่า ถ้าเกิดวันนึงบีตายไป ตนจะทำยังไง ซึ่งตนก็บอกไปว่าจะพูดทำไมมันเป็นลางไม่ดี ตอนนั้นก็ไม่ได้คิดอะไร กระทั่งตนเกิดทะเลาะกับแฟนสาว ด้วยเรื่องเล็กน้อย เขาจึงกลับไปบ้านที่ จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งตลอดเวลาก็โทร.คุยกันทุกวัน ตามง้ออยู่ตลอดเวลา กระทั่งเขาหายโกรธ และเพิ่งกลับมาคืนดีกันได้เพียงแค่ 1-2 วันที่ผ่านมา จนมารู้ว่าผูกคอตายไปในที่สุด
นายมายด์กล่าวด้วยว่า สำหรับจดหมายที่แฟนสาวเขียนสั่งให้ทำนั้น ก็ยินดีจะทำ เพราะรักแฟนสาวมาก ส่วนเสื้อที่แฟนสาวให้ใส่นั้นเป็นเสื้อยืดสีดำ มีสกรีนรูปคู่ตนกับแฟนสาว หลังทราบข่าวว่าเขาผูกคอตาย ก็รีบโทรศัพท์ไปที่บ้านของแฟนสาว ทางบ้านแฟนก็บอกว่าไม่มีปัญหาอะไร ให้ไปร่วมงานศพได้ ตนก็กำลังเตรียมตัวเดินทางลงไป และจะนอนค้างที่บ้านตามคำสั่งด้วย แต่จะอยู่ได้กี่วันนั้นต้องขอดูสถานการณ์ก่อน เพราะตอนนี้เงินก็ไม่ค่อยมี
ด้านย่าของน.ส.บี เปิดเผยว่า หลังทราบเรื่องของหลานสาวก็แทบใจจะขาด ไม่คิดว่าจะคิดสั้นอย่างนี้ ส่วนจดหมายที่เขียนสั่งเสียว่า ขอให้บำเพ็ญกุศลศพ 9 วัน 9 คืนนั้น ตนขอขมาศพไปแล้วว่าขอทำแค่ 5 วัน เพราะตนไม่สบาย ไว้นานกว่านี้ไม่ได้ ขณะนี้ศพตั้งบำเพ็ญกุศลอยู่ที่บ้านใน จ.นครศรีธรรมราช ส่วนเรื่องที่หลานขอให้แฟนหนุ่มชื่อ “มายด์” มาร่วมงานศพวันแรกและวันสุดท้ายนั้น ตนยินดีให้มาร่วมงาน เพราะสิ่งที่หลานสาวทำลงไปอาจจะไม่เกี่ยวกับนายมายด์ แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่เห็นติดต่อมา
“มาเถอะ ยังไงก็ให้มาขอขมาศพหลานสาวของย่าด้วย เรื่องที่เกิดขึ้นทางญาติพี่น้องก็ไม่มีปัญหาอะไร” ย่าของผู้ตายกล่าวด้วยความเสียใจ
ที่มา>>>ข่าวสด

วันเสาร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2560

“หอมแดงพื้นบ้าน” ราคาพุ่งรับต้นฤดูกาล กก. 30-45 บาท ชูปีทอง “หอม-กระเทียม”

วันที่ 20 มกราคม 2560 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้เป็นต้นฤดูกาลเก็บเกี่ยวหอมแดง พบว่าราคาหอมแดงต้นฤดูในจังหวัดพะเยา มีราคาอยู่ที่ กก.ละ 35-45 บาท เนื่องจากสถานการณ์สภาพอากาศหนาวเย็นและมีฝนตก กลางวันแดดจัด ทำให้เกษตรกรที่ปลูกหอมแดงประสบปัญหา ผลผลิตหอมแดงไม่มีคุณภาพ หัวหอมไม่โตและบ้างก็ไม่มีหัว เนื่องจากใบเน่า พื้นที่ความเสียหาย โดยเฉพาะใน ต.จำป่าหวาย อ.เมืองพะเยา จ.พะเยา ซึ่งเป็นพื้นที่ปลูกหอมแดงที่มีคุณภาพแห่งหนึ่งของ จ.พะเยา ขณะนี้มีความเสียหายแล้วกว่าร้อยละ 60 ของพื้นที่ทั้งหมด นอกจากนี้หอมแดงจากจีนก็เริ่มขาดตลาดทำให้ราคาขยับตัวขึ้นมาอยู่ที่ กก.ละ 29-35 บาท ทำให้ผู้ค้าหอมทอดต้องแบกรับภาระหอมแพง แต่ก็ยังขายหอมทอดที่ กก.ละ 250-350 บาท
นางยุพา บุญเรือง บ้านเลขที่ 33 หมู่ 2 ต.จำป่าหวาย อ.เมืองพะเยา จ.พะเยา เปิดเผยว่า เนื่องจากสภาพอากาศที่แปรปรวน ได้ส่งผลกระทบต่อผลผลิตหอมแดงในพื้นที่ ฝนตก หมอกลงจัดในช่วงเช้าและกลางคืน กลางวันแดดจัด ทำให้ใบหอมแดงเน่า ไม่มีหัว หรือหัวไม่โต ผลผลิตหายไปจำนวนมาก ทราบว่าปีนี้ในพื้นที่ ต.จำป่าหวาย ปลูกประมาณ 2,000 ไร่ แต่ผลผลิตเสียหายไปแล้วกว่า 1,400 ไร่ สำหรับตนปลูกไว้ 2-3 ไร่ เพื่อใช้ทำพันธุ์เตรียมปลูกในเดือนเมษายน 2560 ปรากฏว่าขณะนี้เสียหายเกือบสิ้นเชิง ไม่สามารถใช้ทำเป็นพันธุ์ได้ จึงอยากร้องขอให้ราชการช่วยเหลือด้านค่าชดเชย เพราะเกษตรกรจะต้องมีค่าใช้จ่ายเรื่องจัดหาพันธุ์ปลูกในเดือนเมษายนนี้ด้วย
“แต่ละปีที่ปลูกหอมแดงจะต้องใช้ทุนเฉลี่ยไร่ละ 4,000-5,000 บาท แต่ปีนี้ลงทุนแล้วยอมรับว่าไม่สามารถได้คืน เพราะเกิดจากสภาพอากาศที่แปรปรวนทำให้หอมแดงเสียหายอย่างหนัก” นางยุพา กล่าว
นายพิทักษ์ชน แข่งขัน นายกเทศมนตรีตำบล(ทต.)บ้านถ้ำ อ.ดอกคำใต้ จ.พะเยา กล่าวว่า กระเทียมพื้นเมืองในพื้นที่ ต.บ้านถ้ำที่ปลูกกันกว่า 1,000 ไร่ นั้น แม้นจะปลูกมาก แต่ผลผลิตไม่น้อย เพราะได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศที่แปรปรวนเช่นกัน บางแปลงเป็นเชื้อราทำให้กระเทียมไม่มีคุณภาพ แต่ในแปลงที่เจ้าของเอาใจใส่เป็นอย่างดีก็มีคุณภาพเช่นกัน และปีนี้นับว่าเป็นปีทองของเกษตรกรที่ปลูกกระเทียมและหอมแดงมีรายได้ดี เพราะผลผลิตน้อย พื้นที่ปลูกลดลง
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับราคากระเทียมนั้น หน้าสวนในพื้นที่ ต.บ้านถ้ำ ถอนสดๆ จากดินอยู่ที่ กก.ละ 25-30 บาท พ่อค้าแม่ค้าที่รับซื้อและนำมาขายปลีก กก.ละ 60 บาท กระเทียมแห้งค้างปี กก.ละ 150-250 บาท ขึ้นอยู่กับขนาด
ที่มา>>>ข่าวสด

วันศุกร์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2560

ธารน้ำใจช่วย ‘น้องจอบ’นร.ม.2 ไม่มีพ่อแม่-ชีวิตยากจน บ้านหลังคารั่วจนนอนไม่ได้

เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2560 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายขจรศักดิ์ เบ็ญชัย สจ.สกลนคร เขตอำเภอวานรนิวาส และ นายชัยยันต์ ธานะราช สจ.สกลนคร เขตอำเภอบ้านม่วง ได้นำสิ่งของ รถจักรยาน และเงินสดจำนวนหนึ่งที่มีผู้มอบผ่านนำไปมอบให้กับ ด.ช.เนติศักดิ์ หรือ น้องจอบ กาวงศ์ อายุ 14 ปี อยู่บ้านโพนแพง หมู่ 6 ต.หนองสนม เรียนอยู่ชั้น ม.2 โรงเรียนภูดินแดงวิทยา อ.วานรนิวาส และ ด.ช.เกียรติศักดิ์ หรือ น้องจ้าว แก้วมะณี อายุ 8 ปี เรียนอยู่ชั้น ป.2 โรงเรียนบ้านโพนแพง ที่ได้ร้องขอให้นายขจรศักดิ์ เบ็ญชัย สจ.เขตวานรนิวาส ช่วย เนื่องจากฐานะยากจนมีความลำบาก แม่เสียชีวิต พ่อหนีแม่ไปตั้งแต่น้องจ้าวเพิ่งคลอดไม่กี่วัน เนื่องจากแม่ป่วยเป็นโรคร้าย และต่อมาแม่เสียชีวิตลง ต้องอาศัยอยู่กับตา อายุ 87 ปี และยายอายุ 80 ปี และลุง(พี่แม่)ไม่มีครอบครัวที่ป่วยโรคความดัน โดยการรับจ้างและเผาถ่านขาย โดยรายได้อาศัยเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ตากับยายคนละ 700 บาท และต่อมาตาป่วยเสียชีวิตลงไป ทำให้ไม่มีเงินเรียนหนังสือเนื่องจากอาศัยรายได้จากเงินของยาย เดือนละ 700 บาทมาเป็นค่าใช้จ่าย สุดทนลำบากจึงร้องขอต่อ สจ.เพื่อหาทางช่วยเหลือ
วันนี้ ได้มี นายศิร พลสา นักพัฒนาสังคมและความมั่นของของมนุษย์ หน่วยที่ 55 ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง จ.สกลนคร พร้อมเจ้าหน้าที่ เดินทางมอบเงินจำนวน 1,000 บาท กับ ด.ช.เนติศักดิ์ หรือ น้องจอบ กาวงค์ ที่โรงเรียนภุดินแดง โดยมีนางไพรวัลย์ ไขลาเมา ผอ.โรงเรียนภูดินแดง และคณะครูอาจารย์ที่ปรึกษา ให้การต้อนรับ
นางไพรวัลย์ กล่าวว่า โรงเรียนอยู่ในสังกัด อบจ.และอยู่ห่างจากตัวจังหวัดราว 100 กม. การประกอบอาชีพของชาวบ้านส่วนใหญ่ทำการเกษตรทำนาเป็นหลัก สอบถามนักเรียนส่วนใหญ่ค่อนข้างยากไร้อีกมาก จึงช่วยกันตามงบประมาณที่มีอยู่ ซึ่งต้องขอขอบคุณผู้มีเมตตาจิตที่ให้การช่วยเหลือ
ด้าน ด.ช.เนติศักดิ์ หรือ น้องจอบ กล่าวว่า เข้าหน้าฝน ตนมีความเป็นห่วงเรื่องที่อยู่อาศัย เพราะบ้านดูจะดี แต่หลังคาสังกะสีเก่ามาก มองเห็นดาวเดือนยามกลางคืน เวลาฝนตกต้องแอบหลบตามมุมบ้านเพราะหลังคารั่ว อยากได้สังกะสีมามุงกันฝนกันแดด เพราะอาศัยหลบแดดฝน โดยเฉพาะยายที่อายุ 80 ปีแล้ว ลำบากมาก หากได้เงินส่วนหนึ่งจะนำมามุงหลังคาบ้านด้วย
นายขจรศักดิ์ เบ็ญชัย สจ.สกลนคร กล่าวว่า บางทีก็น้อยใจที่มีคนบอกว่า ตนสร้างข่าวเพราะอยากดัง แต่ความจริงไม่มีใครรู้ เด็กน้อยตัวเท่านี้ แม่ไม่มีพ่อ แม่ไม่อยู่แล้ว ต้องสู้ชีวิตกับยาย 80 ปี เห็นแล้วจะให้ทำอย่างไร หากไม่ช่วยเหลือ ขอกราบขอบพระคุณผู้มีเมตตาจิตทุกคนที่ช่วยน้อง
ที่มา>>>ข่าวสด

วันพฤหัสบดีที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2560

สาวแค้นจัด คว้ารองเท้าปรี่เข้าตบหน้าหนุ่มพม่าที่ขโมยรถจยย. กลางวงทำแผนฯ ตร.ห้ามวุ่น

วันที่ 18 ม.ค. พ.ต.อ.เรืองเดช สุวรรณพิกุล ผกก.สภ.ปากน้ำระนอง ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีคนร้ายขโมยรถจยย.ที่จอดอยู่ในลานจอดรถหน้าท่าเทียบเรือเทศบาลตำบลปากน้ำ อ.เมือง จ.ระนอง จึงสั่งการให้พ.ต.ท.ศักดิ์ชาย ผะอบเพ็ชร รอง ผกก.สส.นำกำลังฝ่านสืบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบ จากนั้นได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดสามารถจับภาพคนร้ายเป็นชาย 2 คน กำลังลักรถจยย.ฮอนด้า คลิ๊ก 110 สีขาวแดง และรถจยย.ฮอนด้า ซูมเมอร์เอ็กซ์ สีเหลือง โดยคนร้ายจะใช้กุญแจผีเข้ามาไขกุญแจ ก่อนจะขับหลบหนี หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จึงตรวจสอบพบว่าคนร้ายได้นำรถจยย.ลงเรือหางยาว ข้ามชายแดนไทย-เมียนมา ที่บริเวณชายฝั่งทะเล บ้านหินช้าง ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.ระนอง ไปยังจังหวัดเกาะสอง ทันที
จากนั้นเจ้าหน้าที่สืบทราบว่าคนร้ายคือนายอ่าว อายุ 33 ปี สัญชาติเมียนมา อดีตคนขับเรือหางยาวข้ามฝาก จ.ระนอง และ จ.เกาะสอง ประเทศเมียนมา จึงเข้าจับกุมตัวไว้ได้ ก่อนจะนำตัวนายอ่าว มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่ลานจอดรถจักรยานยนต์หน้าท่าเทียบเรือเทศบาลตำบลปากน้ำ โดยนายอ่าว รับสารภาพว่าตนและเพื่อนเป็นคนลงมือก่อเหตุจริง โดยจะเลือกคืนที่ฝนตกเพราะปลอดคน จากนั้นตนจะเป็นคนใช้กุญแจผีแทงบริเวณเบ้ากุญแจและบิดก่อนสตาร์ทรถจักรยานยนต์หลบหนีไป จนมาถูกจับกุมดังกล่าว ส่วนเพื่อนตนยังหลบหนีออกนอกประเทศไปแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าขณะที่กำลังทำแผนอยู่นั้น ได้มีน.ส.นุศรา เย็นวงค์ อายุ 29 ปี หนึ่งในผู้เสียหาย ทราบข่าวว่ามีการจับกุมตัวคนร้ายได้ จึงเดินทางมาดูการทำแผน เมื่อเห็นคนร้ายนั่งอยู่บนท้ายรถกระบะ ก็ปรี่เข้าไปแล้วถอดรองเท้าตบหน้าไป 1 ที จนเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องห้ามปราม พร้อมบอกให้ใจเย็นๆ
ที่มา>>>ข่าวสด

วันพุธที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2560

ตามล่ากระบะตีนผี!! พุ่งชนพ่อเฒ่าเดินข้ามถนน ดับสยอง แล้วซิ่งหนี เช็กกล้องวงจรปิด

เมื่อเวลาประมาณ 06.00 น. วันที่ 18 ม.ค.60 เจ้าหน้าที่ตรวจ สภ.ถลาง จ.ภูเก็ต ได้รับเเจ้งเหตุรถยนต์ชนคนเดินเท้าเสียชีวิตเเล้วหลบหนีบริเวณหน้าวัดศรีสุนทร ถนนเทพกระษัตรีฝั่งขาออก ต.ศรีสุนทร อ.ถลาง หลังรับแจ้ง ร.ต.อ.ชาตรี ชูวิเชียร ร้อยเวรจราจรจึงพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ชีพศรีสุนทรเเละมูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ตร่วมตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุพบศพชายทราบชื่อภายหลัง คือ นายสงบ สุขแก้ว อายุ 78 ปี อยู่ในสภาพนอนคว่ำ เลือดไหลทางจมูกและปาก บริเวณเอวและช่วงล่างผิดรูป เจ้าหน้าที่จึงเก็บหลักฐานก่อนนำศพผู้เสียชีวิตส่งให้แพทย์ชันสูตรยังโรงพยาบาลถลางจากการสอบถามเบื้องต้นพบมีชาวบ้านเห็นเหตุการณ์เล่าว่า เห็นนายสงบเดินข้ามถนนก่อนจะมีรถยนต์กระบะไม่ทราบสีและป้ายทะเบียนวิ่งผ่านมาชนเข้าอย่างจัง จนเสียชีวิต ซึ่งรถคันดังกล่าวหลังเกิดเหตุก็รีบขับหลบหนีไปทางบ้านลิพอน อ.ถลาง อย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่จะเร่งติดตามภาพจากกล้องวงจรปิดเพื่อหารถและคนขับรถคันก่อเหตุดังกล่าวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ที่มา>>>ข่าวสด

วันอังคารที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2560

ผัวเก่าแค้นจัด บุกกระหน่ำแทงอดีตเมียดับคาวินจยย. อ้างโมโหโดนผัวใหม่มาเยาะเย้ย

วันที่ 16 ม.ค. พ.ต.ท.สิทธิศักดิ์ สุริยะโวหาร ร้อยเวรสอบสวน สภ.เมืองปทุมธานี ได้รับแจ้งเหตุมีคนใช้อาวุธมีดแทงกันเสียชีวิต บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ต.บางปรอก อ.เมือง จึงไปตรวจสอบพบร่างนางปนัดดา ศรีคงคา หรือจอย อายุ 41 ปี อาชีพขับรถจักรยานยนต์รับจ้าง หมายเลข 38 มีบาดแผลถูกของมีคมแทงเข้าที่ร่างกาย บริเวณหัวไหล่ซ้าย 4 แผล หน้าท้อง 1 แผล และที่บริเวณกลางหลังอีก 7 แผล เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ โดยผู้ก่อเหตุรอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ทราบชื่อ นายชาญชัย เจตมณี หรือหมู อายุ 44 ปี อยู่บ้านเดียวกับผู้ตาย อาชีพขับรถจักรยานยนต์รับจ้าง หมายเลข 12 เกี่ยวข้องเป็นอดีตสามีผู้ตาย
จากการสอบถามนายศราวุธ ตาลอ่อน เพื่อนผู้ตาย กล่าวว่า ตนเห็นเห็นนายหมูอดีตแฟนผู้ตายมายืนรออยู่พักใหญ่ เมื่อจอย ซึ่งเป็นผู้ตาย ได้ขับรถจักรยานยต์เข้ามาที่วินหลังจากที่ไปส่งผู้โดยสารมา นายหมูก็เข้าไปทำร้ายด้วยการต่อยเข้าที่บริเวณหน้าอกหลายครั้ง จากนั้นตนเองเห็นว่ามีเลือดไหลออกมาเยอะมาก จึงเข้าไปห้ามและพบว่าไม่ใช่ต่อยแล้ว แต่เป็นการใช้อาวุธมีดแทง จึงได้แย่งมีดและโยนทิ้งจากนั้นจึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยนายหมูก็ไม่ได้หนีไปไหนรอมอบตัวดังกล่าว
ด้านพ.ต.ท.สิทธิศักดิ์ พร้อมตำรวจสายตรวจสภ.เมืองปทุมธานี ได้ควบคุมตัวนายชาญชัย โดยนายชาญชัย เปิดเผยว่า ตนกับผู้ตายเคยเป็นสามีภรรยากัน แต่เนื่องจากเลิกรากันแล้ว และอ้างว่าถูกแฟนใหม่ของผู้ตายเยาะเย้ย และคิดว่าผู้ตายเป็นผู้ที่ใช้ให้มาทำพฤติกรรมดังกล่าว จึงได้เกิดเหตุขึ้น จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้นำตัวไปโรงพักดำเนินคดีตามกฎหมาย
ที่มา>>>ข่าวสด

วันจันทร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2560

หนุ่มน้อยใจแฟนไม่กินข้าวด้วย ซดเหล้าย้อมใจ-คว้าเชือกผูกคอดับสลดคาสวนปาล์ม

เมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 15 ม.ค. ร.ต.อ.ธนภูมิ เนวะนิตย์ รองสว.(สอบสวน) สภ.เขาสมิง จ.ตราด พร้อมเจ้าหน้าที่สมาคมกู้ภัยบุญช่วยเหลือจังหวัดตราด เข้าตรวจสอบผู้เสียชีวิตภายในสวนปาล์ม ต.เทพนิมิต อ.เขาสมิง จ.ตราด
ที่เกิดเหตุเป็นสวนปาล์มเนื้อที่หลายสิบไร่ เจ้าหน้าที่ต้องเดินเท้าเข้าไปประมาณ 300 เมตร พบศพชายผูกคอตายอยู่ใต้ต้นปาล์ม ด้วยเชือกผูกเปลที่ผูกกับก้านปาล์ม ทราบชื่อนายสมบัติ อายุ 38 ปี ชาวกัมพูชา เป็นลูกจ้างสวนปาล์มแห่งนี้ ตรวจสอบตามร่างกายไม่พบร่องรอยการถูกทำร้าย
นายนนท์ จันทร หัวห้าคนงานสวนปาล์ม กล่าวว่า นายสมบัติเพิ่งมาทำงานได้ถึงปี และมักจะทะเลาะกับภรรยาที่ทำงานที่เดียวกันบ่อยครั้ง โดยนายสมบัติจะชวนภรรยากินข้าวด้วยประจำ แต่ภรรยาก็ไม่ค่อยจะกินด้วย กระทั่งวันนี้เกิดปากเสียงกันเรื่องชวนกินข้าวอีก จากนั้นนายสมบัติได้ออกไปซื้อเหล้า ก่อนจะเดินหายเข้าไปในสวนปาล์มหลายชั่วโมง เพื่อนคนงานจึงได้ออกตามหา และพบนายสมบัติผูกคอเสียชีวิตแล้ว ซึ่งคาดว่าน่าจะน้อยใจภรรยาที่ไม่ค่อยจะกินข้าวด้วย
ที่มา>>>ข่าวสด

วันเสาร์ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2560

มาแล้ว..หวยพญาเต่างอยยังแรง..แห่ไหว้รับโชคต้นปีคึกคัก

เมื่อเวลา 07.30 น.วันที่ 14 มกราคม 2560 ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศ ก่อนวันหวยออกว่าที่ บริเวณสวนสาธารณะ รูปปั้น”พญาเต่างอย “บ้านเต่างอย ต.เต่างอย อ.เต่างอย จ.สกลนคร ยังคง”ฮอต”มีประชาชนทุกสารทิศเดินทางมาไหว้และเที่ยวชมเพื่อขอโชคลาภ วันละจำนวนมาก จนบางวันทำให้ถนนที่มุ่งหน้าเข้าอำเภอเต่างอยมีรถติดยาว
นายบุญเตรียม งอยผาลา นากยก อบต.เต่างอย กล่าวว่า พญาเต่างอยวันนี้ยังคงมีประชาชนทุกสารทิศที่ศรัทธาเดินทางมาไหว้กันแน่นทุกวัน โดยส่วนใหญ่จะมาไหว้ขอโชคลาภขอพรกัน และเชื่อกันว่าจะได้โชคในต้นปีหลังจากที่งวดส่งท้ายมีการรับโชคกันจำนวนมากเช่นกัน
“ที่มากันมากสังเกตุและสอบถามจะทราบว่า มาแก้บนและเป็นคนที่เคยมาไหว้ หลังจากโชคดีก็จะกลับมาอีก นอกจากนั้นยังมีหลายคนเดินทางไปที่”ผาพญาเต่างอย”ที่อยู่ในเขตพื้นที่ อุทยานแห่งชาติภูผาผล เป็นหน้าผาที่หันหน้าลงสู่ลำน้ำพุงอันเป็นสายน้ำที่ไหลผ่านอำเภอเต่างอยและที่เห็นอยู่ตรงหน้าพญาเต่างอยมาจากเทือกเขาภูพาน”
นายเกษม เคนะอ่อน ประธานสภาวัฒนธรรมตำบลเต่างอยกล่าวว่าอำเภอเต่างอยเป็นอำเภอที่ชื่อแปลก และเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งที่ไม่ซ้ำใคร จะหาใครเหมือนก็ยากเพราะว่า เป็นชื่ออำเภอที่มีความเป็นมาแทบจะบอกได้ว่าแตะต้องหรือเห็นได้ ไม่ว่าจะเป็นตรงหน้าวัดหรือหน้ารูปปั้นพญาเต่างอยที่เคยมีเต่าขึ้นมาอาบแดดตากแดด จำนวนมาก จนชาวบ้านมาเห็นและบอกเป็นภาษาอีสานว่า “ที่เต่างอย” จึงเป็นที่มาของอำเภอนี้
นอกจากนั้น พญาเต่ายังมีตำนานหรือเรื่องที่บอกต่อกันมาเกี่ยวกับทางศาสนาด้วย เรียกว่าพญาเต่า หรือกัสปะอีกทั้งพญาเต่าเมื่อใครมาไหว้เคารพแล้วเชื่อว่าจะอายุยืนเหมือนเต่าที่มีอายุนับร้อยปี ที่สำคัญมีโชคด้วยเหมือนกับคนที่มาไหว้แล้วถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 นับสิบล้านบาทมาแล้ว เป็นสิ่งที่ยืนยันความศักดิ์สิทธิ คือผู้คนที่เดินทางมาไหว้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อใกล้วันหวยออกจะมีคนมาจากทุกสารทิศเดินทางมาไหว้จำนวนมาก และมากทุกวัน เพราะเชื่อกันว่ามาไหว้แล้วโชคดี ในส่วนตัวเลขนั้นเมื่อผู้มาไหว้เสร็จแล้วจะหาซื้อลอตเตอรี่ตามแผงที่แม่ค้า พ่อค้ามานั่งขายใกล้บริเวณนั้นเลือกตัวไหนชอบตัวไหนก็ซื้อแล้วก็ถูกรางวัลกันโด่งดังมาแล้ว
สำหรับงวดนี้มีผู้ที่บอกว่าฝันว่าพญาเต่างอยไปบอกว่างวดนี้ได้  02  89 เป็นเลขเด็ด และบอกว่าจะให้โชครับปีใหม่ ทำให้นักเล่นหวยออกหาซื้อกันจนกลายเป็นกลุ่มตัวเลขที่ค่อนข้างหาซื้อแทบไม่มีขาย
นอกจากนั้นกลุ่มตัวเลขที่ตรงกับเป็นมงคล 89  90  13  ยังหายากและหมดแผงตั้งแต่วันที่วางจำหน่ายวันแรกแล้ว ซึ่งที่พญาเต่างอย คอหวยหรือนักเสี่ยงโชคจะมาหนาแน่นในช่วงใกล้วันหวยออกจนนาทีสุดท้าย ทุกงวด และในทุกวันพระจะมีประชาชนมานุ่งขาว ห่มขาวถือศีลภาวนา จำนวนมาก
ที่มา>>>ข่าวสด

วันศุกร์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2560

“ดาว” กิ๊กผกก.อุ้มฆ่า คอตกเข้าเรือนจำ ตร.ส่งตัวฝากขัง-ค้านประกันบ่ายนี้

เมื่อเวลา 10.45 น วันที่ 13 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานจาก สน.หนองค้างพูล ถึงความคืบหน้าในการดำเนินคดีกับพ.ต.อ.อำนวย พงษ์สวัสดิ์ อดีตผกก.สภ..บ้านโป่ง น.ส.กรรณิกา หรือดาว กรุมรัมย์ สาวคนสนิท และพรรคพวกในข้อหาอุ้มฆ่าน.ส.สภัคสรณ์ หรือหญิง พลไธสง สาวทอม ว่า พ.ต.ท อดิศร แก้วโหมดตาด รอง ผกก(สอบสวน) สน.หนองค้างพูล ได้เบิกตัวนายภูมิทัศน์ หรืออุ้ม พิบูลสวัสดิ์ อายุ 24 ปี 1 ในแก๊งอุ้มฆ่าสาวทอมออกจากห้องควบคุม เพื่อทำการสอบปากคำเพิ่มเติม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การสอบปากคำครั้งนี้ มีทนายความเข้าร่วมรับฟังการสอบสวน และพนักงสาบสวนจะสอบปากคำน.ส กรรณิกา หรือดาว อีกครั้ง ซึ่งคาดว่าเมื่อทำการสอบสวนเสร็จสิ้นจะควบคุมตัวไปฝากขัง ที่ศาลตลิ่งชันในช่วงบ่ายของวันนี้ โดยพนักงานสอบสวนจะคัดค้านประกันตัว สาเหตุเนื่องจากผู้ต้องหาให้การภาคเสธ และให้การไม่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี นอกจากนี้ยังมีผู้ที่เกี่ยวข้องที่หลบหนีเกี่ยวกับคดีอีกหลายคน ถ้าให้ประกันตัวเกรงว่าจะหลบหนีและเข้าไปยุ่งเยิงพยานหลักฐาน
พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. ได้มาที่สน.หนองค้างพูล และกำชับให้ฝ่ายสืบสวนเร่งติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่เหลืออีก 3 คน ประกอบด้วย ร.ท.ชัยยุทธ หรือจบ เบ็ญจชาติ อายุ 41 ปี และนายภาณุเมศวร์ หรือจิ๋ว มีลา อายุ 34 ปี ทหารหน่วยหนึ่งอยู่ที่ จ.กาญจนบุรี และนายสามารถ แสงสิน อายุ 46 ปี อดีตเจ้าหน้าตำรวจ
สำหรับกลุ่มผู้ต้องหาทั้งหมดน่าจะมีความเกี่ยวข้องกับคดีอื่นอีก เพราะดูจากพฤติกรรมมีการทำเป็นขั้นเป็นตอนเป็นรูปแบบ น่าเชื่อว่าจะต้องเคยลงมือ”อุ้มเหยื่อ”ในลักษณะนี้มาแล้วหลายครั้ง ซึ่งทางเจ้าหน้าอยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผล และคาดว่าน่าจะมีผู้ที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมอีก
ที่มา>>>ข่าวสด

วันพฤหัสบดีที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2560

หมดอนาคต!รองปลัดยธ.ชี้เยาวชนรับจ้างเฉลยข้อสอบนายสิบตร.ต้องมีประวัติอาชญากรติดตัว

เมื่อวันที่ 12 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม (ยธ.) โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่า กรณีรับจ้างเข้าไปเฉลยข้อสอบการสอบคัดเลือกนักเรียนนายสิบตำรวจ ตามกระแสข่าวดูเหมือนจะมีเยาวชนที่เป็นนักศึกษาแพทย์ วิศวกรรม และอื่นๆ ร่วมอยู่ในกระบวนการด้วย และพนักงานสอบสวนจะแจ้งข้อกล่าวหาฐานแจ้งข้อความเท็จแก่เจ้าหน้าที่ตามมาตรา 137 ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1 พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ฐานอั้งยี่มาตรา 209 จำคุกไม่เกิน 7 ปี และปรับไม่เกิน 1 หมื่นสี่พันบาท และฐานนำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์มาตรา 14 (1) พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
เมื่อพิจารณาเบื้องต้นน่าจะเข้าข่ายเป็นการกระทำความผิด “กรรมเดียว” แต่เป็นความผิดต่อกฎหมาย “หลายบท” ซึ่งกฎหมายกำหนดให้ใช้ “บทที่มีโทษหนักที่สุด” ลงโทษแก่ผู้กระทำความผิดตามมาตรา 90 ประมวลกฎหมายอาญา
ดังนั้น ในกรณีนี้ อัตราโทษบทที่มีโทษหนักสุด คือฐานความผิดอั้งยี่มาตรา 209 ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี และปรับไม่เกิน 1 หมื่นสี่พันบาท หากผู้ต้องหาหรือจำเลยกรณีที่ศาลประทับรับฟ้องแล้วปฏิเสธ ก็ต้องเข้าสู่กระบวนการพิจารณาตามกระบวนการต่อไป
แต่หากจำเลยกระทำความผิดจริงและให้การรับสารภาพ อัตราโทษก็จะลดลงมากึ่งหนึ่ง เหลือโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี 6 เดือน ก็จะอยู่ในเกณฑ์ที่สามารถขอเหตุอันควรแก่การปรานีต่อศาล ด้วยการร้องขอต่อให้ศาลมีคำสั่งให้พนักงานคุมประพฤติทำการสืบเสาะและพินิจ อายุ ประวัติ ความประพฤติ สติปัญญา การศึกษาอบรม ด้วยว่าตนเองไม่ปรากฏว่ากระทำความผิดอื่นใด หรือปรากฏว่าได้รับโทษจำคุกมาก่อน
ซึ่งก็อยู่ที่ดุลพินิจของศาลว่าจะให้โอกาสรอการกำหนดโทษ หรือกำหนดโทษแต่รอการลงโทษไว้แล้วปล่อยตัวไป เพื่อให้โอกาสผู้นั้นกลับตัวภายในระยะเวลาที่ศาลจะได้กำหนด แต่ต้องไม่เกิน 5 ปีนับแต่วันที่ศาลพิพากษา โดยจะกำหนดเงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติของผู้นั้นด้วยหรือไม่ก็ได้
อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่เยาวชนเหล่านี้ จะต้องมีประวัติอาชญากรติดตัวไปชั่วชีวิต ไม่สามารถเข้ารับราชการ หรืองานอื่นใดที่หน่วยงานเหล่านั้นได้กำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของคนที่จะเข้าทำงานได้ว่า “ต้องเป็นผู้ที่ไม่เคยต้องโทษจำคุกหรือต้องคำพิพากษามาก่อน”
อนึ่ง อย่างไรสถานศึกษาก็ไม่ควรไปตัดสิทธิการให้ศึกษาต่อของเยาวชนเหล่านี้ มิเช่นนั้นจะเป็นการสร้างภาระให้กับสังคมและประเทศชาติ ไม่ใช่เป็นการสร้างพลัง ส่วนเขาเหล่านั้นเมื่อจบการศึกษาไปแล้วจะไปทำธุรกิจส่วนตัว หรือไปเจอหน่วยงานใจดีรับให้เข้าไปทำงานก็ได้ และที่สำคัญก็จะสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ในยุทธศาสตร์ที่ 3 ด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพคน ประเทศไทยควรเป็นประเทศที่มุ่งลงโทษเพื่อการบำบัด แก้ไขฟื้นฟู มากกว่า เพื่อเป็นการแก้แค้นทดแทนครับ
ที่มา>>>ข่าวสด

วันพุธที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2560

นักท่องเที่ยวชมเมเปิลสีทองแห่งเดียวในไทย – พร้อมกราบสักการะรอยพระพุทธบาทบนยอดภูหินฯ

เมื่อวันที่ 10 ม.ค.60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณ ทางขึ้นภูลมโล อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ม.10 ต.เนินเพิ่ม อ.นครไทย จ.พิษณุโลก มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวแบบเดินป่า โดยออกเดินเท้าเป็นระยะทาง 2 กิโลเมตร เพื่อไปชมใบเมเปิล และแวะกราบสักการะรอยพระพุทธบาท บริเวณผาทัพพลพระขันธ์เพชร ท่ามกลางสภาพอากาศที่หนาวเย็น อุณหภูมิ 15 องศา ซึ่งในช่วงนี้นักท่องเที่ยวจะพบกับใบเมเปิล หรือดอกเสือไฟเดือนที่ห้า ผลัดใบเปลี่ยนสีเป็นสีแดงเต็มต้น และร่วงหล่นสู่พื้นเป็นทิวสีแดงเหลืองสวยงาม
นายธนกร เฉลิมศรี ครูโรงเรียนบ้านห้วยน้ำไซ สาขาร่องกล้าวิทยา เปิดเผยว่า บริเวณผาทัพพลพระขันธ์เพชร แห่งนี้มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่ชาวบ้านมักจะเดินป่าเพื่อมากราบไหว้ขอพร คือรอยพระพุทธบาท จำนวน 3 จุด โดยเป็นรอยขนาดเล็กด้านบนหน้าผา ขนาดความกว้างประมาณ 10 เซนติเมตร สูงประมาณ 1 ฟุต จำนวน 2 รอย และบริเวณหน้าผาด้านล่าง เป็นรอยพระพุทธบาทขนาดใหญ่ กว้าง 50 เซนติเมตร สูง 1 เมตร เรียกได้ว่าสถานที่แห่งนี้เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวบ้านละแวกนี้อีกแห่งหนึ่ง นอกจากที่บริเวณผาทัพพลพระขันธ์เพชร แห่งนี้จะทีรอยพระพุทธบาท และมีใบเมเปิลสีแดงให้ได้ชมแล้ว แต่ยังมีใบเมเปิลสีทอง ที่ผลัดใบเป็นสีเหลืองทองอร่ามเต็มต้น และร่วมหล่นสู่พื้นเป็นทิวสีเหลืองกระจายทั่วบริเวณ ซึ่งเป็นสิ่งที่ดึงดูดใจให้นักท่องเที่ยวยอมเดินเท้าเข้าสู่ป่าเพื่อมาชม และเก็บภาพความสวยงามไว้เป็นที่ระลึก เพราะเมเปิลสีทอง หาชมได้ยาก มีเพียงที่นี่ที่เดียวในประเทศไทย
นายธนกร กล่าวว่า ถึงแม้สถานที่แห่งนี้จะยังไม่ได้เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าเที่ยวชมอย่างเป็นทางการ แต่ก็มีนักท่องเที่ยวบางกลุ่มที่ได้เข้าไปสัมผัส และบอกต่อๆกัน เผยแพร่ทางโลกโซเชียลมีเดียอย่างแพร่หลาย เลยทำให้ฤดูหนาวปีนี้ นักท่องเที่ยวที่ตั้งใจมาชมดอกซากุระบานบนภูลมโล อดใจไม่ได้ที่จะแวะไปเที่ยวชมเมเปิลสีทอง และกราบสักการะรอยพระพุทธบาท เป็นจำนวนมาก ซึ่งเส้นทางการเดินทางไม่ลำบากอะไรมาก เป็นทางราบระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร ก็จะพบกับเมเปิลสีทอง และสีแดงผลัดใบร่วงหล่นสู่พื้นจำนวนมาก
หากนักท่องเที่ยวท่านใดที่สนใจและชื่นชอบการท่องเที่ยวแนวเดินป่า สามารถมาเที่ยวชมใบเมเปิลสีทองที่หาชมได้ยาก มีเพียงแห่งเดียวในประเทศไทย ที่บนอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า
ที่มา>>>ข่าวสด

วันอังคารที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2560

53ชีวิตร้องลั่นรถ!! กำลังหลับเพลินๆ ทัวร์สองชั้นหักหลบพลิกคว่ำตกถนน เสียงดังสนั่น

วันที่ 10 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 23.30 น. วันที่ 9 มกราคม 2560 พ.ต.ท.ไพศาล วรรณชัย พนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองกำแพงเพชร อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร ได้รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถทัวร์ 2 ชั้นเสียหลักตกร่องกลางถนน บริเวณถนนพหลโยธิน สายกำแพงเพชร-นครสวรรค์ ขาล่อง มีผู้ได้บาดเจ็บหลายราย จึงประสานหน่วยกู้ภัยสว่างกำแพงเพชรธรรมสถาน ร่วมตรวจสอบช่วยเหลือ
ที่เกิดเหตุอยู่บนถนนพหลโยธิน ระหว่างหลัก กม.ที่ 430/600 หมู่ที่ 4 ตำบลธำมรงค์ อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร พบรถทัวร์ บขส. 2 ชั้น ยี่ห้อแดวู หมายเลขทะเบียน 15-6484 กรุงเทพมหานคร สีน้ำเงิน-ขาว สายกรุงเทพมหานคร-เถิน-วังชิ้น-แพร่ หมายเลขข้างตัวรถ 964-1890 พลิกตะแคงตกร่องกลางถนน มีนายอำนาจ ไวยพัทธา อายุ 50 ปี อยู่ตำบลเขาสามยอด อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี เป็นคนขับด้านข้างรถทัวร์ พบมีผู้โดยสารจำนวนมาก และมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 12 ราย ส่วนใหญ่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย หน่วยกู้ภัยฯ จึงต้องรีบทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนนำผู้ได้รับบาดเจ็บส่งโรงพยาบาลกำแพงเพชร เพื่อให้แพทย์ทำการรักษาต่อไป โดยล่าสุดต้องนอนโรงพยาบาล 2 ราย อีก 10 รายแพทย์ให้กลับบ้านได้
จากการสอบปากคำพนักงานขับรถโดยพนักงานสอบสวนทราบว่า ได้หักหลบรถบรรทุกที่เบียดเข้ามาในช่องเดินรถด้านขวา จึงทำให้รถเสียหลักตกลงไปในร่องกลางถนน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บดังกล่าว
นายแนน คำแห้ง อายุ 60 ปี อยู่หมู่ 2 บ้านวังชิ้น อ.วังชิ้น จ.แพร่ หนึ่งในผู้โดยสารที่มากับรถทัวร์คันดังกล่าว เปิดเผยว่า ตนพร้อมผู้โดยสารคนอื่นๆ นั่งมาเต็มคันรถ จำนวน 53 คน ออกจากต้นทางจากจังหวัดแพร่ ตั้งแต่เวลา 19.00 น. โดยตนนั่งอยู่ชั้น 2 เบาะฝั่งขวาของรถ เมื่อมาถึงในที่เกิดเหตุ ตนและผู้โดยสารคนอื่นต่างพากันนอนหลับ รู้สึกรถทัวร์คันดังกล่าวเริ่มเอียง และกระแทกด้านขวาจนเสียงดังสนั่นจนต่างก็ตกใจเสียงร้องลั่นรถเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมเจ้าหน้าที่ขนส่งจังหวัดกำแพงเพชร , เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ร่วมตรวจสอบในที่เกิดเหตุ พร้อมกับบันทึกข้อมูลไว้เป็นหลักฐาน และนำตัวคนขับรถทัวร์ไปทำการสอบสวนหาสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุ ก่อนที่จะให้ทางบริษัท ขนส่ง จำกัด (กำแพงเพชร) ประสานรถทัวร์จากจังหวัดนครสวรรค์มารับผู้โดยสารที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ หรือบาดเจ็บเล็กน้อย และมีความประสงค์จะเดินทางต่อไปส่งปลายทางกรุงเทพฯ ต่อไป
ที่มา>>>ข่าวสด

วันจันทร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2560

สลด! รองสารวัตรปราบปราม เครียด ทิ้งจม.สั่งเสีย ก่อนผูกคอดับกลางสำนักงานฯ

เมื่อเวลาประมาณ 07.30 น. วันที่ 9 ม.ค. 60 พ.ต.ท.พิบูลย์ ธนิตกุล สารวัตร สอบสวน สภ.เมืองสมุทรสาคร รับแจ้งเหตุมีเจ้าหน้าที่ตำรวจผูกคอตายในห้องน้ำชั้น 5 ของ บก.ภ.จว.สมุทรสาคร จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบแล้วไปตรวจสอบพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่มูลนิธิการกุศลสมุทรสาครและแพทย์เวรจากโรงพยาบาลสมุทรสาคร พบศพ ร.ต.ท.โชติ แสนชัย อายุ 56 ปี รอง สว.(ป) กก.สส.ภ.จว.สมุทรสาคร ใช้เชือกป่านสีขาวผูกคอติดอยู่กับขอบประตูภายในห้องน้ำ ใกล้กันพบเก้าอี้สีฟ้า 1 ตัว เบื้องต้นจากการตรวจสอบคาดว่าเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 4 ชั่วโมง
จากการสอบถามนางสาวจรรยา เขียวชม อายุ 42 ปี แม่บ้านของกองกำกับการสืบสวนภูธรจังหวัดสมุทรสาคร บอกว่า ช่วงเช้าตนมาทำงานและเปิดตู้พบว่ามีกระเป๋าเงิน กุญแจรถ โทรศัพท์ พร้อมเครื่องใช้ส่วนตัว และกระดาษจดหมายลาตายเขียนไว้ 1 ใบโดยระบุข้อความว่า “กราบขอโทษทุกๆคนด้วย กวาง,วินท์,วัต พ่อขอโทษนะ กวางพ่อฝากดูแลน้องด้วยอย่าทิ้งน้องเหมือนพ่อ กวางสวดให้พ่อคืนเดียวแล้วเผาเลยนะ กราบขอโทษผู้บังคับบัญชาทุกท่านที่ทำให้ท่านเดือดร้อน หมายเหตุที่ผมทำแบบนี้เพราะมีหนี้สินมากมายขอโทษเร่ ด้วยและทุกคนที่ผมกู้ยืมมาแล้วไม่มีให้”
โดยแม่บ้านบอกว่า เมื่อตนอ่านแล้วก็ส่งไลน์ไปให้เพื่อนๆ หมวดโชติดู และก็เดินตามหาไปทั่ว จนไปเจอในห้องน้ำ จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ทราบ เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่าสาเหตุน่าจะมาจากเรื่องส่วนตัวและปัญหาหนี้สิน เพราะว่าปกติแล้วผู้ตายจะอยู่แต่ที่ทำงานเป็นประจำไม่ค่อยได้กลับบ้าน จึงส่งศพให้สถาบันนิติเวชตรวจสอบสาเหตุการตายที่แน่ชัดและติดต่อญาติมารับศพไปบำเพ็ญกุศลต่อไป
ที่มา>>>ข่าวสด

วันเสาร์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2560

นาทีระทึกขวัญ! หนุ่มเครียดโดนป้ายสี ถือปืน 2 กระบอกยืนจ่อหัวตัวเอง 2 ชั่วโมง

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 6 ม.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แสนสุข จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งว่ามีคนเกิดอาการคลุ้มคลั่งที่บริเวณภายในซอย12 ถนนสายล่างบางแสน อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี จึงได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจรุดไปตรวจสอบในที่เกิดเหตุ ภายในซอยพบผู้ชาย ไม่สวมเสื้อ สวมกางเกงขาสั้นสีดำ ทราบชื่อภายหลังคือนายเกรียงเดช (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 36 ปี เดินไปมา ในถือถือขวาถืออาวุธปืนขนาด 9 มม. และในมือซ้ายถืออืนขนาด .38 เอาไว้ในมือ
พอเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไป นายเกรียงเดช ก็ยกอาวุธปืนจ่อเข้าที่ศรีษะทั้ง 2 กระบอก ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงถอยออกมา และพยายามที่จะสอบถามนายเกรียงเดชว่าต้องการอะไรหรือไม่ แต่นายเกรียงเดชก็บ่นว่า ตนถูกใส่ร้ายว่าเข้าไปพัวพันกับสิ่งผิดกฎหมาย ทั้งที่ตนเองไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยว อยากให้คนเข้าใจตนเองอย่างถูกต้องมากกว่านี้
เวลาผ่านไปกว่า 2 ชั่วโมงเศษ ทางนายเกรียงเดชเกิดอาการเหนื่อย ร้องขอน้ำเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงออกมาหาน้ำ พร้อมกับผสมยานอนหลับ เข้าไปให้นายเกรียงเดชดื่ม อยู่พักใหญ่ นายเกรียงเดชก็หมดแรง ลดอาวุธปืนลง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เข้าควบคุมตัวเอาไว้ได้ พร้อมกับนำตัวไประงับสติอารมณ์ที่สถานีตำรวจ เพื่อให้หายจากอาการเครียด
พ.ต.อ.เชี่ยวชาญ เพิ่มพูล ผกก.สภ.แสนสุขเผยว่า ตำรวจสามารถเข้าควบคุมตัวเอาไว้ได้ เบื้องต้นจากสอบถามทราบว่า ผู้ก่อเหตุเกิดอาการเครียด แต่ยังไม่ได้สอบปากคำอย่างละเอียด ขณะนี้ก็ให้ระงับสติอารมณ์ก่อน ซึ่งทางนายเกรียงเดชก็บอกว่า ที่เอาอาวุธปืนมาก็ไม่ได้ทำร้ายอะไรใคร ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะให้ความเป็นธรรมกับเขา เบื้องต้นได้ตั้งข้อหามีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พกพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไปในที่ชุมชน
ที่มา>>>ข่าวสด

วันศุกร์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2560

ชมสดๆประชาชนฮือดูหน้า”ไอ้ต้อม”มือฆ่าชิงไอโฟน ชูป้าย”ฆ่าคนตายต้องประหารชีวิต”

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 6 ม.ค. บรรยากาศที่บริเวณปากซอยสุคนธสวัสดิ์27 ย่านลาดพร้าว กทม. ผู้สื่อข่าวรายงานว่ามีประชาชนไทยมุงจำนวนนับร้อยคนเดินทางมารอดูการทำแผนประกอบคำรับสารภาพของนายกิตติกร หรือต้อม วิกาหะ อายุ26 ปี ผู้ต้องหาก่อเหตุใช้มีดฆ่านายวศิน หรือมะปิน เหลืองแจ่ม อายุ 26 ปี ชิงมือถือไอโฟนขณะเดียวกันมีกลุ่มคนประมาณ10คน ชูป้ายข้อความ “ฆ่าคนตายต้องประหารชีวิต” ระบุว่าที่มาชูป้ายเนื่องจากเห็นว่าเป็นคดีที่อุกอาจ คนร้ายทำผิดซ้ำซ้อนถึง8ครั้ง อยากให้มีการทบทวนเพิ่มโทษการก่อเหตุในลักษณะนี้ หรือให้ตัดสินโทษประหารชีวิตไปเลย
ที่มา>>>ข่าวสด

วันพฤหัสบดีที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2560

รถตู้มินิเกิดวูบหลับในพลิกคว่ำที่พรหมพิราม เดชะบุญ พ่อ-แม่-ลูกน้อยรอดชีวิต

เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 4 ม.ค. 60 ร.ต.อ.พีรพันธ์ กันหมุด รอง สว. (สอบสวน) สภ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก รับแจ้งว่ามีอุบัติเหตุรถตู้มิติแวนพลิกคว่ำลงข้างทาง บริเวณถนนทางหลวงหมายเลข 12 พิษณุโลก-สุโขทัย หลักกิโลเมตรที่ 36 พื้นที่ หมู่ 12 บ้านใหม่สำราญ ต.ท่าช้าง อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย
ในที่เกิดเหตุพบรถตู้มิติแวน ยี่ห้อตงฟง สีขาว ทะเบียน บพ 8694 กำแพงเพชร พลิกคว่ำอยู่ชนติดกับเสาไฟฟ้าข้างทาง มีผู้รับบาดเจ็บ 3 ราย มีพลเมืองดีช่วยกันนำออกมาจากซากรถ และช่วยปฐมพยาบาลเป็นการเบื้องต้น ทราบชื่อผู้ได้รับบาดเจ็บ คือ นายเฉลิมเกียรติ ยิ้มประดิษฐ์ อายุ 34 ปี นางนภัสชรา รอดโฉม อายุ 33 ปี ภรรยา และด.ญ.เพ็ญพิชา ยิ้มประดิษฐ์ อายุ 6 ปี บุตรสาว ทั้งหมดมีบาดแผลถลอกฟกช้ำตามร่างกาย และมีอาการตกใจกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น
จากการสอบถาม นายเฉลิมเกียรติ คนขับ เล่าให้ฟังว่า ก่อนหน้าเกิดเหตุได้เดินทางไปรับถ่ายภาพงานแต่งงานที่กรุงเทพ และกำลังจะกลับบ้านที่ จ.สุโขทัย ระหว่างทางกลับตนเกิดมีอาการง่วงนอน จึงได้จอดหลับพักผ่อนที่ปั้มน้ำมัน จ.พระนครศรีอยุธยา แล้ว 1 ครั้ง จากนั้นก็ได้ขับต่อมาที่ จ.สุโขทัย จนมาถึงที่เกิดเหตุเป็นทางตรงยาว และได้เกิดวูบหลับในทำให้รถเกิดเสียหลักพลิกคว่ำจนได้รับบาดเจ็บดังกล่าว
ที่มา>>>ข่าวสด

วันพุธที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2560

สาวโพสต์เตือนภัย ถูกแอบส่องในห้องน้ำปั๊ม ร้องลั่นให้คนช่วย แต่กลับไม่มีใครสนใจ

สมาชิกเฟซบุ๊กหญิงสาวรายหนึ่ง ได้โพสต์เตือนภัยหลังถูกหนุ่มโรคจิตแอบดูในห้องน้ำ ที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง โดยระบุข้อความว่า “มีเรื่องเตือนภัย “คุณผู้หญิง” ให้ระวังเวลาเข้าห้องน้ำตามปั๊มพยายามอย่าเข้าห้องน้ำคนเดียว และอยากฝากบอกถึงคุณผู้ชายทั้งหลาย ที่มี แฟน พี่ น้อง เป็นผู้หญิง เวลาเข้า ห้องน้ำปั๊ม อย่านั่งอยู่ในรถ ไม่ว่าจะเป็นกลางวันหรือกลางคืน เวลาเกิดเหตุร้ายตะโกนเรียกจะไม่ได้ยินเสียงขอความช่วยเหลือ ควรยืนรอหน้าห้องน้ำจะดีที่สุด มีอะไรจะได้ช่วยทัน แค่ไม่กี่นาทีมันอาจเกิดเรื่องแย่ๆก็เป็นได้ เพราะโครงสร้างห้องน้ำปั๊มส่วนใหญ่มันเดินวนถึงกันได้
#โชคดีที่ยังไม่เกิดอะไรร้ายแรงมาก#จับตัวได้ทัน #อย่าคิดว่าผู้หญิงเข้าห้องน้ำแค่แป๊บเดียว อย่าคิดว่ายืนนอกรถเมื่อย ร้อน#ตกใจช่องใต้ล่างระหว่างห้องน้ำหญิงมีหัวผู้ชายโผล่มาตอนปัสสาวะ#ตอนรอเจ้าหน้าที่ค้นตัว ไม่พบบัตร ปชป.ไม่พบโทรศัพท์ รวมถึงไม่ใส่กางเกงใน#มีความโรคจิต#ประวัติเคยมีคดีแอบดูมาแล้วอยู่ในช่วงคุมความประพฤติ#โชคดีไม่โดนถ่าย#เข้าใจความรู้สึกเลย ตอนตะโกนเรียกขอความช่วยเหลือดังลั่นแล้วมีคนได้ยินแต่ไม่มีใครสนใจจะช่วย#ต้องวิ่งออกมาเรียกเพื่อนช่วย#ตีหน้าเศร้ายกมือไหว้ขอโอกาสก็ไม่ได้ช่วยให้ดีขึ้น#ส่งต่อให้เจ้าหน้าที่จัดการ#เห็นข่าวไม่คิดจะโดนกับตัว#ขวัญเอ๋ยขวัญมา!!!
ที่มา>>>ข่าวสด

วันอังคารที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2560

เสี่ยใหญ่โมโหวัยรุ่นขับปิกอัพเปิดเพลงดัง โบกให้จอดแล้วชักปืนรัวยิงตาย 1 เจ็บอีก 6

เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 3 ม.ค. นายชาตรี จันทร์วีรชัย นายอำเภอกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ เดินทางไปที่ ร.พ.กุยบุรี เพื่อสอบสวนเหตุกลุ่มวัยรุ่นถูกยิงด้วยอาวุธปืนได้รับบาดเจ็บสาหัสจำนวนหลายราย เหตุเกิดบริเวณบ้านเขาขวาง หมู่ 9 ต.กุยเหนือ อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ พบกลุ่มเด็กวัยรุ่นจำนวน 7 รายถูกยิงด้วยอาวุธปืน สันนิษฐานเบื้องต้นคาดว่าเป็นขนาด 9 ม.ม.และเสียชีวิตแล้ว 1 ราย
ทราบชื่อผู้ได้รับบาดเจ็บ ประกอบด้วย นายสราวุธ แกมไทย อายุ 25 ปี น.ส.ทิพย์สลาลี แกมไทย อายุ 24 ปี นายศิริวัฒน์ แกมไทยอายุ 16 ปี น.ส.สาวิตรี คีรีนิล อายุ 25 ปี นายกรวิชญ์ พิมพ์ศักดิ์ อายุ 18 ปี นายเกรียงไกร แต้ประเสริฐ อายุ 21 ปี ถูกยิงเข้าบริเวณลำตัวและศีรษะอาการสาหัส ส่วนผู้เสียชีวิตคือ นายราเชนทร์ ปราชญ์เปรื่อง อายุ 19 ปี
นายธนกิต แกมไทย ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 9 ตำบลกุยเหนือ ให้การว่า ช่วงหัวค่ำ นายสราวุธ แกมไทย ลูกชายผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งเป็นคนขับรถยนต์กระบะติดเครื่องเสียงเปิดเพลงเข้าไปส่งญาติในหมู่บ้าน และวิ่งผ่านบ้านนายธนโชติ เย็นใจ เจ้าของแพกุ้งโชคศิริชัย ระหว่างขากลับออกมาจากหมู่บ้าน คาดว่าถูกเรียกให้จอดแล้วจ่อยิง พอเสียงปืนดังขึ้นกลุ่มเด็กวัยรุ่นคนอื่นๆ ซึ่งขับรถจักรยานยนต์ตามเข้าไปดู ก็ถูกยิงเรียงตัวจนหมดแม็ก นอนบาดเจ็บจมกองเลือดอาการสาหัสเกลื่อนบริเวณที่เกิดเหตุ บางคนถูกยิงเข้าที่ศีรษะ ลำตัว แขนและขา อาการสาหัส หลังจากนั้นผู้ก่อเหตุได้พาครอบครัวหลบหนีไป
ต่อมาพ.ต.อ.สุชิน กิจกสิกร ผกก.สภ.กุยบุรี พร้อมด้วยร.ต.อ.บัญชา สุขกรง พงส.สภ.กุยบุรี ประสานหน่วยกู้ภัยมูลนิธิหลวงพ่อในกุฏิวัดกุยบุรี ร่วมเข้าให้ความช่วยเหลือนำส่งร.พ.กุยบุรี เพื่อให้แพทย์ดำเนินการรักษาและช่วยชีวิตในเบื้องต้น ก่อนที่จะทยอยนำส่งต่อโรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ในเวลาต่อมา อย่างไรก็ตามญาติผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตเกรงไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงฝากถึงเจ้าหน้าที่ให้ช่วยรีบดำเนินการจับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้ไม่ว่ากรณีใดๆทั้งสิ้น เพราะถือว่ากระทำการอุกอาจโหดร้าย
จากการสอบสวนผู้บาดเจ็บทราบว่า ก่อนเกิดเหตุวันที่ 1 ม.ค.ที่ผ่านมา นายสราวุธ แกมไทย และเพื่อนได้เปิดเพลงในรถปิกอัพส่งเสียงดัง ทำให้หลานชายนายธนโชติ หรือเสี่ยน้อย ไม่พอใจจนเกิดมีปากเสียงและชกต่อยกัน ซึ่งหลานเสี่ยน้อยกล่าวอาฆาตว่า “แล้วพบกัน”
กระทั่งคืนวันที่ 2 เวลาประมาณ 20.30 น. เสี่ยน้อยมาดักรอบริเวณริมถนนเลียบชายทะเลสายโพธิ์เรียง-ทุ่งน้อย เมื่อกลุ่มนายสราวุธขับปิกอัพและจยย.ผ่านมา เสี่ยน้อยได้เอาปืนโบกให้รถหยุด แล้วเกิดการทะเลาะเสียงดัง เสี่ยน้อยใช้ปืนจ่อยิงนายราเชนทร์ ปราชญ์เปรื่อง หรือป๊อบ อายุ 19 ปี หลานชายของผู้อำนวยการโรงเรียนกุยบุรีวิทยาเสียชีวิต ก่อนจะยิงเพื่อนๆของนายราเชนทร์ที่วิ่งตามมาช่วยอีก 6 คนได้รับบาดเจ็บ เป็นผู้ชาย 4 ผู้หญิง 2 คน
นายอำเภอกุยบุรี ได้รายงานให้ ดร.ทวี นริสศิริกุล ผวจ.ประจวบคีรีขันธ์ ทราบเหตุการณ์เบื้องต้นเนื่องจากเป็นคดีอุจฉกรรจ์สะเทือนขวัญพี่น้องประชาชน พร้อมกับหารือร่วมกับ พ.ต.อ.สุชิน กิจกสิกร ผกก.สภ.กุยบุรี และพนักงานสอบสวน เพื่อขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งรัดติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็วที่สุด ขณะนี้ทราบว่าเสี่ยน้อยได้พาครอบครัวหลบหนีออกจากกุยบุรีไปแล้ว พร้อมประสานให้กำนันผู้ใหญ่บ้านภายในพื้นที่ อ.กุยบุรี ช่วยเจ้าหน้าที่ตำรวจในการสืบหาแจ้งข่าวหรือจับกุมตัวเสี่ยน้อยมาดำเนินคดีด้วย
ที่มา>>>ข่าวสด