วันพุธที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2559

เตือนภัย!! หนุ่มเข้าแจ้งความหลังโดนซุปร้อนๆสาดหน้าเหวอะ คาดแดนเซอร์มือสาด

จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Ployplaytray Vanderwoodsen โพสต์รูปภาพพร้อมระบุข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า “ช่วยด้วย……..ไม่มีใครอยากให้มันเกิดขึ้น น้องขอเตือนภัยจากคนเที่ยว สีลม ช่วยน้องด้วย คืนวันเสาร์ที่ผ่านมา เวลา ตี 4.15 น้องนั่งกินเกาเหลาหน้าซอย 2 ร้านที่ทุกคนน่าจะเคยไปกิน ซึ่งน้องมากับเพื่อน หลังจากเที่ยวGoD เสร็จ เราก็มักจะมากินเกาเหลา ก่อนกลับ ในขณะที่ น้องนั่งทานเกาเหลาสวยๆเม้ากันกับเพื่อนๆ ก็มีกลุ่มโต๊ะข้าง นั่งกันอยู่ 3 คน 1 คนในกลุ่ม ได้สั่งน้ำซุปป่าวมา สาดใส่น้องและเพื่อนอีกคนในกลุ่มน้องโดยไม่รู้ ว่าสาเหตุอะไรเพราะ ไม่เคยเห็นหน้าไม่รู้จักกันมาก่อน แล้ววิ่งหนีขึ้นแท็กซี่กลับ. หายไปอย่างรวดเร็ว ส่วนพี่อีกคนที่นั่งในกลุ่มนั้นเป็นแดนซ์เซอร์โชว์ที่ซอย 2 ที่นั่งในกลุ่มนั้นบอกแค่ว่าเป็นคนไม่สนิทกันรู้จักแค่ ที่เที่ยวเจอกันบ่อยเป็นลูกค้า. ถ้ามีใครที่พอจะเหนเหตุการ์ณในวันนั้นรู้จักหรือพอบอกได้ว่าเป็นใคร ก็โปรดช่วยน้องด้วย น้องได้ทำการแจ้งความไว้แล้วที่ สน.บางรัก ช่วยแชร์ด้วยเพราะคนที่สาดน้ำร้อนใจร้ายมาไร้สาเหตุ (หรือเราสวยเกิน) เตือน ยังไงไปเที่ยวสีลมต้องระวังละเพราะเราไม่รู้ว่าคนไหนชอบไม่ชอบ แต่คนนี้น่าจะเป็นโรคจิตแบบนี้น่ากลัวหมั่นไส้หรือไม่พอใจใครก็สาดน้ำร้อนแบบนี้น่ากลัว ต้องระวังกันด้วยนะครับ  แชร์กันไปด้วยนะคับ เพราะยังตามคนสาดอยู่”
คืบหน้าล่าสุดเมื่อวันที่ 30 ส.ค. นายปิยพัฒน์ หรือออร์แกน พันธ์สุวรรณ อายุ 28 ปี ประกอบอาชีพแฮร์สไตล์ลิสมืออาชีพชื่อดังย่านรัชดา-ห้วยขวาง ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 28 ส.ค. ตนได้เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ ร.ต.อ.ชาญณรงค์ กันยิ่ง รอง สว.(สอบสวน) สน.บางรัก ว่าถูกคนร้ายสาดน้ำซุปใส่บริเวณใบหน้าจนได้รับอาการบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 04.15 น. ของวันที่ 28 ส.ค. ที่ผ่านมา
นายปิยพัฒน์ กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุเมื่อช่วงกลางดึกของวันที่ 27 ส.ค. ที่ผ่านมา ตนพร้อมเพื่อนชาย จำนวน 4 ราย ได้นัดรวมตัวกันเดินทางไปเที่ยวภายในซอยสีลม 2 แขวงสุริยวงศ์ เขตบางรัก กทม. ซึ่งขณะสังสรรค์ดื่มกินกันอยู่นั้นก็ไม่ได้มีเรื่องบาดหมางกับผู้ใดเนื่องจากมาเที่ยวอยู่เป็นประจำ จนกระทั่งเวลาเที่ยงคืนถึงระยะเวลากำหนดปิดร้านจึงพากันออกมานั่งร้านเกาเหลาต้มเลือดหมูที่บริเวณหน้าปากซอยดังกล่าว เมื่อมาถึงร้านตนได้สังเกตเห็นชาย 3 คน นั่งกินกันอยู่ก่อนแล้วแต่ก็ไม่ได้สนใจแม้แต่อย่างใดก่อนตัดสินใจนั่งโต๊ะที่อยู่ติดกัน เมื่อพวกตนนั่งรับประทานอาหารกันอยู่ตามปกติ จู่ๆ ตนก็ถูกน้ำร้อนสาดที่บริเวณใบหน้าฝั่งซ้ายมือเข้าอย่างจังก่อนร้องตะโกนขอความช่วยเหลือด้วยความเจ็บปวดจนมีพลเมืองดีและแม่ค้าช่วยกันนำน้ำเปล่ามาล้างหน้าให้ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้เพื่อนตนที่นั่งอยู่ข้างกันก็ถูกลูกหลงอีกด้วยแต่ได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น จากนั้นตนจึงกลับบ้านพักไปล้างตัวซึ่งพบว่ามีบาดแผลพุพองที่บริเวณหน้าผากจนเป็นแผลฉกรรจ์ ก่อนตัดสินใจเดินทางไปรักษาอาการบาดเจ็บที่โรงพยาบาลเพชรเวชนายปิยพัฒน์ กล่าวต่อว่า ซึ่งระหว่างเกิดเหตุนั้นตนและเพื่อนต่างไม่มีใครจำรูปพรรณสัญฐานของคนร้ายได้เนื่องจากระยะเวลาเกิดเหตุรวดเร็วมาก ทั้งนี้จากการสอบถามพลเมืองดีที่เข้ามาให้การช่วยเหลือได้บอกเล่าว่า โดยก่อนเกิดเหตุได้ยินเสียง 1 ใน 3 คน ที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆตน บอกกับแม่ค้าขายเกาเหลาเลือดหมูว่า “ขอน้ำซุปร้อนๆสักชามจะเอาไปสาดหน้าคน” ซึ่งขณะนั้นแม่ค้าคิดว่าพูดเล่นกับกลุ่มเพื่อนจึงตักให้ตามปกติ ซึ่งกลุ่มตนก็ไม่ได้ยินเสียงและไม่ได้สนใจแม้แต่อย่างใดเนื่องจากจะรีบรับประทานและกลับบ้านพัก จากนั้นเพื่อนของผู้ลงมือก่อเหตุได้เดินออกจากร้านไปทีละคนซึ่ง 1 ใน 2 ตนมาทราบภายหลังว่าเป็นแดนเซอร์ประจำอยู่ภายในซอยสถานบันเทิงดังกล่าว เมื่อทั้ง 2 เดินออกไปผู้ชายที่เหลือเพียงคนเดียวได้เดินไปเอาน้ำซุปจากแม่ค้าก่อนนำมาสาดใส่หน้าตนคล้ายเล่นสงกรานต์เข้าอย่างจังก่อนผู้ก่อเหตุได้รีบวิ่งหลบหนีขึ้นรถแท็กซี่ไปอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นตนจึงเข้าแจ้งความเพื่อลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานที่ สน.บางรัก
ต่อมาเวลา 18.00 น. วันที่ 30 ส.ค. พ.ต.อ.นคร ทองพานิช ผกก.สน.บางรัก เปิดเผยว่า ภายหลังจากเกิดเหตุตนได้ประสานให้ทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.บางรัก ลงพื้นที่ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณจุดเกิดเหตุและใกล้เคียง รวมทั้งเส้นทางการหลบหนีของคนร้าย อีกทั้งให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจสอบถามข้อมูลจากผู้ประกอบการสถานบันเทิงภายในซอยดังกล่าว และร้านค้าตรงจุดเกิดเหตุเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยคาดว่าจะสามารถจับกุมตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายได้ในเร็วนี้
ที่มา>>>ข่าวสด

เจอเก๋งวีออสจอดริมถนนพระราม9 ส่องดูถึงผงะ พบศพหญิงสาวนอนเสียชีวิตที่เบาะคนขับ

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 30 ส.ค. ร.ต.ท.ภาณุพงศ์ นิ่มสุวรรณ์ รอง สว.(สอบสวน) สน.มักกะสัน รับแจ้งพบผู้เสียชีวิตในรถบริเวณถนนพระราม 9 ขาออก ใกล้ประตูทางเข้า รฟม. แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กทม. จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมแพทย์นิติเวชรพ.รามาธิบดี เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู  ที่เกิดเหตุพบรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า วีออส สีดำ ทะเบียน ฌส 4779 กรุงเทพ จอดอยู่หนในสภาพไม่ติดเครื่องยนต์ ภายในรถด้านคนขับพบศพน.ส.เกษศิรินทร์ เกตุประยูร อายุ 39 ปี ชาวต.ตะคร้อ อ.ไพศาลี จ.นครสวรรค์ สวมชุดกระโปรงสีดำ นอนหงายเสียชีวิตอยู่บนเบาะสภาพปรับเอนเล็กน้อย มือหงิกเกร็ง ประตูทั้งสี่ด้านไม่ได้ล็อค ไม่พบร่องรอยรื้อค้นแต่อย่างใด เบื้องต้นมีผู้เห็นรถคันดังกล่าวจอดนิ่งอยู่ จึงเดินไปดูพบว่ามีคนนอนอยู่ภายในแต่ไม่ได้ติดเครื่องยนต์ ก่อนจะเคาะเรียกและลองเปิดประตูดูพบว่าไม่ได้ล็อค เปิดดูพบว่าหญิงคนดัวกล่าวเสียชีวิตแล้วจึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบ ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างตรวจสอบและติดต่อญาติพี่น้อง
ที่มา>>>ข่าวสด

วันอังคารที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2559

ตร.สารคามไล่ล่าถึงบ้านเมียที่ร้อยเอ็ด โชเฟอร์โจรทุบหัวฆ่าผู้โดยสารสาวยังไม่เผ่นไปลาว

จากกรณีโชเฟอร์โหดรถโดยสารปรับอากาศ ป2 ของบริษัท ร้อยเอ็ดเฉลิมเกียรติสวัสดิ์ จำกัด สายร้อยเอ็ด-บุรีรัมย์ หมายเลขทะเบียน 10-4458 ร้อยเอ็ด เลขข้างรถ 275-6 จอดติดหล่มอยู่บริเวณถนนระหว่างหมู่บ้าน ดงบากไปบ้านเหล่าน้อย ต.นาสีนวล อ.พยัคฆ ภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม ซึ่งเป็นทางลูกรังโดยภายในรถบัสบริเวณเบาะที่นั่งแถวที่สองมีคราบเลือดจำนวนมาก ใกล้กันซึ่งเป็นทุ่งนาห่างไปประมาณ 20 เมตร พบร่างผู้บาดเจ็บอาการสาหัส จากการถูกทำร้ายทราบชื่อภายหลังคือ นางบุญเพ็ง ปัญโญ อายุ 56 ปี อยู่ หมู่ 16 ต.ชุมพลบุรี อ.ชุมพลบุรี จ.สุรินทร์ มีบาดแผลที่ใบหน้า และศีรษะและไปเสียชีวิตในเวลาต่อมา ที่โรงพยาบาลมหาสารคาม
สอบสวนทราบว่าผู้ต้องสงสัยคือ นายวัชรินทร์ ประทุมพร อายุ 37 ปี โชเฟอร์รถบัสโดยสารคันดังกล่าว อยู่ หมู่ 16 บ้านดงเค็ง ต.หัวเรือ อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม หลังเกิดเหตุได้หายตัวไป เหตุเกิดเมื่อเวลา 2130 น.วันที่ 27 ส.ค.ที่ผ่านมาตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าคดีนี้ วันที่ 29 ส.ค. พ.ต.อ.ดร.บรรพต เทพพานิช รองผบก.มหาสารคาม กล่าวว่า เบื้องต้นได้รับรายงานจากร้อยเวร เจ้าของคดีว่าได้ขออำนาจศาลออกหมายจับคนร้ายแล้วเมื่อช่วงเย็นวันที่ 28 สิงหาคมที่ผ่านมา ตนได้สั่งการให้ชุดสืบสวนสภ.พยัคฆภูมิพิสัย สภ.วาปีปทุม และชุดสืบสวนภูธรจังหวัดมหาสารคาม ลงพื้นที่ติดตามตัวคนร้ายอย่างใกล้ชิด โดยได้แบ่งชุดทำงานออกเป็น 4 ชุด ลงพื้นที่หาข่าวในจังหวัดร้อยเอ็ด ซึ่งเป็นบ้านของภรรยาของผู้ต้องหา จังหวัดบุรีรัมย์ และจังหวัดมหาสารคาม ซึ่งเป็นเขตรอยต่อที่คาดว่าคนร้ายจะหนีไปกบดาน “ส่วนรายละเอียดบางเรื่องยังไม่สามารถเปิดเผยได้เนื่องจากเกรงว่าจะเสียรูปคดี คาดว่าจะได้ตัวผู้ต้องหาในเร็ว ๆ นี้ คิดว่าผู้ต้องหาคงไม่หนีออกนอกประเทศ ซึ่งคดีนี้ถือเป็นคดีสะเทือนขวัญ และเป็นที่น่าสนใจของประชาชนทั่วไป จึงได้กำชับให้พนักงานสอบสวนทำงานอย่างรอบคอบที่สุด”รองผบก.มหาสารคามกล่าว
พ.ต.อ.ดร.บรรพตกล่าวว่า ส่วนเส้นทางการหลบหนีของคนร้าย คาดว่าหลังจากก่อเหตุ จากตรงจุดที่รถติดหล่ม คนร้ายน่าจะเดินเท้าออกมาจากจุดเกิดเหตุ ซึ่งอาจจะโบกรถชาวบ้านให้ช่วยไปส่งยังจุดหมาย อีกทั้งผู้ต้องหาเป็นคนในพื้นที่คงจะรู้เส้นทางหลบหนีเป็นอย่างดี ต้องรอสอบปากคำพยานที่เห็นเหตุการณ์อีกครั้ง ซึ่งได้สอบพยานไปแล้วจำนวน 3 ปาก เป็นน้องชายของผู้เสียชีวิตที่ได้พูดคุยโทรศัพท์กันเป็นรายสุดท้ายก่อนที่โทรศัพท์จะถูกตัดไป และพยานแวดล้อมที่อยู่พื้นที่เกิดเหตุอีก 2 ปาก คาดว่าน่าจะได้ตัวผู้ต้องสงสัยในเร็วๆนี้
รายงานข่าวจากชุดสืบสวนแจ้งว่า ทางญาติได้ให้ข้อมูลว่าหลังจากผู้ตายเดินทางมาเยี่ยมญาติที่ ต.หัวเรือ อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม ประมาณบ่ายโมงของวันที่ 27 ส.ค. ได้เดินทางมารอขึ้นรถโดยสารประจำทางที่ปากทางบ้านนาฝาย ถนนวาปีปทุม-พยัคฆภูมิพิสัย ขณะนั้นได้มีรถบัสโดยสารปรับอากาศคันดังกล่าววิ่งมา จึงได้โบกรถขึ้นไปนั่งเนื่องจากเข้าใจว่าเป็นรถวิ่งโดยปกติ และช่วงเวลาประมาณ 14 นาฬิกาเศษรถคันนี้วิ่งเข้ามาในเขต อ.พยัคฆภูมิพิสัย และรถจอดเรียกช่างมาซ่อม โดยช่างซ่อมยืนยันจากรูปถ่ายบัตรประชาชนนายวัชรินทร์ว่าเป็นคนขับรถบัสโดยสารคันนั้น และยังเห็นผู้โดยสารอยู่บนรถ 1 คน คาดว่าคนร้ายน่าจะก่อเหตุหลังซ่อมรถเสร็จแต่ไม่ทราบจุดที่ลงมือ ล่าสุดชุดสืบสวนได้พยายามโทรศัพท์หาเพื่อให้ผู้ต้องสงสัยเข้ามอบตัวแต่ไม่สามารถติดต่อได้
ที่มา>>>ข่าวสด

เพื่อนเผยโพสต์สุดท้ายก่อนหนุ่มเกียรตินิยมดับ ใกล้ทางขึ้นภูเขาทอง วัดสระเกศ แม่เผยลูกชายเก็บความรู้สึก

กรณีนายนราวุฒิ พวงเกษร อายุ 28 ปี บัณฑิตเกียรตินิยมอันดับ 1 คณะบริหารธุรกิจ ม.กรุงเทพ เสียชีวิตอย่างปริศนา บริเวณทางขึ้นภูเขาทอง วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร(วัดภูเขาทอง) โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยังไม่ฟันธงสาเหตุการตาย เผยผู้ตายมีโลกส่วนตัวสูง และเจ้าหน้าที่ได้ตรวจคราบเลือด ลายนิ้วมือแฝงบนระฆัง พร้อมจำลองพฤติกรรมที่เกิดขึ้น รวมทั้งตรวจสอบวงจรปิดจับภาพผู้ตายเดินจงกรมบริเวณ หอระฆัง พร้อมทำท่าเหมือนนกบิน ขณะที่แม่ชีได้ยินเสียงกรีดร้อง และระฆังดังเป็นจังหวะ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น ความคืบหน้า เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 29 ส.ค. ที่สน.สำราญราษฏร์ พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รรท.ผบช.น. พร้อมด้วยพล.ต.ต.ทรงพล วัธนะชัย ผบก.น.6 พ.ต.อ.ต่อเกียรติ พรหมบุตร ผกก.สน.สำราญราษฏร์ ร.ต.อ.อานนท์ ไทรด้วง รองสว.(สอบสวน) สน.สำราญราษฏร์ เรียกนางอำไพ พวงเกษร อายุ 54 ปี มารดาของนายนราวุฒิ พร้อมด้วยพี่ชายของผู้เสียชีวิต เข้าพบเพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติมต่อเจ้าหน้าที่โดยในเวลานานกว่า 2 ชั่วโมง นางอำไพ กล่าวว่า นายนราวุฒิเป็นลูกชายคนเล็กจากลูกทั้ง 3 คนของตน ซึ่งเพิ่งสำเร็จการศึกษาเกียรตินิยมอันดับ 1 คณะการสร้างเจ้าของธุรกิจและการบริหารจัดการ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ และกำลังจะรับปริญญา ในช่วงระหว่างรอรับปริญญาตนจึงให้ลูกชายมาช่วยดูแลธุรกิจครอบครัว คือร้านอาหารลูกชายมีหน้าที่ดูแลในส่วนของเคาน์เตอร์ ส่วนตนดูแลเรื่องภายในห้องครัว ในวันเกินเหตุ เมื่อวันที่ 21 ส.ค. ตามจริงแล้วลูกชายตนมีนัดต้องไปงานแต่งงาน เพื่อนที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ในเวลา 19.00 น. ซึ่งมีการจองตั๋วเครื่องบินไว้แล้วด้วย แต่จู่ๆลูกชายก็มาบอกว่าไม่ไปแล้ว ต่อมาในเวลา 4 ทุ่มลูกชายมาขอเงินตน 500 บาท แล้วไม่ได้ติดต่อลูกชายอีกเลย ก่อนที่ตนจะมาทราบข่าวว่า ลูกชายเสียชีวิตแล้ว
นางอำไพ กล่าวต่อว่า ปกติลูกชายตนเป็นคนร่าเริงและชอบทำบุญ แต่ตนกับลูกชายพักอาศัยอยู่คนล่ะบ้าน เลิกงานแล้วก็จะแยกย้ายกลับบ้านกันเลย ดังนั้นเวลามีปัญหาอะไรลูกชายมักจะไม่เล่าให้ฟัง แต่ตนรู้ดีว่าลูกชายตนมีนิสัยคล้ายผู้หญิง ชอบซื้อเครื่องสำอางมาแต่งหน้า แค่หยดน้ำร้อนกระเด็นใส่แขนเขายังร้อง จนบ้านแทบแตก ตนจึงไม่เชื่อว่าลูกชายตนจะฆ่าตัวตายด้วยวิธีพิสดารแบบนี้ ตนกังวลว่าลูกชายจะถูกคนที่แอบขึ้นไปนอนอยู่ข้างบนนั่น แอบทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิต เพราะลูกชายของตนไปตีระฆังเสียงดัง แต่หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจนำกล้องวงจรและอธิบายถึงแนวทางการสอบสวนแล้วนั้น ตนก็ไม่ได้ติดใจเอาความใดๆ เพราะเชื่อมั่นในการทำหน้าที่ของตำรวจ คงเป็นเพราะลูกชายของตนตั้งใจที่จะฆ่าตัวตายเองจริง และมีการวางแผนมาก่อนหน้านี้แล้ว
พล.ต.ท.ศานิตย์ เปิดเผยว่า จากการสอบถามเพื่อนสนิทของผู้เสียชีวิตตั้งแต่มัธยมต้น อายุ 26 ปี เปิดเผยว่า เพื่อนตนเป็นคนร่าเริง และชอบทำบุญอย่างมาก แต่ถ้ามีเรื่องอะไรที่ทำให้กังวลใจ ผู้ตายก็จะแยกตัวออกจากกลุ่มเพื่อน และชอบเก็บตัวเงียบอยู่คนเดียว โดยผู้ตายโพสต์ข้อความสุดท้ายไว้ในเฟซบุ๊คในวันที่ 14 ส.ค. เวลา 21.19 น. มีข้อความว่า “หากเรารู้วันสุดท้ายในชีวิต และสามารถขออะไรก็ได้ เราจะขออะไรจากพรวิเศษเหล่านั้น”
พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวต่อว่า หลังจากที่ได้อธิบายแนวทางการสอบสวนให้แม่ผู้เสียชีวิตฟังแล้วนั้น แม่ผู้เสียชีวิตก็ไม่ได้ติดใจเอาความใดๆ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ทิ้งแนวทางการสอบสวน หากกว่าในระหว่างสอบสวนพบพิรุธ และพบว่าไม่ได้เป็นการฆ่าตัวตายเอง ก็จะมีเริ่มต้นสอบสวนและชันสูตรพลิกศพอีกครั้ง
ที่มา>>>ข่าวสด

วันเสาร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2559

หลอนได้ยินเสียงเรียก หนุ่มเดินเอายาบ้าวางหน้าบ้านผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน โดนรวบ!!

 หนุ่มเมายาบ้าจนเพี้ยน เคาะประตูบ้านผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ก่อนนำยาบ้าจำนวน 800 เม็ดวางไว้แล้วหลบหนี ตำรวจตามล่าจนพบ รับสารภาพ หลอนได้ยินเหมือนมีคนมาเรียกให้เอายาบ้าออกมา รับเพิ่งเสพยาไป ยาบ้าทั้งหมดเป็นของเพื่อน
วันที่ 26 ส.ค. พ.ต.ท.มงคล โท้เป๋า รอง ผกก.สส.สภ.ระเบาะไผ่ พร้อมด้วย นายคนึง พิกุลทอง ปลัดอำเภอศรีมหาโพธิ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ทหารรักษาความสงบพื้นที่เข้าจับกุมตัวนายเฮง หรือ เค แก้วเกตุ อายุ 38 ปี อยู่หมู่ที่ 4 ภายในชุมชนหลังวัดคลองรั้ง ตำบลกรอกสมบูรณ์ อำเภอศรีมหาโพธิ จังหวัดปราจีนบุรี พร้อมของกลางเป็นยาบ้าจำนวน 800 เม็ด ที่ถูกห่อด้วยกระดาษสีเขียว ใส่ไว้ในถุงพลาสติกสีขาว(ซองใส่ยาเส้น) จำนวน 4 ห่อ และใส่ไว้ในถุงพลาสติกแบบหูหิ้วอีกชั้น ถูกนำมาวางไว้อยู่บนโต๊ะบริเวณหน้าบ้าน หมู่ที่ 4 ตำบลกรอกสมบูรณ์ ซึ่งเป็นบ้านของนายณัฐฤพรพงษ์ อาษา ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ม.4 ตำบลกรอกสมบูรณ์ จากการสอบถามนายณัฐฤพรพงษ์ กล่าวว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ขณะที่ตนนอนอยู่ภายในบ้าน นายเค หรือ นายเฮง ได้เดินมาเรียกตนที่หน้าบ้าน แต่ตนไม่ได้สนใจ เพียงแต่ ดูอยู่ภายในบ้าน โดยไม่ได้ตอบอะไร แต่ได้เห็นนายเฮง ถือถุงพลาสติกมาวางไว้บริเวณโต๊ะดังกล่าวที่อยู่หน้าบ้านตน หลังจากนั้นนายเฮงได้เดินกลับไปที่บ้าน ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามบ้านตน ตนจึงออกมาแกะดู พบว่าเป็นยาบ้า จึงแจ้งผู้บังคับบัญชา และเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบ ก่อนเข้าจับกุมนายเฮง ซึ่งนายเฮงเหมือนคนอยู่ในอาการเบลอยา พูดจาวกไปวนมา แต่ให้การยอมรับว่าเป็นคนเอามาวางไว้จริง และยาบ้าจำนวนดังกล่าวไม่ใช่ของตน แต่มีเพื่อนคือนายนัด ที่อยู่ในหมู่บ้านเดียวกันนำมาฝากไว้ ตั้งแต่สองวันที่แล้ว และที่นำยาออกมาวางไว้ เนื่องจากเหมือนมีคนมาเรียกให้ตนนำยาบ้าออกมา แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงมาที่บ้านหลังนี้ ก่อนหน้านี้ตนได้เสพยาบ้าไปจำนวนสองเม็ด ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม บอกว่า นายเฮงมีประวัติการเสพการขายยาบ้าอยู่แล้ว ซึ่งได้รับร้องเรียนอยู่บ่อยครั้ง รวมถึงตัวนายนัดเองด้วย แต่หลังจากรับทราบว่าเป็นของนายนัดแล้ว ได้นำกำลังเข้าตรวจสอบที่บ้านของนายนัดแล้ว ไม่พบตัวนายนัดแต่อย่างใด เบื้องต้นทราบจากผู้เป็นแม่ของนายนัดว่า นายนัดได้แยกออกไปมีครอบครัวนานแล้ว นานๆจะกลับมาบ้านสักที ซึ่งจากการตรวจสอบภายในห้องของนายนัด ยังพบบัญชีรายชื่อจำนวนหนึ่ง จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นเจ้าหน้าตำรวจจึงได้ควบคุมตัวนายเฮง สอบปากคำเพิ่มเติม เพื่อขยายผลการจับกุมรายใหญ่ต่อไป
ที่มา>>>ข่าวสด

ร่วมงานบุญสวดศพเพื่อนบ้าน รับข่าวร้ายไฟไหม้บ้านวอดทั้งหลัง-ช่วยได้เพียงรถอีแต๊ก

เมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 26 ส.ค.  ร.ต.อ.นิรันดร์ นามศรีคุณ ร้อยเวร สภ.หนองหมากฝ้าย อ.วัฒนานคร ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า ที่บ้านเลขที่ 114 ม. 5 ต.หนองน้ำใส อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว เกิดเหตุเพลิงไหม้บ้าน โดยไฟได้ลุกไหม้บ้านอย่างรุนแรง ชาวบ้านช่วยกันดับไฟแต่เอาไม่อยู่ หลังรับแจ้งจึงรีบแจ้งขอรถดับเพลิง จาก อบต. ช่องกุ่ม อบต.หนองหมากฝ้าย อบต.หนองน้ำใส และรถดับเพลิงจาก ทหารจาก ร.12 พัน 2 เข้ามาช่วยดับเพลิง แต่เนื่องจากบ้านหลังดังกล่าว เป็นบ้าน 2 ชั้น ชั้นบนทำด้วยไม้ ไฟจึงได้ลุกลามอย่างรวดเร็ว รถดับเพลิงทั้งหน่วยงานทหาร และ อบต. ได้ช่วยกันระดมฉีดน้ำสกัดไฟได้ลุกลาม โดยใช้เวลานานกว่า 1 ชั่วโมง จึงสามารถควบคุมเพลิงเอาไว้ได้ นายจรุง พลแก้ว อายุ 60 ปี บอกกับตำรวจว่า ตนเองอยู่กัน 3 คน คือภรรยา และหลานอีก 1 คน ขณะเกิดเพลิงไหม้ไม่มีใครอยู่ในบ้านหลังดังกล่าว เนื่องจากไปร่วมฟังพระสวดอภิธรรมศพเพื่อนบ้าน ขณะนั่งฟังพระสวดอยู่นั้น มีเพื่อนบ้านวิ่งไปบอกว่า ไฟได้ไหม้บ้าน ตนเองพร้อมกับเพื่อนบ้านที่ร่วมฟังพระสวดอภิธรรมศพ จึงได้รีบวิ่งมาช่วยกันดับไฟ แต่เนื่องจากไฟได้ลุกไหม้ขึ้นไปชั้นบนแล้ว จึงเอาไม่อยู่“กว่ารถดับเพลิงจะมา ไฟจึงได้ไหม้บ้านจนไม่เหลือ เจ้าหน้าที่ทหารจาก ร.12 ได้ช่วยกันเข้าไปเอารถอีแต๊กออกมาได้เพียงคันเดียวเท่านั้น สิ่งของอย่างอื่นถูกไฟไหม้ไปจนหมด ไม่ว่าจะเป็นหม้อข้าว หม้อแกง และที่หลับที่นอน เสื้อผ้า เอาอะไรออกมาไม่ได้เลย”
ที่มา>>>ข่าวสด

วันศุกร์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2559

2สาวใหญ่แจ้งตร. โดนเพื่อนรักฮุบล็อตเตอรี่ 5 ใบที่หุ้นกันซื้อแล้วถูกรางวัลที่ 1 จำนวน30ล้าน

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 24 ส.ค. ที่ กองปราบปราม นางเรวดี หาแก้ว อายุ 51 ปี ชาวจ.พิจิตร และนางวิไลพร รัตนะติสร้อย อายุ 51 ปี เดินทางเข้าพบพ.ต.ท.อรรถพล อินทะนิน รอง ผกก.(สอบสวน) กก.1 บก.ป. เพื่อเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนางสุดารัตน์ (ขอสงวนนามสกุล) เพื่อนสนิทที่ยักยอกเอาสลากกินแบ่งรัฐบาล ซึ่งถูกรางวัลที่ 1 จำนวน 5 ใบ รวมเป็นเงิน 30 ล้านบาทไป เหตุเกิดเมื่อกลางเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา  นางเรวดี กล่าวว่า เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ในขณะนั้นตนและนางสุดารัตน์ยังคบหาเป็นเพื่อนสนิทกัน ได้ร่วมเดินทางไปทำบุญที่วัดลาดบัวขาว(ราชโยธา) แขวงสะพานสูง เขตสะพานสูง กทม. หลังจากทำบุญเสร็จแล้ว ตนก็ชักชวนนางสุดารัตน์ให้ร่วมกันซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลงวดประวันที่ 1 เม.ย. 59 แบบชุดจำนวน 5 ใบราคา 500 บาทจากแม่ค้าที่นำสลากมาขายในวัด ส่วนนางวิไลพรไม่ได้เดินทางมาด้วย แต่ก็ชักชวนให้ร่วมลงทุนซื้อด้วย เพระพวกตนทั้ง 3 คนเป็นเพื่อนสนิทกัน  นางเรวดีกล่าวต่ออีกว่า ตนเองนั้นเป็นคนเลือกตัวเลขและก็จ่ายเงินไปก่อนด้วย เสร็จแล้วทั้งตนและนางสุดารัตน์ก็แบ่งสลากฯไปกันคนละ 2 ใบ ส่วนนางวิไลพรได้ไปเพียง 1 ใบ แต่สลากฯที่ซื้อมาทั้ง 5 ใบ นางสุดารัตน์เป็นผู้ขอเก็บไว้เอง ตนจึงขอเซ็นชื่อระบุกำกับไว้บนฉลากทั้ง 2 ใบ กระทั่งวันที่ 4 เม.ย. จึงมาทราบในภายหลังว่าสลากฯที่ซื้อมานั้นทั้ง 5 ใบนั้นถูกรางวัลที่ 1 รวมเป็นเงินมูลค่า 30 ล้านบาท จึงได้รีบทวงถามไปยังนางสุดารัตน์ ปรากฏว่ากลับถูกปฏิเสธว่าไม่ถูกรางวัล จากนั้นนางสุดารัตน์ก็ขาดหายการติดต่อไปในที่สุด กระทั่งในวันที่ 15 เม.ย.ตนจึงเข้าแจ้งความไว้ที่สน.ประเวศ แต่คดีก็ยังไม่คืบหน้าไปเท่าที่ควร
นางเรวดีเปิดเผยต่ออีกว่า เบื้องต้นจากการตรวจสอบ ยังพบด้วยว่านางสุดารัตน์ได้ว่าจ้างบุคคลอื่นเพื่อให้นำสลากฯที่ถูกไปขึ้นเงินรางวัลกับสำนักงานฉลากกินแบ่งรัฐบาล จ.นนทบุรี โดยทยอยไปขึ้นทีละใบ เพื่อไม่ให้เกิดข้อสงสัย ซึ่งจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่สามารถเอาผิดแก่นางสุดารัตน์ได้ จึงต้องเดินทางเข้ามาร้องเรียนที่กองปราบฯเพื่อให้ดำเนินการให้ เนื่องจากเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะที่ผ่านมาพนักงานสอบสวนของสน.ประเวศ ได้ออกหมายเรียกนางสุดารัตน์ไปแล้ว 2 ครั้ง แต่ยังไม่เห็นมีการออกหมายจับแต่อย่างใด นอกจากนี้หลังจากเข้าแจ้งความแล้วพวกตนก็จะเดินทางไปที่สำนักงานฉลากกินแบ่งรัฐบาล เพื่อขอให้ตรวจสอบฉลากกินแบ่งฉบับที่ถูกรางวัลดังกล่าวว่ามีข้อพิรุธอย่างใดหรือไม่
เบื้องต้น พ.ต.ท.อรรถพลได้สอบปากคำผู้เสียหายไว้เป็นหลักฐาน แต่เนื่องจากเห็นว่าคดีนี้ทางสน.ประเวศ ก็ได้ดำเนินการไปพอสมควรแล้ว จึงช่วยประสานไปยังร้อยเวรเจ้าของคดีเพื่อช่วยเร่งรัดต่อไป
ที่มา>>>ข่าวสด

‘ในหลวง-ราชินี’ ส่งพระราชสาส์นแสดงความเสียพระราชหฤทัยเหตุแผ่นดินไหวที่อิตาลี-เมียนมาร์

 เมื่อวันที่ 25 ส.ค. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ส่งข้อความพระราชสาส์นแสดงความเสียพระราชหฤทัย ไปยังประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ กรณีเหตุแผ่นดินไหว เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2559 ความว่า ข้าพเจ้าและพระราชินีเศร้าสลดใจที่ได้ทราบข่าวเหตุการณ์แผ่นดินไหว ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต และเกิดความเสียหายอย่างมากแก่ศาสนสถานโบราณอันเป็นมรดกโลกที่สำคัญ ข้าพเจ้าและพระราชินีขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่งมายังท่านและประชาชนชาวเมียนมาร์ ผู้ประสบความสูญเสียจากภัยพิบัติทางธรรมชาติครั้งนี้ วันเดียวกัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ส่งข้อความพระราชสาส์นแสดงความเสียพระราชหฤทัย ไปยังประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐอิตาลี กรณีเหตุการณ์แผ่นดินไหว เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2559 ความว่า ข้าพเจ้าและพระราชินีเศร้าสลดใจอย่างยิ่ง ที่ได้ทราบข่าวเหตุการณ์แผ่นดินไหว ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บเป็นจำนวนมาก ทั้งยังก่อความเสียหายอย่างรุนแรงต่อโครงสร้างพื้นฐานและทรัพย์สินในประเทศของท่าน ข้าพเจ้าและพระราชินีขอแสดงความเสียใจอย่างจริงใจมายังท่าน และผู้ประสบความสูญเสียจากภัยพิบัติทางธรรมชาติครั้งนี้
ที่มา>>>ข่าวสด

วันพฤหัสบดีที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2559

จับแล้ว! หนุ่มที่นั่งซบนั่งหอมสาวๆและนร.หญิงบนสองแถว อ้างเมาแอ๋-จำอะไรไม่ได้เลย

จับแล้ว! หนุ่มที่นั่งซบนั่งหอมสาวๆและนร.หญิงบนสองแถว อ้างเมาแอ๋-จำอะไรไม่ได้เลย

14720351031472035656l เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 24 ส.ค. พ.ต.ท.วรรณพรต ปิ้นปกบุตร สว.สส.สภ.บางแก้ว พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนสภ.บางแก้ว สมุทรปราการ ควบคุมตัวนายวระชิต อินทรวิศิษฎ์ อายุ 39 ปี ชาวจังหวัดนครพนม ที่ตกเป็นผู้ต้องหา กระทำอนาจารผู้เสียหายบนรถโดยสารสองแถว เหตุเกิดบนถนนบางนา-ตราด กม.8 ต.บางแก้ว อ.บางพลี สมุทรปราการ โดยเจ้าหน้าที่สามารถตามไปจับกุมตัวได้ที่ริมถนนแห่งหนึ่ง ย่านประเวศ ขณะกำลังเดินเท้าอยู่ข้างทาง จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำ จากการสอบปากคำเบื้องต้น ซึ่งเจ้าหน้าที่เปิดคลิปวิดีโอที่มีผู้เสียหายรายหนึ่ง บันทึกภาพพฤติกรรมไว้ได้ นายวระชิตจึงออกมายอมรับและให้การอ้างว่า ตนมีอาชีพเป็นรปภ.แห่งหนึ่ง ย่านถนนเพชรบุรีตัดใหม่ วันเกิดเหตุตนดื่มสุราเข้าไปอย่างหนัก จึงเกิดมีปากเสียกับพี่ชาย ตนจึงออกจากห้องพักนั่งรถโดยสารมาตามทาง จนมาถึงที่เกิดเหตุ แต่ไม่รู้ตัวว่ากระทำอะไรลงไปในวันนั้น พ.ต.อ.วิชิต บุญชินวุฒิกุล ผกก.สภ.บางแก้ว กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อช่วงของวันที่ 22 ส.ค. ที่ผ่านมา มีผู้เสียหายหลายท่าน ซึ่งหนึ่งในนั้นมีเยาวชนนักเรียนอายุ 16 ปี ที่อยู่ในคลิปและเป็นผู้เสียหายเดินทางมาแจ้งความร้องทุกข์ว่า ถูกชายอายุประมาณ 35-40 ปี อยู่ในอาการคล้ายคนเมาสารเสพติดหรือเมาสุรา ลงมือก่อเหตุลวนลามและกระทำอานาจารผู้เสียหาย ขณะกำลังโดยสารอยู่บนรถสองแถว ซึ่งมีผู้เสียหายหลายราย
อีกทั้งยังมีผู้ใช้เฟซบุ๊กนำภาพไปลง จนปรากฎเป็นข่าวนั้นตนเองหลังจากทราบเรื่อง จึงสั่งการให้ชุดสืบสวนลงพื้นที่ติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว จนกระทั่งสามารถตามจับตัวได้ในที่สุด ซึ่งในเบื้องต้นได้แจ้งข้อหา กระทำอานาจารเด็กอายุเกิน 15 ปี โดยขู่เข็นด้วยปราการใดๆ หรือใช้กำลัง ตามประมวลกฎหมาย ป.วิอาญามาตรา 278 ทวิ3 ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับ 2 หมื่น หรือทั้งจำทั้งปรับ นำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ที่มา>>>ข่าวสด

หลวงพ่อมึน ชาวบ้านค้านเสียงแข็งหลังเจอรอยกลางลาน เชื่อพญานาค ไม่ใช่เครื่องฉีดน้ำ!!

14720245471472024689lเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 24 ส.ค. นายบุญเส็ง ปุงมา อายุ 53 ปี ไวยาวัจกรวัดป่ารัตนารามบ้านสงเปือย แจ้งกับผู้สื่อข่าวว่า พบรอยพญานาคที่หน้าองค์พระประธานใต้ต้นโพธิ์ในวัด และยังพบรอยยันต์หน้าบันไดทางขึ้นกุฏิอีกแห่งหนึ่งด้วย จึงได้ไปตรวจสอบที่วัดดังกล่าว พบว่าที่หน้าองค์พระประธานได้มีชาวบ้านพากันจัดตั้งเต้นท์ จัดดอกไม้ธูปเทียนเครื่องเซ่นไหว้ เพื่อให้ชาวบ้านที่มาดูได้กราบไหว้รอยประหลาดคล้ายรอยพญานาคบนพื้นปูนที่หน้าองค์พระประธานมีสีขาวนวลตามลำตัวเป็นหยักเหมือนลำตัวพญานาค ห่างจากรอยพญานาคประมาณ 3 เมตร ตรงหน้าทางขึ้นกุฏิของหลวงพ่อชู ชยธมโม เจ้าอาวาสวัดป่ารัตนารามบ้านสงเปือย พบรอยอักขระคล้ายยันต์อยู่ 3 ตัว ชาวบ้านเห็นก็มากราบไหว้เช่นเดียวกับรอยพญานาคที่อยู่ตรงหน้าองค์พระประธานภายในวัดเช่นกัน  โดยชาวบ้านได้พากันนำเชือกฟางมากั้นไว้เพื่อห้ามไม่ให้คนเดินผ่านเข้า – ออก  และทำลายหลวงพ่อชู ชยธมโม เจ้าอาวาสวัดป่ารัตนารามบ้านสงเปือย เปิดเผยว่า รอยที่เกิดขึ้นนั้นทำขึ้นมาเองซึ่งไม่ทราบว่าไปเหมือนรอยพญานาคได้อย่างไร ชาวบ้านมาเห็นก็บอกว่าเป็นรอยพญานาคเกิดขึ้นมาเอง อาตมาก็บอกว่าไม่ใช่ เพราะเช้านี้อาตมาทำความสะอาดพื้นหน้ากุฏิ และหน้าองค์พระประธาน โดยใช้เครื่องฉีดน้ำอัดลมฉีดไปที่พื้นให้เป็นรอย ก็ไม่รู้ว่าไปเหมือนรอยพญานาคได้อย่างไร ส่วนที่หน้ากุฏิของอาตมาก็ฉีดน้ำล้างพื้นให้เป็นยันต์ “นะโมพุทธายะ” เป็นยันต์ป้องกันขโมยเข้ามาลักทรัพย์ในกุฏิ ซึ่งเคยถูกคนร้ายมางัดแงะมากกว่า 3 ครั้งแล้ว แต่จะได้ผลหรือไม่ไม่ทราบ ส่วนรอยที่เหมือนพญานาคไม่ใช่เรื่องจริง เตือนชาวบ้านที่มาดูและกราบไหว้แล้วว่าไม่ใช่รอยพญานาค ชาวบ้านก็ไม่เชื่อแต่พากันมากราบไหว้ จึงเป็นเรื่องความเชื่อของชาวบ้านแล้วแต่จะเชื่อหรือไม่เชื่อด้านนายบุญเส็ง  ปุงมา บอกว่า รอยที่เกิดขึ้นมาผมและชาวบ้านแทบทุกคนในหมู่บ้านมีความเชื่อว่าเป็นรอยพญานาคที่มาเกิดขึ้นในหมู่บ้านสงเปือย ไม่ใช่หลวงพ่อทำขึ้นมา ถ้าอ้างว่าทำขึ้นมาเองขอให้มาทำต่อหน้าชาวบ้านได้ไหม ว่า จะเกิดรอยเช่นเดียวกับรอยพญานาคที่เห็นอยู่ในขณะนี้ ตนและชาวบ้านจึงเชื่อว่าเป็นรอยพญานาคไม่มีใครทำขึ้นมาอย่างแน่นอนส่วนจะเกิดขึ้นมาอย่างไงไม่ทราบ ตนและชาวบ้านไม่เชื่อว่าหลวงพ่อจะทำขึ้นมาเองแน่นอน รอยพญานาคและยันต์อักขระที่เห็น เชื่อว่ามาเพื่อให้ชาวบ้านได้อยู่ดีมีสุข พร้อมกับมีโชคลาภ ชาวบ้านส่วนหนึ่งไม่พอใจที่หลวงพ่อบอกว่าทำขึ้นมาเอง แต่เมื่อเกิดรอยพญานาคขึ้นมาแล้วไม่ว่าจะรูปแบบไหนก็ตาม ชาวบ้านก็มีความเชื่อและศรัทธาพากันมากราบไหว้อย่างต่อเนื่องตามประสาคอหวย เพื่อหาเลขเด็ดจากรอยพญานาคดังกล่าว
ที่มา>>>ข่าวสด

วันพุธที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2559

ดีแมกซ์ซิ่งชนเก๋งจอดเลี้ยวเข้าห้างกระเด็นโดนรถพัสดุดับ 2 ศพด.ช. 3 ขวบสาหัส

 เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 23 ส.ค. ร.ต.อ.จุมพล ทฤษฎีสุข ร้อยเวร (สอบสวน) สภ.เมืองปราจีนบุรี รับแจ้งจากหน่วยกู้ภัยสว่างบำเพ็ญธรรมสถาน จ.ปราจีนบุรี เกิดอุบัติเหตุรถกระบะชนรถเก๋งกระเด็นมาถูกรถขนส่งพัสดุชนซ้ำ ในรถยนต์พบมีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 1 รายบาดเจ็บสาหัส 2 ราย หน่วยกู้ภัยนำส่งห้องผู้ป่วยฉุกเฉิน รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศรก่อนหน้านี้ ที่เกิดเหตุหน้าห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ถนนสายปราจีนตคาม (ปราจีนบุรี-ประจันตคาม) หรือ ถนนสาย 3452 หมู่ 3 ต.บางบริบูรณ์ อ.เมืองปราจีนบุรี จึงรายงานผู้บังคับบัญชาและพร้อม นพ.กมล รัศมีหิรัญ แพทย์เวรฯรพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศรรุดไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุเป็นช่วงทางเลี้ยวเข้า-ออก หน้าห้างโรบินสัน (สาขาปราจีนบุรี) ถนน 4 ช่องจราจร กึ่งกลางถนนพบรถกระบะ ยี่ห้ออีซูซุ รุ่นดีแมกซ์ สีดำ หมายเลขทะเบียน กค3208 ปราจีนบุรี พลิกคว่ำตะแคงข้างจนล้อลอยมีนายศุภโชค ประสพบุญ อายุ 53 ปี เลขที่ 140 ม.5 ต.ลาดตะเคียน อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี เป็นคนขับขี่ เลยไปอีก 15 เมตร พบรถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า สีบอร์นเงินหมายเลขทะเบียน กค 7297 ปราจีนบุรี อยู่ในช่องจราจรฝั่งซ้ายมือ หน้ารถเกำลังหันจะเลี้ยวเข้าห้างฯ มีนางแก้วตา ชัยสวัสดิ์ อายุ 45 ปี เลขที่ 130หมู่ 6 ต.ย่านรี อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี เป็นคนขับ ได้รับบาดเจ็บสาหัส ใกล้ที่นั่งคนขับพบนางแดง ชัยสวัสดิ์ อายุ 65 ปี เป็นมารดาคนขับขี่เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ และท้ายรถพบด.ช.อายุ 3 ขวบ เป็นหลานชายผู้ขับขี่ได้รับบาดเจ็บสาหัส หน่วยกู้ภัยรีบนำคนบาดเจ็บส่งห้องผู้ป่วยฉุกเฉิน รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศรอย่างเร่งด่วน ทราบต่อมานางแก้วตา ทนพิษบาดแผลไม่ไหวได้เสียชีวิต พบสภาพรถยนต์ฝั่งที่นั่งข้างคนขับถูกรถกระบะขนส่งพัสดุภัณฑ์ ยี่ห้อ อีซูซุ รุ่นดีแมกซ์ สีบอร์นเงิน หมายเลขทะเบียน บธ 2891 ปราจีนบุรี มีนายมงคล ทิมทอง อายุ 19 ปี เลขที่ 96/4 หมู่ 18 ต.บ้านพระ อ.เมืองปราจีนบุรี จ.ปราจีนบุรี เป็นคนขับ ชนจนยุบเข้าหาตัวรถทั้งแถบ
ร.ต.อ.จุมพล กล่าวว่า สอบสวนเบื้องต้นนายมงคล ทิมทอง อายุ 19 ปี คนขับรถขนส่งพัสดุภัณฑ์ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุนำสินค้าจากตัวเมืองปราจีนบุรีกำลังวิ่งไปส่งเขตพื้นที่อ.ประจันตคาม ถึงจุดเกิดเหตุพบรถโตโยต้าจอดรอเลี้ยวเข้าห้างโรบินสันฯ ขณะนั้นมีรถกระบะยี่ห้ออีซูซุสีดำวิ่งมาจากด้าน อ.ประจันตคาม จะเข้าตัวเมืองปราจีนบุรีด้วยความเร็ว ไม่เห็นรถยนต์จึงชนอย่างแรงจนรถกระเด็นมาใส่รถขนส่งพัสดุภัณฑ์ จึงชนเข้าด้านข้างเต็มแรง ตรวจสอบพบมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บดังกล่าว
ด้านนายปัญญา ชัยสวัสดิ์ อายุ 43 ปี ลูกชายผู้เสียชีวิต กล่าวว่า มารดาคือนางแดง ชัยสวัสดิ์ อายุ 65 ปี จะมาเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ที่ห้าง จึงให้นางแก้วตามาส่งและประสบอุบัติเหตุดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดเหตุหน่วยกู้ภัยได้รีบเคลียร์เส้นทางป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน และแจ้งให้ทราบว่าเมื่อวานนี้ ใกล้กันหน้าห้างโรบินสัน(สาขาปราจีนบุรี) ก็เกิดอุบัติเหตุรถจยย. 2สามี-ภรรยาอายุ 62 ปี ขับขี่มาชนท้ายรถโดยสารตุ๊กๆ ภรรยาเสียชีวิต สามีบาดเจ็บสาหัสก่อนหน้าเพียงวันเดียว
ที่มา>>>ข่าวสด

นร.หญิง 2 กลุ่มยกพวกตบกันเดือด ฝ่ายสู้ไม่ได้-ชักปืนกราดยิง มีคนโดนลูกหลงเจ็บ 2 สาหัส

เมื่อเวลา 18.30 น วันที่ 23 ส.ค. ร.ต.ท.วิทยา ชมจอหอ รองสว.สอบสวน สภ.พระนครศรีอยุธยา ได้รับแจ้งมีเหตุยิงกันบริเวณสวนสาธารณะทุ่งหันตรา ต.หันตรา อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย จึงพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กู้ภัยเข้าช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บส่งโรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา และโรงพยาบาลราชธานี  ทราบชื่อผู้ได้รับบาดเจ็บ คือ ด.ช.ศักดิ์ (นามสมมติ) อายุ 14 ปี ถูกยิงเข้าบริเวณหน้าอก 2 นัด กระสุนทะลุปลอด อาการสาหัส อีกรายคือนายชานนท์ ดีอนันต์ อายุ 17 ปี เป็นนักศึกษาวิทยาลัยเทคโนโลยีพาณิชยการอยุธยา ถูกยิงเข้าบริเวณสะโพก 2 นัด อาการไม่สาหัส อยู่ในความดูแลของแพทย์ สอบสวนนายพล (นามสมมติ) อายุ 16 ปี เพื่อนที่นำตัวคนเจ็บส่งโรงพยาบาล กล่าวว่า กลุ่มตนเองได้ถูกรุ่นพี่ชักชวนมาดูกลุ่มหญิงสาวมาตบกันบริเวณทุ่งหันตรา ซึ่งพวกตนเป็นรุ่นน้องจึงได้เดินทางมาดู โดยไม่รู้ว่าจะมีกลุ่มฝ่ายตรงข้ามมีอาวุธปืน ขณะที่กลุ่มหญิงสาวตบกันอยู่นั้น ฝ่ายตรงข้ามกลับสู้ไม่ได้จึงหยุดตบกัน หลังจากนั้นก็มีเสียงปืนดังมาจากในรถเก๋งสีดำที่จอดอยู่อีกฝั่งถนนกระสุนถูกเพื่อนของตนเองล้มลง 2 คน ตนตกใจมากจึงอุ้มเพื่อนขึ้นรถจักรยานยนต์นำไปส่งโรงพยาบาลราชธานี
ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.พระนครศรีอยุธยา ลงพื้นที่หาข้อมูลของกลุ่มวัยรุ่นที่นัดตบกันว่าเป็นกลุ่มไหน เพื่อจะเร่งติดตามตัวมือมือมาดำเนินคดีอย่างเร่งด่วน
ที่มา>>>ข่าวสด

วันอังคารที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2559

สลด!พบศพทารกถูกทิ้งริมทางผงะถูกหมากัดแทะขาดครึ่งตัว

 เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 22 ส.ค. หน่วยกู้ภัยสว่างอริโยบ้านหมี่ รับแจ้งว่าพบศพเด็กทารกแรกเกิด บริเวณข้างคลองส่งน้ำ ม.6 ต.สนามแจง อ.บ้านหมี่ จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านหมี่ ก่อนเดินทางไปตรวจสอบ เมื่อไปถุงบริเวณทางเข้าวัดเขาสาริกาประมาณ 300 เมตร พบศพทารกครึ่งตัวนอนคว่ำหน้าขึ้นอืดสภาพตัวเขียวคล้ำ ท่อนบนไม่แขนขา ไม่สามารถระบุเพศได้ คาดว่าเสียชีวิตมาแล้ว ประมาณ 3 วันตรวจสอบศพมีร้องรอยสุนัขกัดแทะไปบางส่วน จากการสอบถาม นายประเสริฐ พึ่งโพธิ์ อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 33/1 ม.6 ต.สนามแจง อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี กล่าวว่า ตนขี่รถกลับจากท้องนา แล้วสังเกตเห็นมีแมลงวันตอมบริเวณพบศพจำนวนมาก จึงย้อนกลับมาดูพบว่าเป็นศพทารก จึงแจ้งไปยังหน่วยกู้ภัยมาตรวจสอบ
ร.ต.อ.สมทบ บุญแสน รองสารวัตรสอบสวน สภ.บ้านหมี่ เจ้าของคดี คาดว่าจะเป็นหญิงสาวที่ตั้งครรภ์และไม่พร้อมจะเลี้ยงดูเด็กเมื่อคลอดแล้วจึงนำทารกมาทิ้งไว้ ก่อนจะถูกสุนัขกัด ทางเจ้าหน้าที่จะได้สอบสวนหาข้อเท็จจริงต่อไป
ที่มา>>>ข่าวสด

ศึกชิงนาง! หนุ่มถูกยิง 3 นัดเจ็บหนัก คู่กรณียืนถือปืนรอมอบตัว

เมื่อวันที่ 22 ส.ค. ร.ต.อ.วินัย ชัยวิชิต ร้อยเวรสภ.หาดใหญ่ ได้รับแจ้งเหตุยิงกันบริเวณปากซอยราษฎร์อุทิศ 30/1 ถนนราษฎร์หรือเขต8 ภายในเขตเทศบาลนครหาดใหญ่ ใกล้กับบริษัท เคที มอเตอร์ จำกัด ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วยพ.ต.อ.กิตติชัย สังขถาวร ผกก.สภ.หาดใหญ่ พ.ต.ท.รณน สุระวิทย์ รอง ผกก.ป.สภ.หาดใหญ่ พ.ต.ท.เอกรัฐ สวนแสน รอง ผกก.สส.สภ.หาดใหญ่   ที่เกิดเหตุพบว่าผู้ถูกยิงได้รับบาดเจ็บคือนายเอกนาท สุขสุวรรณ์ อายุ 40 ปี เป็นชาวต.หัวเขา อ.สิงนคร จ.สงขลา ถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด .38 จำนวน 3 นัด เข้าหน้าท้อง 1 นัด คอ 1 นัด และด้านหลัง 1 นัด ได้รับบาดเจ็บ ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลศิครินทร์ไปก่อนหน้าแล้ว ส่วนคู่กรณีคือนายเสฎฐวุฒิ ช่วยแท่น อายุ 41 ปี เป็นทนายความ และเป็นที่ปรึกษาทางด้านกฏหมายของบริษัทจำหน่ายรถจักรยานยนต์ที่เกิดเหตุ ไม่ได้หลบหนีไปไหนยืนรอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่พร้อมอาวุธปืน .38 เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวเอาไว้  จากการสอบสวนทราบว่า ทั้งนายเสฎฐวุฒิ และนายเอกนาท ชอบผู้หญิงคนเดียวกัน ซึ่งเป็นพนักงานของบริษัท เคที มอเตอร์ จำกัด โดยนายเอกนาทที่ถูกยิงเป็นแฟนเก่า และมักจะตามมาง้อขอคืนดี ส่วนนายเสฏฐวุฒิ เป็นแฟนใหม่ที่เพิ่งคบหากัน
โดยช่วงเกิดเหตุทั้งสองคนต่างขับรถมาหาสาวคนรักที่บริษัท โดยนายเสฏฐวุฒิขับรถเก๋งโตโยต้าวีออสมาจอดก่อน และนายเอกนาทขับรถโตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ตามมาจอดด้านหน้า พร้อมกับเบิ้ลเครื่องใส่ และมีการพูดจาท้าทายกันขึ้น
ที่มา>>>ข่าวสด

วันจันทร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2559

ระทึก! “โจอี้-ธนกฤต”ดาราลูกครึ่ง”ช่อง 3” ซิ่งเก๋งชนแบริเออร์พังเละที่ชะอำ ต้องหามส่งรพ.

เมื่อเวลา 03.45 น. วันที่ 21 สิงหาคม ตำรวจ สภ.ชะอำ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี รับแจ้งมีเหตุรถเก๋ง เสียหลักชนขอบเเบริเออร์ ยูเทิร์น ที่บริเวณทางกลับรถใต้สะพานข้ามทางรถไฟชะอำ ถนนเพชรเกษมชะอำ ขาขึ้น กทม. จึงประสานเจ้าหน้าที่กู้ภัยและรถพยาบาลออกทำการช่วยเหลือยังที่เกิดเหตุ โดยที่เกิดเหตุ พบรถเก๋งยี่ห้อมาสด้า 2 หมายเลขทะเบียน ญน 8864 กทม.สีดำ สภาพมีรอยชนกับขอบแบริเออร์ ใต้สะพาน สภาพด้านหน้ารถพังยับเยิน โดยผู้ได้รับบาดเจ็บอาการไม่สาหัส เป็นชาย 1 ราย ทราบชื่อคือนายธนกฤต หรือโจอี้ อยู่โต เป็นนักแสดงของสถานีโทรทัศน์สี ช่อง 3 ผู้รับบท ‘เคมี’ ในละคร รากบุญ จึงรีบนำผู้บาดเจ็บส่งรพ.ชะอำ เพื่อรักษาเป็นการด่วนต่อไป ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดอาการ โจอี้-ธนกฤต ปลอดภัยแล้ว คาดว่าสาเหตุในการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้ น่าจะมาจากผู้ขับขี่ ไม่ชำนาญเส้นทาง ทำให้เกิดอุบัติเหตุดังกล่าว  สำหรับโจอี้-ธนกฤต เป็นลูกครึ่งไทย-อังกฤษ เป็นนักแสดงในเครือ ช่อง 3 เคยประกวดDutchie Boy and girls 2000 เคยประกวดเดอะสตาร์ แสดงภาพยนตร์หลายเรื่อง ทั้งรักสุดท้ายป้ายหน้า และมิดไมล์ แสดงละครเรื่องสะใภ้เจ้าสัว น้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์  แสบจิ๋วป่วนหัวใจ แรงเงา และเรื่องรากบุญ
ที่มา>>>ข่าวสด

หนองคายน้ำโขงจ่อล้นตลิ่ง เตือนชาวบ้าน 6 อำเภอเฝ้าระวัง-รับมือน้ำท่วม

เมื่อวันที่ 21 ส.ค. ผุ้สื่อข่าวรายงานว่า ระดับน้ำในแม่น้ำโขงที่จังหวัดหนองคาย วัดที่ส่วนอุทกวิทยาหนองคาย วัดได้ 10.72 เมตร เพิ่มขึ้นจากวานนี้ 0.89 เมตร ปริมาณน้ำฝน 21.9 มิลลิเมตร ต่ำกว่าตลิ่ง 1.65 เมตร ซึ่งเมื่อ 2 วันก่อน ระดับน้ำโขงได้ทรงตัวและลดลงเหลือ 9.88 เมตร แต่หลังจากพายุโซนร้อนเตี้ยนหมู่ ก็ทำให้เกิดฝนตกในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคอีสานของไทย และทางตอนเหนือของลาว จึงส่งผลน้ำโขงเพิ่มสูงขึ้นอีกระลอกหนึ่ง และมีอัตราการเพิ่มขึ้นชั่วโมงละ 10 เซนติเมตร มีโอกาสที่น้ำโขงจะล้นตลิ่งในช่วง 1-2 วันนี้ ทางอุทกวิทยาหนองคาย ได้แจ้งเตือนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวังระดับน้ำโขงขึ้นฉับพลัน โดยเฉพาะเทศบาลเมืองหนองคาย ให้เตรียมปิดปากท่อระบายน้ำในเขตเทศบาล และติดตั้งเครื่องสูบน้ำ รวมถึงเตรียมกระสอบทรายไว้ปิดปากท่อระบายน้ำตามชุมชนต่างๆ ทันทีที่ระดับน้ำโขงเพิ่มขึ้นแตะ 11 เมตร ซึ่งมีประชาชนในละแวกที่ติดกับแม่น้ำโขงได้ออกจากบ้านมาติดตามดูสถานการณ์น้ำโขงอย่างใกล้ชิดด้วย ว่าที่ร้อยเอกคมกริช อินนันชัย หัวหน้าศูนย์สำรวจอุทกวิทยาที่ 4 (หนองคาย) มีหนังสือแจ้งเตือนสถานการณ์ถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากน้ำโขงมีแนวโน้มจะสูงขึ้นอีกในอัตรา ชั่วโมงละ 10 เซนติเมตร คาดการณ์ว่าระดับน้ำจะเพิ่มขึ้นได้เกิน 1.50 เมตร จะทำให้ถึงระดับ 12.20 เมตร หากอัตราการเพิ่มของระดับน้ำอยู่ที่ 10 เซนติเมตร ระดับน้ำจะถึง 12 เมตร ในเวลา 21.00 น.  โดยประมาณ จึงขอให้ประชาชนผู้อยู่อาศัยบริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขงหรือบริเวณที่ลุ่มในเขตอำเภอสังคม อำเภอศรีเชียงใหม่ อำเภอท่าบ่อ อำเภอเมืองหนองคาย อำเภอโพนพิสัย อำเภอรัตนวาปี เฝ้าระวังระดับน้ำโขงขึ้นฉับพลัน โดยเฉพาะเทศบาลเมืองหนองคาย ให้เตรียมปิดปากท่อระบายน้ำในเขตเทศบาล และติดตั้งเครื่องสูบน้ำ รวมถึงเตรียมกระสอบทรายไว้ปิดปากท่อระบายน้ำตามชุมชนต่าง ๆ ทันทีที่ระดับน้ำโขงเพิ่มขึ้นแตะ 11 เมตร เตรียมรับมือน้ำโขงล้นตลิ่ง
ที่มา>>>ข่าวสด

วันเสาร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2559

สุดเศร้า!แม่ร่ำไห้รดน้ำศพลูกโดนผัวตื้บดับ พ.ต.ท.รุดขอขมาเมีย ญาติสุดแค้นปรี่ชกหน้า

จากกรณีที่นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี พร้อมด้วยพ.ต.อ.ประเสริฐ ศิริพรรณาภิรัตน์ รองผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร พ.ต.ท.สถิตย์ คงเนียม รองผกก.ป.สภ.เมืองสมุทรสาคร พานางอู๊ด จันทร์สูตร อายุ 78 ปี ชาวอ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เข้าเยี่ยมดูอาการของน.ส.ธันยนันท์ หรือหมู ภควัฒน์คุณาสิน อายุ 51 ปี ลูกสาวนางอู๊ดที่ถูกพ.ต.ท.บุญเรือง สาระรัมย์ สว.สส.สภ.เมืองสมุทรสาคร ทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บสาหัส ซี่โครงหัก ปอดฉีก ม้ามแตก และเลือดคั่งในสมอง นอนพักรักษาตัวอยู่ที่ห้องไอซียู รพ.สมุทรสาคร ตั้งแต่เดือนก.ค.ที่ผ่านมา ต่อมานางธันยนันท์ได้เสียชีวิตลง โดยในวันที่ 18 ส.ค. ที่ผ่านมานางปวีณาเดินทางมารับศพนางธันยนันท์ เพื่อส่งไปชันสูตรที่สถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ จากนั้นจะนำศพไปประกอบพิธีทางศาสนาที่วัดสายไหมตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น ความคืบหน้า เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 19 ส.ค. ที่ศาลาเทียนทอง วัดสายไหม ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี มีพิธีรดน้ำศพนางธันยนันท์ ภควัฒน์คุณาสิน อายุ 51 ปี ที่ถูก พ.ต.ท.บุญเรือง สาระรัมย์ อายุ 49 ปี สามี สารวัตรสืบสวน สภ.เมืองสมุทรสาคร ทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิต โดยบรรยากาศภายในงานเป็นไปอย่างโศกเศร้า พ.ต.ท.บุญเรือง สาระรัมย์ อายุ 49 ปี สารวัตรสืบสวน สภ.เมืองสมุทรสาคร เดินทางมาพร้อมกับลูกชายทั้งสอง เพื่อมารดน้ำศพภรรยาและขอขมา ท่ามกลางญาติของผู้เสียชีวิต โดยมีนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี เดินทางมาเป็นประธานในพิธีรดน้ำศพ และเมื่อ นางอู๊ด จันทร์สูตร อายุ 71 ปี มารดาของนางธันยนันท์ เห็นพ.ต.ท.บุญเรืองเดินทางมาร่วมงาน จึงลุกเดินหนีออกไปอยู่อีกห้อง หลังจากที่ได้รดน้ำศพเสร็จแล้ว ก็ให้คนในครอบครัวไปพาหลานทั้งสองมาหา เมื่อหลานเจอหน้ายายต่างก็โผล่เข้ากอดกันทั้งน้ำตา ก่อนที่จะแยกจากกัน โดยระหว่างที่ พ.ต.ท.บุญเรือง กำลังเดินกลับไปขึ้นรถ มีญาติของผู้ตายที่ไม่พอใจปรี่เข้าชกต่อย ก่อนที่จะมีคนมาห้าม พร้อมพาขึ้นรถขับออกไปอย่างรวดเร็ว
ด้าน นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี กล่าวว่า วันนี้ตนเดินทางมาเป็นประธานรดน้ำศพนางธันยนันท์ ภรรยาสารวัตรสืบสวนสภ.เมืองสมุทรสาคร ที่ถูกสามีซ้อมเสียชีวิตและสวดพระอภิธรรม ในเวลานี้ 18.00 น. ที่วัดสายไหม ลำลูกกา ปทุมธานี และวันเสาร์ที่ 20 ส.ค. เวลา 18.00 น. มูลนิธิปวีณาฯ เป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรมศพ และในวันอาทิตย์ที่ 21 ส.ค. เวลา 10.30 น. เลี้ยงพระเพล และจะมีพิธีฌาปนกิจศพในเวลา 13.30 น.
ที่มา>>>ข่าวสด

พ่อค้าหมูย่างถูกยิงหัวตอนร่วมม็อบ สมองเบลอ!! ดิ่งชั้น 7 รพ.ดังดับสยอง

 เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 19 ส.ค. พ.ต.ต.รัฐวัตต์ อยู่พิพัฒน์ รอง ผกก.สส.สภ.สำโรงใต้ รับแจ้งเหตุมีผู้โดดจากที่สูง ภายในโรงพยาบาลชื่อดัง ถนนปู่เจ้าสมิงพรายอ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ จึงรุดเข้าตรวจสอบ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่อาสาสมัครเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู ที่เกิดเหตุบริเวณหลังตึกโรงพยาบาล สูงราว 10 ชั้น บริเวณด้านล่างนอกตึก พบร่างนายบัญญัติ สุวรรณมงคล อายุ 39 ปี อาชีพขายหมูย่าง อยู่หมู่ 1 ต.บางปู อ.เมือง จ.สมุทรปราการ แต่งกายชุดผู้ป่วยสีเขียวของโรงพยาบาล นอนคว่ำหน้าเสียชีวิตอยู่ ลักษณะข้อมือทั้งสองข้างหัก ขาทั้งสองข้างหัก และใบหน้ามีรอยแผลถลอกหลายแห่ง โดยผู้ตายได้โดดลงมาทางหน้าต่างบริเวณชั้น 7 ของตึกทะลุหลังคาผ้าใบที่บริเวณชั้น 1 ลงมาที่พื้นด้านล่าง จากการสอบถาม นายมงคล สุวรรณมงคล อายุ 31 ปี น้องชายของผู้เสียชีวิต เล่าว่า ผู้ตายเคยเข้าร่วมชุมนุมทางการเมืองเมื่อหลายปีก่อน แล้วถูกกระสุนยางยิงเข้าที่ศีรษะ ทำให้สมองได้รับการกระทบกระเทือน สติฟั่นเฟือน คล้ายคนมีอาการเบลอตลอดเวลา ก่อนหน้านี้ได้ก่อเหตุทำร้ายตัวเองด้วยการเอามีดทำครัวแทงตามร่างกาย ญาติจึงจะนำส่งโรงพยาบาลเมืองสมุทรปู่เจ้า เพื่อทำการรักษาเป็นเวลา 5 วันแล้ว ก่อนที่วันนี้จะโดดจากตึกลงมาจนเสียชีวิต
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มอบศพให้อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญูนำส่งสถาบันนิติเวชเพื่อตรวจสอบต่อไป
ที่มา>>>ข่าวสด