วันพฤหัสบดีที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2559

เจ้าแม่ประทับร่างเด็กชี้จุดนำต้นโพธิ์ยักษ์ขึ้นจากแม่น้ำ ชาวบ้านนับพันแห่ขอเลขเด็ด!!

เมื่อเวลา 16.00 น.วันที่ 29 มิ.ย.2559 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากกรรมการวัดโพธาราม ต.แพรกศรีราชา อ.สรรคบุรี จังหวัดชัยนาท ว่าจะมีการนำต้นโพธิ์โบราณขนาดใหญ่ยักษ์ขึ้นจากแม่น้ำน้อยบริเวณหน้าวัด โดยประสานรถเครนขนาดใหญ่ 2 คัน โดยรถเครนได้ทำการยกต้นโพธิ์ยักษ์ข้ามกำแพงวัดไปตั้งยังสถานที่ ที่จัดเตรียมไว้ได้ อย่างทุลักทุเล เนื่องจากต้นโพธิ์ดังกล่าวมีขนาดใหญ่มาก ประกอบกับความลื่นของตะไคร่น้ำที่เกาะอยู่ทำให้การทำงานลำบากขึ้น ท่ามกลางประชาชนที่มามุงดูทั้งฝั่งวัดและฝั่งตรงข้ามแม่น้ำกว่า 1 พันคนซึ่งก่อนที่เจ้าหน้าที่จะได้ทราบว่ามีต้นโพธิ์ยักษ์อยู่ในแม่น้ำน้อยหน้าวัด ได้มีเหตุการณ์ประทับร่างของเด็กหญิงอายุ 11 ปี  ชาว ต.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี  ซึ่งนางสมหมาย อยู่เล่ห์ ชาวบ้าน ม.3 ต.แพรกศรีราชา อ.สรรคบุรี ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ตนมาขอเลขเด็ดจากเรือตะเคียน และเรือไม้สัก ของทางวัดที่เคยให้โชคตนมาหลายงวด แต่พอเหลือบไปเห็นเด็กคนดังกล่าว สติหลุดลอย ตัวสั่น และนั่งพับเพียบเรียบร้อย กิริยา ท่าทาง และการพูดการจา ไม่เหมือนกับเด็ก 11 ขวบ เริ่มใช้ถ้อยคำแปลกๆสื่อสารออกมา จนคนเดินเข้าไปมุงและสอบถาม เด็กคนดังกล่าว พูดว่า “อันตัวเราชื่อสะไบทองกิ่ง เราสถิตย์อยู่ที่ต้นโพธิ์ ในน้ำหน้าวัดมาเป็นเวลานานแล้ว เราอยากขึ้นมาอยู่กับน้องเขาเราที่มาอยู่ก่อนหน้านี้”  ซึ่งก็คือเรือไม้ตะเคียนศรีสะไบทอง หลังพูดจบ เด็กคนดังกล่าวก็เดินมาชี้จุดว่ามีต้นโพธิ์อยู่ตรงนี้แล้วเกิดวูบไป ชาวบ้านจึงรีบลงไปงมจึงพบกิ่งของต้นโพธิ์โผล่มา แล้วลงไปคลำดูจึงรู้ว่าต้นโพธิ์ดังกล่าวมีขนาดใหญ่มาก ต้องใช้รถเครนใหญ่ยกขึ้นมาดังกล่าว
ขณะที่กำลังนำต้นโพธิ์ขึ้นจากแม่น้ำ “เจ้าแม่สะไบทองกิ่ง” ได้เข้าประทับร่างของ เด็กหญิงคนเดิม อีกครั้ง พร้อมกับร้องไห้ ด้วยความดีใจ ที่จะได้มาอยู่กับน้อง ซึ่งไม่เพียงแต่เด็กหญิงเท่านั้น ยังมีร่างทรงหญิงอีกคนถูกประทับร่าง ลุกขึ้นสูบบุหรี่ครั้งละหลายมวน พร้อมเต้นฟ้อนรำ ดีใจกับการมาของ “เจ้าแม่สะไบทองกิ่ง” สร้างความแตกตื่นแก่บรรดาเซียนหวยและชาวบ้านที่มาดูเป็นอย่างยิ่ง
จนถึงเวลา 20.45 น. จึงจะสามารถนำต้นโพธิ์ที่มีความยาว 6 เมตร กว้างประมาณ 5 คน โอบ มาวางไว้สถานที่ ที่เตรียมไว้ จากนั้นมีการนำสิ่งของมาเซ่นไหว้ และชาวบ้านที่มาดูร่วมรำวนของเซ่นไหว้ 9 รอบ เพื่อเป็นการต้อนรับ “เจ้าแม่สะไบทองกิ่ง” พร้อมนำรถน้ำที่มีแรงดันสูงมาฉีดทำความสะอาด ผูกผ้าสามสี ซึ่งเลขเด็ดในครั้งนี้ชาวบ้านต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า 11 ซึ่งเป็นอายุของเด็กที่ถูกประทับร่าง
ที่มา>>>ข่าวสด

จ่าย 2 หมื่นแลกเลขเด็ด!! จดหมายลับ อ้างโควต้ากองสลากฯ-มีคนรวยนับล้าน

 วันที่ 30 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายได้รับแจ้งจากประชาชนรายหนึ่งว่า ตนเองได้รับจดหมายอ้างว่า ลับที่สุด จากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เรื่องขอแจ้งผลออกสลากกินแบ่งรัฐบาล เลขท้าย 3 ตัวบน 2 ตัวล่าง โดยข้อความบางตอนในจดหมายระบุว่า ขณะนี้ทางสำนักงานสลากฯ อนุมัติตัวเลขให้ประชาชนได้มีโอกาสประสบโชคดี ทุกท่านที่ได้รับหนังสือฉบับนี้จงเก็บเป็นความลับที่สุด เพราะไม่ได้มีโอกาสกระทำได้บ่อย
ในงวดวันที่ 16 มิ.ย. กับงวดวันที่ 1 ก.ค. 2559 ทางสำนักงานสลากฯ ได้มีโอกาสกระทำในครั้งนี้ จึงมีหนังสือมาถึงให้รีบติดต่อด่วน เพื่อรับข้อมูลต่อไปทางโทรศัพท์ 089-5023902 นายสิทธิชัย ผู้ช่วย ผอ.สนง.สลากกินแบ่งรัฐบาล ทั้งนี้ชาวบ้านได้ลองโทรติดต่อไปยังหมายเลข 089-5023902 ตามที่จดหมายระบุ ปรากฏว่ามีผู้ชายเสียงคล้ายคนสูงอายุรับสาย และอ้างว่าชื่อนายสิทธิชัย เป็นผู้ช่วย ผอ.สนง.สลากกินแบ่งรัฐบาล และอ้างอีกว่าจดหมายที่ไปถึงชาวบ้านนั้นเป็นโควต้าของกองสลากฯ เพื่อกระจายรายได้ให้ประชาชน
รวมทั้งอ้างว่าเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายรัฐบาลในการปราบปรามหวยใต้ดินด้วย หากต้องการได้ตัวเลขจากกองสลากฯในงวดวันที่ 1 ก.ค. 59 นี้ ให้โอนเงินจำนวน 20,000 บาท เข้าบัญชีธนาคารกสิกรไทย ชื่อนายสิทธิชัย หมายเลขบัญชี 5382215127 แล้วจะมีการส่งตัวเลขให้ทางโทรศัพท์มือถือที่ใช้ติดต่อกัน โดยเงินจำนวนนี้จะไม่สูญแม้แต่บาทเดียว ท้าให้แจ้งความจับได้เลย และยังอ้างอีกว่างวดที่ผ่านมาในสุโขทัยก็มีหลายคนที่ได้รับตัวเลข และถูกกันจำนวนมาก บางคนก็ได้เงินเป็นหลักล้านบาท    อย่างไรก็ตาม หลังได้พูดคุยกับผู้ที่อ้างว่าชื่อนายสิทธิชัยแล้ว ชาวบ้านก็ได้โทรไปสอบถามข้อเท็จจริงกับสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล หมายเลขโทรศัพท์ 0-2528-8888 และได้รับคำชี้แจงจากเจ้าหน้าที่ ว่าทางสำนักงานสลากฯ ไม่มีนโยบายส่งจดหมายไปถึงบ้านประชาชน ดังนั้นจดหมายที่ได้รับจึงเป็นการหลอกลวง สามารถแจ้งเรื่องราวร้องทุกข์ไว้ได้ ส่วนที่อ้างว่าชื่อนายสิทธิชัย ผู้ช่วย ผอ.สนง. ก็ไม่มีตัวตนอยู่ในสำนักงานสลากฯ ขอให้ประชาชนอย่าได้หลงเชื่อเด็ดขาด
ขณะที่ชาวบ้านสุโขทัยอีกรายหนึ่ง เปิดเผยว่า ลูกสาวของตนเองก็เพิ่งจะโดนหลอกให้โอนเงินซื้อตัวเลขไปจำนวน 10,000 บาท เมื่อช่วงต้นปี 59 ที่ผ่านมาเช่นกัน จึงขอย้ำเตือนประชาชนอย่าได้หลงเชื่อ จดหมายที่แอบอ้างสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เพราะไม่ใช่เรื่องจริง
ที่มา>>>ข่าวสด

วันพุธที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ผบ.ทอ. เศร้า สูญเสียกำลังพลทุกครั้งเหมือนคนในครอบครัว เตรียมปลดฮิวอี้ 10 ลำ

เมื่อเวลา 07.15 น. วันที่ 29 มิ.ย. ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง พล.อ.อ.ตรีทศ สนแจ้ง ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) กล่าวถึงการสูญเสียกำลังพลทั้ง 3 นาย จากอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกที่บริเวณเขาชะเมา ว่า ทุกครั้งที่เกิดการสูญเสีย ตนและกองทัพอากาศก็รู้สึกเสียใจกับครอบครัวกำลังพล ทุกวันตนมีความเป็นห่วงน้องๆที่บินอยู่ในแต่ละวันกองทัพอากาศ เฉลี่ยต่อวันใช้เวลาบินวันละ 200 ชั่วโมง ซึ่งทุกวันอย่างน้อยต้องมีเครื่องบินกองทัพอากาศบินอยู่ ในเมื่อเราเป็นนักบิน เราเชื่อว่ามีความปลอดภัย แต่อย่างไรก็ตามมันก็ยังมีความเสี่ยง ตนมีความเป็นห่วงอยู่ตลอดเวลา หากเกิดอะไรขึ้นมาก็มีความรู้สึกเสมือนสูญเสียคนในครอบครัว14671649011467165024lทั้งนี้ อาชีพทหารมีความเสี่ยงในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อประเทศ แต่ทุกคนเต็มใจที่จะทำภารกิจนี้ ส่วนความคืบหน้าการตรวจสอบสาเหตุอุบัติเหตุครั้งนี้นั้นทางนิรภัยการบินได้ลงสำรวจพื้นที่แล้ว เพื่อตรวจสอบเก็บหลักฐาน หลังจากนี้จะทำซากเฮลิคอปเตอร์กลับมาตรวจสอบที่ดอนเมืองต่อไป  สำหรับระยะเวลาการตรวจสอบนั้นต้องใช้เวลา เพราะเกี่ยวกับปัจจัยหลายอย่าง ทั้งเรื่องอากาศยาน สภาพแวดล้อม สภาพอากาศ เมื่อถามว่า จะมีการปรับแผนเรื่องการใช้อากาศยานในการส่งกำลังบำรุงตามสถานีเรดาร์ต่างๆหรือไม่ พล.อ.อ.ตรีทศ กล่าวว่า เรามีแผนอยู่ที่จะปรับเปลี่ยนเรื่องเทคโนโลยี เรามีสถานีถ่ายทอดสัญญาณอยู่บนเขาทั่วประเทศ แต่สถานีเรดาร์บนเขาชะเมาค่อนข้างที่จะลำบากที่สุด เพราะไม่มีถนนและทางขึ้น ดังนั้น ต้องใช้เฮลิคอปเตอร์เพียงอย่างเดียว จากนี้คิดว่าเราจะใช้ระบบอื่นเข้ามาทดแทนระบบไมโครเวฟ และมีหลายเทคโนโลยีอื่นๆ เข้ามาใช้ เช่น ไฟเบอร์ออฟติก และดาวเทียม เพื่อให้การสื่อสารของเรามั่นคง เพราะเรื่องนี้เกี่ยวกับการป้องกันประเทศ เพื่อความมั่นคงและความน่าเชื่อถือได้
“อาจจะมีการปรับเปลี่ยนมาใช้ระบบรีโมทคอนโทรล หรือปรับเปลี่ยนเส้นทาง ซึ่งอยู่ในแผนของกองทัพอากาศอยู่แล้ว ทั้งนี้กองทัพอากาศได้จัดซื้อเฮลิคอปเตอร์ใหม่รุ่นอีซี 725 ของบริษัทแอร์บัส ซี่งขณะนี้เข้าประจำการแล้ว 4 ลำ แม้ว่ารุ่นนี้จะมีการใช้งานมานานแล้วแต่ก็ได้มีการปรับปรุง โดยกองทัพอากาศจัดซื้อ 12 เครื่องกำลังทยอยเข้าประจำการ อีกทั้งเครื่องฮิวอี้ ที่จะปลดประจำการจำนวน 10 เครื่อง จากทั้งหมด 20 เครื่อง ส่วนการพัฒนาเครื่องยูเอวีนั้นเป็นอนาคตของทุกกองทัพในทั่วโลก โดยเครื่องยูเอวีปัจจุบันมีขีดความสามารถมาก เพื่องดใช้เครื่องบินและคน ทั้งนี้ เครื่องยูเอวีมีหลายชนิดและหลายขนาด แต่การใช้ต้องมีองค์ความรู้ที่มาก ไม่ว่าจะเรื่องภูมิศาสตร์สนเทศที่จะต้องนำมาประกอบกันในเรื่องการแปลความภาพถ่ายและแปลความในระบบต่างๆ” พล.อ.อ.ตรีทศ กล่าว
ที่มา>>>ข่าวสด

ทอ.ปูนบำเหน็จ 8 ขั้น รับพระราชทานเครื่องราชฯ “นักบิน-ช่างเครื่อง” ฮ.ตก จัดพิธีอย่างสมเกียรติ

 เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. ที่กองบัญชาการกองทัพอากาศ พล.อ.ต.พงษ์ศักดิ์ เสมาชัย โฆษกกองทัพอากาศ กล่าวถึงกรณีที่เครื่องบินเฮลิคอปเตอร์แบบที่ 6 (UH-1H) หมายเลข 22/12 หน่วยบิน 2034 สังกัด ฝูงบิน 203 กองบิน 2 จ.ลพบุรี ขาดการติดต่อกับภาคพื้นในขณะปฏิบัติภารกิจลำเลียงทางอากาศ ส่งสิ่งอุปกรณ์ ณ บริเวณสถานีโทรคมนาคมเขาชะเมา จังหวัดระยอง เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. เวลาประมาณ 13.40 น. ที่ผ่านมานั้น ล่าสุดศูนย์ค้นหาและช่วยชีวิตพบเฮลิคอปเตอร์ดังกล่าว พร้อมร่างนักบินและช่างเครื่อง ประกอบด้วย น.ต.พสิษฐ์ เตชะเสน นักบิน (เตรียมทหารรุ่นที่ 41) รอ. อลงกรณ์ จันทร์กระจ่าง นักบิน (เตรียมทหารรุ่นที่ 46) และ พ.อ.อ.วิสุทธิ์ พุทธรักษา เจ้าหน้าที่ช่างประจำเฮลิคอปเตอร์ จากความสูญเสียดังกล่าว พล.อ.อ.ตรีทศ สนแจ้ง ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) ได้แสดงความเสียใจต่อครอบครัว และญาติของผู้เสียชีวิต และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดการเรื่องสิทธิกำลังพล มอบให้แก่ญาติและครอบครัวของผู้เสียชีวิต โดยสิทธิกำลังพลที่จะได้รับทั้ง 3 นาย การปูนบำเหน็จพิเศษ 8 ขั้น ได้รับพระราชทานยศและเครื่องราชอิสริยาภรณ์ 1.น.ต.พสิษฐ์ เตชะเสน เป็น พล.อ.ท. เครื่องราชอิสริยาภรณ์ ทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย (ท.ม.) 2.ร.อ.อลงกรณ์ จันทร์กระจ่าง เป็นน.อ. เครื่องราชอิสริยาภรณ์ ตริตาภรณ์ช้างเผือก (ต.ช.) 3.พ.อ.อ.วิสุทธิ์ พุทธรักษา เป็น พล.อ.ต.เครื่องราชอิสริยาภรณ์ จัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย (จ.ม.)
พล.อ.ต.พงษ์ศักดิ์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของเงินสงเคราะห์ข้าราชการเสียชีวิต ในการปฏิบัติหน้าที่ราชการรวม โดย น.ต.พสิษฐ์ ได้รับเงินสงเคราะห์ 3,009,831 บาท ร.อ.อลงกรณ์ ได้รับเงินสงเคราะห์ 2,532,083 บาท และพ.อ.อ.วิสุทธิ์ ได้รับเงินสงเคราะห์ 2,762,661 บาท ซึ่งในวันนี้ทางกองทัพอากาศ จัดเครื่องบินลำเลียงแบบที่ 8 (C-130) นำร่างของนักบินและเจ้าหน้าที่ช่างประจำเฮลิคอปเตอร์ผู้เสียชีวิต จากสนามบินอู่ตะเภา มายังท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง กรุงเทพมหานคร โดยคาดว่าจะถึงบน.6 ในช่วงเวลา 21.30 น. จากนั้นจะนำไปเก็บไว้ที่โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช กรมแพทย์ทหารหารอากาศ และรอกำหนดการประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป
ที่มา>>>ข่าวสด

วันอังคารที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ดาบตำรวจเมาขับกระบะแหกโค้งชนสะพาน พุ่งชนคนบาดเจ็บ 3 ราย เด็กสาหัส

เวลา 17.00 น. วันที่ 27 มิถุนายน 2559  บริเวณสะพานเสม็ดแดง รอยต่อ ต.ท่าพริกและ ต.ท่ากุ่ม  อ.เมือง จ.ตราด ศูนย์รับแจ้งเหตุ 191 สถานีตำรวจภูธรจังหวัดตราด ได้รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถยนต์ชนกัน 3 คัน และผู้บาดเจ็บหลายราย ในที่เกิดเหตุ หลังรับแจ้งจึงประสานเจ้าหน้าที่กู้ภัยตราดและรถกู้ชีพโรงพยาบาลกรุงเทพตราด เดินทางรับผู้บาดเจ็บ พร้อมแจ้ง ร.ต.อ.ยอดคม อินไข ร้อยเวร สภ.เมืองตราด ทราบซึ่งระหว่างรถกู้ชีพโรงพยาบาลกรุงเทพเดินทางรับผู้บาดเจ็บ กู้ภัยตราดได้นำผู้บาดเจ็บอาการสาหัส ซึ่งเป็นเด็กหญิง อายุประมาณ 10 ขวบ ที่ยังอยู่ในชุดนักเรียน มีบาดแผลฉกรรจ์ที่ใบหน้าและศีรษะแตก และมีบาดแผลตามร่างกาย ออกมาจากที่เกิดเหตุ พร้อมกับเปลี่ยนถ่ายผู้บาดเจ็บบริเวณหน้าวัดวิเวกวราราม โดยมีพ่อผู้บาดเจ็บนั่งมาด้วย ส่งต่อไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลตราด ส่วนผู้บาดเจ็บอีก 3 คน บาดเจ็บเล็กน้อยเจ้าหน้าที่กู้ภัยตราดได้ทยอยนำส่งโรงพยาบาล
ส่วนในที่เกิดเหตุพบรถยนต์กระบะ อีซูซุ หมายเลขทะเบียน บค 94 ตราด สภาพรถหน้ารถพังยับ ยางล้อหลังแตก เป็นรถของ ดต.ปราการ ไม่ทราบนามสกุล สังกัด กองร้อยตำรวจตะเวนชายแดนที่ 117 บ้านท่าเพ ซึ่งนั่งรอเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ในภายที่เกิดเหตุ ด้วยอาการเมาสุรา คันที่สอง รถยนต์กระบะ เซฟโลแลต หมายเลขทะเบียน บบ 8758 จันทบุรี สภาพหน้ารถพังเสียหายพังยับไม่สามารถขับต่อได้ และคันที่สามเป็นรถยนต์กระบะ อีซูซุ หมายเลขทะเบียน บฉ 7598 ตราด ด้านหน้ารถเสียหายไม่มากนัก ส่วนบริเวณที่เกิดเหตุพบทรัพย์สิน กระโปรงนักเรียน รองเท้านักเรียนตกอยู่
นายเอกชัย พาทีทิน อายุ 31 ปี หนึ่งในผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์นี้ กล่าวว่า ตนเองและพ่อตา รวมถึงผู้บาดเจ็บอีก 2 คน กำลังยืนตกกุ้งและวางลอบดักกุ้ง ดักปูกันอยู่บริเวณสะพาน ระหว่างนั้นรถยนต์ของตำรวจที่มุ่งหน้ามาจาก ต.ท่ากุ่ม ขับมาด้วยความเร็ว แล้วแหกโค้งพุ่งชนคอสะพานและเสียหลักพุ่งชนเด็กและผู้ใหญ่ที่ยืนอยู่บนสะพานบาดเจ็บไป 3 ราย โดย 1 ใน 3 ผู้บาดเจ็บเป็นเด็กมีอาการสาหัสมาก ตนเองกระโดดหนีทันจึงรอดชีวิตได้หวุดหวิด
ด้าน ดต.ปราการ พูดด้วยความเมา ไม่ได้อยากให้เกิด ขับมาปกติ เพราะขับเส้นนี้ประจำ ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะคุมตัวไปยังสถานีตำรวจภูธรเมืองตราด เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ที่มา>>>ข่าวสด

ช็อก! พบศพหนุ่มถูกฆ่าทิ้งแม่น้ำ มีซากงูเหลือมยักษ์พันตัว ตร.สงสัยอำพรางคดี

เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าลอยติดอยู่กับกองสวะกลางคลองอิปัน ใกล้กับสะพานข้ามคลองอิปัน ถนนพระแสง-ทุ่งใหญ่ ม.4 ต.สินปุน อ.พระแสง จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อไปตรวจสอบก็ถึงผงะเพราะพบว่ามีซากงูเหลือมขนาดใหญ่ยาว 5 เมตรพาดอยู่กลางลำตัวศพ   จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าผู้เสียชีวิตคือนายธีรศักดิ์ พุทธสุขา อายุ 32 ปี ชาวบ้านในพื้นที่บ้านในโนน ต.อิปัน อ.พระแสง ได้หายออกจากบ้านพักในพื้นที่ ม.4 ต.สินปุน อ.พระแสง เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.ที่ผ่านมา พร้อมรถจักรยานยนต์ยี่ห้อซูซูกิ สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน ดตล 209 สุราษฎร์ธานี โดยญาติได้เข้าแจ้งความคนหายไว้แล้วที่ สภ.พระแสง นอกจากนี้ยังพบรถจักรยานยนต์ตกอยู่ในน้ำ ห่างจากจุดพบศพ 500 เมตร เบื้องต้นตำรวจคาดว่าผู้ตายโดนคนร้ายสังหาร เพราะมีรอยถูกมัดมือ ส่วนซากงูเหลือมที่พันรอบศพนั้น อาจเป็นการอำพรางคดีของคนร้าย เพื่อให้คิดว่าผู้ตายต่อสู้กับงูจนตายพร้อมกัน อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จะเร่งสอบสวนหาเหตุการเสียชีวิต รวมทั้งรอผลการชันสูตรพลิกศพอีกครั้งว่าตายเพราะเหตุใด้
ที่มา>>>ข่าวสด

วันจันทร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ตร.เร่งติดตามชายวัย 35 คาดรู้เห็นเหตุฆ่าดญ.5ขวบ คาคอนโดย่านเจริญกรุง

เมื่อเวลา 22.00 น. วันที่ 26 มิย. ร.ต.อเรืองศิษฐ์ เหมือนแก้ว รอง สว.(สอบสวน) สน.วัดพระยาไกร รับแจ้งเหตุพบศพเด็กผู้หญิงเสียชีวิตปริศนา ภายในอำนวยรักษ์ คอนโดมิเนียม ซอยเจริญกรุง 107 ถนนเจริญกรุง แขวงบางโคล่ เขตบางคอแหลม กทม. จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วยพ.ต.อ.รัชพล ชนะศรีขจร ผกก.สน.วัดพระยาไกร พ.ต.ท.พิพัฒน์ บุญพิทักษ์. รอง ผกก.ป.สน.วัดพระยาไกร พ.ต.ท.ประวิทย์ วงษ์เกษม สวป.สน.วัดพระยาไกร ฝ่ายสืบสวน สน.วัดพระยาไกร เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวชรพ.จุฬาฯ และมูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุเป็นคอนโดสูง 9 ชั้น บริเวณชั้นดาดฟ้าเป็นสระว่ายน้ำร้าง หน้าห้องบันไดหนีไฟของชั้นดังกล่าวพบศพด.ญ.ต่าย (นามสมมุติ) อายุ  5 ขวบ สภาพนอนหงาย แขนทั้งสองข้างกางออก ขาขวาพับงอโดยมีขาซ้ายทับบริเวณช่วงปลายเท้า สวมชุดเดรสกระโปรงสีแดง โดยช่วงชายกระโปรงถลกขึ้นมาเหนือกางเกงชั้นใน ใกล้กันพบกระถางต้นไม้แตก ห่างออกไปบริเวณช่วงประตูทางเข้า-ออก พบก้อนดินคล้ายคนเหยียบติดเท้า เจ้าหน้าที่จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
สอบสวนด.ช.เอราวัณ ปรีชื่น อายุ 14 ปี เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของคอนโดดังกล่าว เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุในช่วงเวลาประมาณ 18.00 น. ขณะที่ตนกำลังนั่งรับประทานอาหารอยู่ใต้ตึกน.ส.สมพร เรืองสมบัติ อายุ 35 ปี ซึ่งพักอาศัยอยู่บริเวณชั้น 5 ได้วิ่งลงมาหาตนพร้อมร้องขอความช่วยเหลือด้วยอาการตื่นตระหนกว่า บุตรสาวอายุวัย 5 ขวบ ได้หายตัวไปตนจึงตัดสินใจออกช่วยตามหาทั่วบริเวณโดยรอบของอาคาร จนกระทั่งช่วงเวลาประมาณ 20.00 น. ตนวิ่งขึ้นมาบนชั้นดาดฟ้าก็พบเห็นกลายเป็นศพนอนเสียชีวิตดังกล่าว 14669537051466959255l  นายเอราวัณ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ในช่วงเวลาประมาณ 19.00 น. ตนเดินสวนกับนายบุ๋มบิ๋ม ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง อายุประมาณ 35 ปี โดยมีท่าทางมีพิรุธก่อนมาทราบภายหลังว่า ได้รีบกลับบ้านพักเพื่อไปเปลี่ยนเสื้อก่อนกลับมานั่งเล่นที่บริเวณใต้คอนโดดังกล่าว สำหรับนายบุ๋มบิ๋ม นั้นทางเจ้าของคอนโดได้ว่าจ้างอีกทอดให้มาเป็นผู้ดูแลความเรียบร้อยโดยจะเข้ามาทำงานตอนช่วงเวลา 01.00 น. และจะกลับบ้านพักในช่วงเวลา 03.00 น. ของทุกวัน
โดยทางเจ้าของคอนโดได้ให้นอนพักดูสถานการณ์ที่บริเวณชั้น 9  ซึ่งนายบุ๋มบิ๋ม มีบ้านพักจริงๆอยู่ภายในชุมชนตั้งอยู่ด้านหลังสุสานอิสลามโดยทราบเพียงว่าอยู่มานานกว่า 10 ปี ทางบ้านค่อนข้างมีฐานะ เป็นคนใจดีชอบช่วยเหลือผู้อื่น ทั้งนี้คนในย่านนี้รู้จักกันดีมักจะวานให้ไปรับบุตรหลานจากโรงเรียนกลับมาคอนโด แต่ตนทราบมาอีกว่านายบุ๋มบิ๋มนั้นมีอาการทางประสาทอีกด้วย นอกจากนี้บริเวณประตูรั้วชั้นดาดฟ้าจะล็อคแม่กุญแม่ปิดตายอยู่ตลอดเวลา แต่นายบุ๋มบิ๋ม ก็มีลูกกุญแจดังกล่าวเช่นกัน ทั้งนี้ขณะที่ตนเดินขึ้นมาก่อนพบศพเด็กหญิงผู้เคราะห์ร้ายประตูดังกล่าวก็ปิดอยู่ตามปกติ
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จะเร่งประสานให้ทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดของอาคารดังกล่าว ก่อนส่งมอบร่างผู้เสียชีวิตส่งสถาบันนิติเวชเพื่อผ่าพิสูจน์หาสาเหตุของการเสียชีวิตที่แท้จริงต่อไป
รายงานข่าวแจ้งว่าขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนสน.วัดพระยาไกร ได้นำตัวนายบุ๋มบิ๋มมาทำการสอบสวนเพิ่มเติมเพื่อหาข้อเท็จจริงต่อไป
ที่มา>>>ข่าวสด

โทรเรียกหนุ่ม18 ออกมาเคลียร์ มีดจ้วงแทงกว่า 18 แผล เหยื่อวิ่งหนีเฮือกสุดท้าย

 วันที่ 27 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 23.50 น. วันที่ 26 มิ.ย. ร.ต.อ.อุดม เพชรรัตน์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองภูเก็ตได้รับแจ้งว่า เกิดเหตุฆ่ากันตายภายในซอยห่านฝรั่ง ถ.เทพกระษัตรี ต.เกาะแก้ว อ.เมือง จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.กมล โอศิริ ผกก.พ.ต.ท.เชาว์ ผอมนะ รอง.ผกก.ป.สภ.เมืองภูเก็ต นำกำลังสายตรวจ-ชุดสืบสวนและมูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต รุดไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุอยู่ภายในซอยดังกล่าว พบศพชายวัยรุ่นไม่สวมเสื้อ นุ่งเพียงกางเกงขาสั้นสีดำ นอนจมกองเลือดอยู่ที่พื้นถนน สภาพศพถูกแทงด้วยของมีคมเข้าตามร่างกายไม่ต่ำกว่า 18 แผล ทราบชื่อ คือ นายมนัสนันท์ บุหงา อายุ 18 ปี อยู่ หมู่ 1 ต.ไม้ขาว อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ห่างออกไปภายในซอยเล็กๆ ที่พื้นดินใกล้ต้นไม้ใหญ่ พบคราบเลือดหยดเป็นทาง และพบรถ จยย.ซูซูกิ สีขาว ทะเบียน จ 9653 ภูเก็ต จอดอยู่ เบื้องต้นคาดว่าเป็นของนายมนัสนันท์ผู้ตาย จากนั้นนำศพส่งชันสูตรที่ รพ.วชิระภูเก็ต
สอบสวนทราบว่า นายมนัสนันท์พักอาศัยอยู่กับครอบครัวภายในซอยดังกล่าว ห่างจากจุดเกิดเหตุไม่มากนัก ขณะที่นายมนัสนันท์อยู่ภายในบ้าน ได้มีโทรศัพท์โทรเข้ามา จากนั้นนายมนัสนันท์ได้ขี่รถ จยย.คันดังกล่าวออกจากบ้านพัก จนกระทั่งชาวบ้านในละแวกนั้นได้ยินเสียงขอความช่วยเหลือ พบนายมนัสนันท์นอนจมกองเลือดอยู่ที่พื้นถนน จึงรีบโทรแจ้งตำรวจ แต่นายมนัสนันท์เสียชีวิตในที่สุด โดยคาดว่านายมนัสนันท์อาจถูกโทรให้ออกมาเคลียร์ปัญหาบางอย่างภายในซอย แต่อาจตกลงกันไม่ได้ ทำให้คนร้ายใช้มีดจ้วงแทงเข้าตามร่างกาย ก่อนที่นายมนัสนันท์จะพยายามวิ่งหนี และล้มลงเสียชีวิตที่บริเวณดังกล่าว
อย่างไรก็ดีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำโทรศัพท์มือถือของผู้ตายไปตรวจเช็คหมายเลขโทรศัพท์ที่โทรเข้ามานัดนายมนัสนันท์ออกมาเคลียร์ปัญหาและทราบตัวคนร้ายแล้ว อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆเสนอต่อศาล จ.ภูเก็ต ออกหมายจับต่อไป
ที่มา>>>ข่าวสด

วันศุกร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2559

คุมตัวหนุ่มตกงานควงอิโต้ชิงทรัพย์มินิมาร์ทซ.ลำลูกกา27 สารภาพแค้นที่ถูกไล่ออก

 เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 23 มิ.ย. พล.ต.ต.ถาวร ขาวสะอาด ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี พ.ต.อ.เศรษฐณัณข์ ทิมวัฒน์ ผกก.สภ.คูคต พ.ต.ท.วรพันธ์ พิสุทธานนท์ รอง ผกก. พ.ต.ท.ปรากฎ นาคใหญ่  สว.สส.สภ.คูคต พร้อมชุดสืบสวน พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน คุมตัวผู้ต้องหา ทราบชื่อคือนายพรเทพ หรือกอล์ฟ แซ่ทั้ง อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 100/594 หมู่ 14 ต.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี พร้อมด้วยของกลาง 1.เงินสด จำนวน 1,536 บาท 2.มีดทำครัว จำนวน 1 เล่ม 3.เสื้อผ้า ชุดที่สวมใส่ขณะก่อเหตุ 1 ชุด 4.รองเท้าแตะ จำนวน 1 คู่ มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่จุดเกิดเหตุ หลังก่อเหตุบุกเดี่ยวใช้อาวุธมีดอิโต้ จี้ชิงทรัพย์ภายในมินิมาร์ท ร้านแฟมิลี่มาร์ท สาขา 4539 ปากซอยลำลูกกา 27 ถนนลำลูกกา ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ขณะที่น.ส.ศิริพร เมฆพรม พนักงานมินิมาร์ทให้บริการอยู่ที่เคาเตอร์ฯ แล้วชิงทรัพย์เป็นเงินสดในเครื่องเก็บเงินหลบหนีไป เหตุเกิดเมื่อเวลา 03.30 น. ของวันที่ 23 มิ.ย. โดยหลังจากก่อเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.คูคต จ.ปทุมธานี ได้หลักฐานจากกล้องวงจรปิด ที่พบว่าคนร้ายใส่หมวกคุมปิดบังใบหน้า ถืออาวุธมีดแบบอิโต้ เข้ามาภายในร้าน แล้วใช้อาวุธมีดกดหันกล้องวงจรปิดให้ไม่สามารถจับภาพขณะก่อเหตุ จากนั้น ใช้อาวุธมีดจี้บังคับพนักงานให้เปิดลิ้นชักเครื่องเก็บเงิน ชิงทรัพย์เงินสดหลบหนีไป สามารถจับกุมได้ที่หอพักแห่งหนึ่ง ภายในซอยที่เกิดเหตุ ซึ่งห่างจากสถานที่ก่อเหตุประมาณ 200 เมตร นายพรเทพ ผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพว่า เคยทำงานที่ร้านมินิมาร์ทดังกล่าว แต่ถูกไล่ออก เนื่องจากมีปัญหาเรื่องยอดเงินที่จะส่งบริษัทฯ หายไปจำนวน 100 บาท จากนั้น ตนจึงถูกไล่ออก จึงเกิดความรู้สึกแค้นที่ถูกไล่ออกจากงาน ซึ่งตนเองก็ตกงานอยู่ จึงใช้อาวุธมีดที่มีอยู่ในห้องเข้ามาก่อเหตุดังกล่าว แต่ไม่คิดว่าพนักงานจะจำลักษณะของตนได้ จึงถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้
พ.ต.อ.เศรษฐณัณข์ ทิมวัฒน์ ผกก.สภ.คูคต กล่าวว่า หลังจากได้รับแจ้งว่าคนร้ายก่อเหตุชิงทรัพย์ร้านค้ามินิมาร์ท เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. เวลาประมาณ 03.30 น. เป็นคนร้ายไม่ทราบว่าเป็นใคร เข้าไปในร้าน ใช้มีดขู่จะทำร้ายบังคับเอาทรัพย์สินไป เมื่อเข้าไปสอบสวนพนักงานของร้าน ซึ่งถูกก่อเหตุ ได้ทราบว่าคนร้ายมีรูปร่างลักษณะคล้ายกับพนักงานคนเก่าที่เพิ่งออกจากงานไป และทราบว่าพักอาศัยอยู่ในซอยใกล้ที่เกิดเหตุ จึงตรวจสอบประวัติเดิมของพนักงาน ประกอบกับรูปพรรณของคนร้ายที่สามารถตรวจสอบได้จากภาพกล้องวงจรปิด
ต่อมาเวลา 07.30 น. จึงเดินทางไปยังหอพักภายในซอย เมื่อไปถึงห้องดังกล่าวพบว่าประตูถูกเปิดทิ้งเอาไว้ และพบรองเท้าแตะของกลาง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเรียกบุคคลภายในห้องพบว่าอยู่ภายในห้องน้ำ สวมเสื้อสีดำ และมีอาการตกใจ เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงสอบสวนจนยอมรับว่า เป็นผู้ก่อเหตุดังกล่าวจริง พร้อมทั้งแจ้งว่าเกิดความคับแค้นใจที่ถูกไล่ออกจากงาน จึงควบคุมตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.คูคต ดำเนินคดีตามกฎหมายในข้อหาก่อเหตุชิงทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยมีอาวุธปิดบังใบหน้า หรือรับของโจร
ที่มา>>>ข่าวสด

กองปราบจับแล้วมือปืนอันดับ 1 เมืองคอน ฆ่ามาหลายศพ ประวัติโชกโชน

 เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 23 มิ.ย. ที่กองปราบปราม พล.ต.ต.ชาญ วิมลศรี รรท.ผบก.ป. พ.ต.อ.สันติ ชัยนิรามัย รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.ภูมินทร์ พุ่มพันธ์ม่วง ผกก.5 บก.ป. พ.ต.ท.ศันสนะ พิริยะจิตตะ สว.กก.5 บก.ป. แถลงข่าวการจับกุม นายไชยยันต์ หรือสายันห์ อินทรวิจิตร อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 123 หมู่ 1 ต.บ้านแดน อ.บรรพตพิสัย จ.นครสวรรค์ ผู้ต้องหาหมายจับศาลจังหวัดทุ่งสง ที่ 534/2544 และศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่ 77/2559 ข้อหาหลบหนีหมายศาลในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ และร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน ซึ่งถูกจับกุมตัวได้ภายในซอยศรีอยู่ ถนนทับยาว แขวงทับยาว เขตลาดกระบัง กทม. พล.ต.ต.ชาญ กล่าวว่า ผู้ต้องหาเป็นมือปืนตามบัญชีดำ อันดับ 1 ของตำรวจภูธร จ.นครศรีธรรมราช มีพฤติการณ์เป็นมือปืนรับจ้าง และสังกัดอยู่ในซุ้มมือปืนของนักการเมืองท้องถิ่นรายหนึ่ง จากการตรวจสอบประวัติพบว่าเมื่อปี 2541 ได้ร่วมกับพวกอีก 2 คน ใช้อาวุธปืนยิงนายหิรัญ ทองจีนสังข์ เสียชีวิต เหตุเกิดที่ อ.ร่อนพิบูลย์ หลังเกิดเหตุพบว่าปืนที่ถูกใช้ก่อเหตุเป็นของผู้ใหญ่บ้านคนหนึ่งในพื้นที่ ซึ่งก็ให้การซัดทอดว่าเอาไปจำนำไว้กับผู้ต้องหา ก่อนจะมีการจับกุม ต่อมาศาลมีคำพิพากษาลงโทษประหารชีวิต แต่ผู้ต้องหากลับหลบหนีไปหลังได้รับการประกันตัว
พล.ต.ต.ชาญ กล่าวอีกว่า ต่อมาเมื่อปี 2553 ผู้ต้องหายังได้ร่วมกับพวกอีก 3 คน ก่อเหตุใช้ปืนซุ่มยิงนายสุริยะ หรือจ๊ะเอ๋ มุขวัฒน์ อดีตผู้กว้างขวางในอ.ลานสกา ปมมาจากความขัดแย้งระหว่างลูกชายของผู้ต้องหากับตัวผู้ตาย ศาลอนุมัติหมายจับ แต่ผู้ต้องหาก็หลบหนีการจับกุมมาได้ ต่อมาเมื่อวันที่ 6 พ.ย.2558 ผู้ต้องหาก่อเหตุก็ตามยิง นายสมพร มุขวัฒน์ พ่อของนายสุริยะจนเสียชีวิต ในขณะนั่งดื่มกาแฟอยู่ที่ร้านค้าริมถนนลานสกา-ไม้หลา อ.ลานสกา ทราบว่าเป็นการฆ่าล้างแค้นกัน เนื่องจากเชื่อว่าผู้ตาย ร่วมกันยิงลูกชายของนายไชยยันต์จนเสียชีวิตไปก่อนหน้านี้ด้วย
จากการสอบสวน ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธว่า ไม่ได้เป็นผู้ลงมือก่อเหตุคดีที่เกิดขึ้นทั้งหมด โดยหลังจากหลบหนีออกมาจากพื้นที่ ก็หันมาทำธุรกิจรับเหมาขนขยะ อยู่ที่เขตลาดกระบัง กทม.กระทั่งมาถูกจับกุมตัวดังกล่าว จึงส่งตัวให้สภ.ลานสกา ดำเนินคดีต่อไป
ที่มา>>>ข่าวสด

วันพฤหัสบดีที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2559

รถเทลเลอร์พุ่งเสยท้ายกระบะจอดเสียคาไฟแดง หนุ่มถูกชนร่างกระแทกดับเจ็บอีก 4 ราย

 เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 22 มิ.ย. พ.ต.ท.ชาติกาญ ทุมนัต สารวัตร(สอบสวน) สภ.คลองด่าน จ.สมุทรปราการ รับแจ้งมีอุบัติเหตุ รถเทลเลอร์ชนรถกระบะมีผู้บาดเจ็บหลายราย บริเวณสามแยกไฟแดง หน้าร้านสวนอาหารติ่ง หมู่ 5 ถ.สุขุมวิท ต.คลองด่าน อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนรุดไปตรวจสอบ พร้อมเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู และกู้ชีพรพ.จุฬารัตน์ 5 ที่เกิดเหตุบริเวณสามแยกไฟแดง หน้าร้านสวนอาหารติ่ง บนถนนสุขุมวิทขาเข้ามุ่งหน้าบางปู พบรถกระบะ ยี่ห้ออีซูซุ สีน้ำเงิน ทะเบียน บต2154 เชียงใหม่ พลิกตะแคง สภาพด้านหน้าและด้านท้ายพังยับ และน้ำมันไหลนองออกมาบนถนน พบผู้บาดเจ็บนอนอยู่บนพื้นถนน ประกอบด้วยนายบุญรื้น ก้งทอง อายุ 39 ปี ถูกแรงกระแทกที่หน้าอก ซี่โครงหักหมดสติ กู้ชีพ รพ.จุฬารัตน์ 5 นำส่ง รพ. แต่ทนพิษบาดแผลไม่ไหว เสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนคนอื่นเจ้าหน้าที่ได้เคลื่อนย้ายมาปฐมพยาบาลเบื้องต้นที่ศาลาเพิงพัก คือนายสุริโย ร่มคม อายุ 17 ปี ขาซ้ายหัก นายเสกสรร ไทยเจริญ อายุ 27 ปี เจ็บปวดบริเวณขาทั้ง 2 ข้างน.ส.รุ่งพร สุขวิเศษ อายุ 21 ปี เจ็บที่หน้าอก และน.ส.พิมพ์วรีย์ ชื่นปทุม อายุ 30 ปี เจ็บที่หน้าอกเช่นเดียวกัน ทั้ง 4 รายนี้ เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู นำส่ง รพ.บางบ่อ นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังพบรถพ่วง ยี่ห้อฮีโน่ สีครีม ทะเบียนส่วนหัว 858231 ชลบุรี ทะเบียนส่วนท้าย 85-8217 ชลบุรี สภาพกระจกหน้าแตก กันชนด้านซ้ายยุบชน ติดกับเสาไฟฟ้าริมถนนหัก และยังมีรถกระบะยี่ห้อ อีซูซุ สีบรอนซ์ ทะเบียน ผน6467 ชลบุรี จอดอยู่ริมถนนสภาพไฟท้ายด้านขวาแตก
สอบสวนนายเฉลิมศักดิ์ เตชะวันโต อายุ 39 ปี เพื่อนผู้บาดเจ็บ ให้การเบื้องต้นว่า ตนเป็นคนขับรถกระบะยี่ห้อ อีซูซุ สีบรอนซ์ ทะเบียน ผน6467 ชลบุรี มากับเพื่อนที่บาดเจ็บและเสียชีวิต โดยลากจูงรถกระบะอีกคันที่เสียมาจากบ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา จะไปโรงงานที่ลาดหวาย และเปิดสัญญาณไฟกระพริบไว้ตลอด จนกระทั่งมาจอดติดไฟแดง เพื่อนอีกคนเห็นว่า สลิงที่ใช้ลากรถจะหลุด จึงลงมาจากรถมายืนดู และช่วยกันมัดสลิงใหม่ ระหว่างนั้นมีรถพ่วงวิ่งมาจากด้านหลังพุ่งชนอย่างแรง จนรถกระบะคันที่ถูกลากพลิกตะแคง ทำให้รถกระเด็นมาชนพวกตนที่ยืนอยู่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ส่วนรถพ่วงเสียหลักพุ่งข้ามเกาะไปชนกับเสาไฟฟ้า และคนขับได้หลบหนีไปในช่วงชุลมุน
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างติดตามตัวคนขับรถพ่วง มาสอบสวนเพิ่มเติมเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ที่มา>>>ข่าวสด

กทม.สั่งติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพิ่ม “ซอยรามอินทรา34-ม.เสนานิเวศน์” คาดแห้งอย่างช้าไม่เกินพรุ่งนี้

 เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. นายสมพงษ์ เวียงแก้ว ผู้อำนวยการสำนักการระบายน้ำ กรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวถึงความคืบหน้าการระบายน้ำท่วมในซอยรามอินทรา 34 ภายหลังมีฝนตกลงมาอย่างหนักในช่วง 2 วันที่ผ่านมา ว่า ขณะนี้ปริมาณน้ำเริ่มลดลงไปบ้างแล้ว แต่ยังมีบางส่วนที่ยังมีน้ำท่วมประมาณ 20 เซนติเมตร โดยม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม.ลงพื้นที่สั่งการให้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพิ่มเติม เพื่อให้น้ำลดลงเร็วที่สุดในวันนี้หรืออย่างช้าไม่เกินวันพรุ่งนี้ แต่หากในวันพรุ่งนี้น้ำยังไม่ลดลงม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ก็จะลงพื้นที่เพื่อตรวจสภาพน้ำท่วมในจุดนี้อีกครั้ง ขณะที่สภาพน้ำท่วมที่หมู่บ้านเสนานิเวศน์ 1 นั้น สำนักการระบายน้ำได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพิ่มเติมอีก 3 เครื่อง เพื่อสูบน้ำออกจากพื้นที่ ซึ่งมีระดับน้ำท่วมเหลือประมาณ 20 เซนติเมตรในบางจุด ซึ่งคาดว่าระดับน้ำจะลดลงในเย็นวันนี้หรืออย่างช้าเป็นวันพรุ่งนี้ หากในพื้นที่ม.เสนานิเวศน์ 1 น้ำยังไม่ลด ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ก็จะเดินทางลงพื้นที่ในวันพรุ่งนี้อีกเช่นกัน
“สาเหตุที่ 2 จุดนี้ยังมีน้ำท่วมอยู่ เพราะเป็นพื้นที่แอ่งทำให้น้ำระบายออกได้ช้า จึงต้องบล็อกน้ำรอบนอกออกก่อน เพื่อจะเร่งสูบน้ำจากพื้นที่ด้านในออกไป อย่างไรก็ตาม ในช่วงเย็นวันนี้อาจจะมีฝนตกลงมาในกรุงเทพฯอีก จากการคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยา แต่กทม.ก็มีเรดาห์ไว้เฝ้าระวังและพร้อมแจ้งเตือนตลอดเวลา” ผู้อำนวยการสำนักการระบายน้ำ กล่าว
ที่มา>>>ข่าวสด

วันพุธที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2559

แม่บ้านช็อก!! งูจงอางโผล่เครื่องซักผ้า กู้ภัยระดมจับเป็นชั่วโมง-ผวาทั้งหมู่บ้านแห่ลุ้น

 เมื่อเวลา 05.00 น. วันที่ 22 มิ.ย. นายกิตติ อนุสรณ์พานิช หัวหน้าหน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างประจวบธรรมสถาน ได้รับแจ้งขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านว่า มีงูขนาดใหญ่หนีฝนเข้ามาหลบอยู่ภายในห้องน้ำในบ้าน ขอให้ช่วยไปจับปล่อยคืนสู่ป่าธรรมชาติ หลังได้รับแจ้ง จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่อาสาสมัครรวม 4 นาย พร้อมอุปกรณ์ในการจับสัตว์เลื้อยคลานมุ่งหน้าตรวจสอบช่วยเหลือชาวบ้าน
เมื่อเดินทางไปถึงบ้านหลังดังกล่าว พบนายสนาน ทองสุข อายุประมาณ 50 ปี หมู่บ้านเกตุเอน ตำบลอ่าวน้อย อำเภอเมือง จังหวัดประจวบฯ พร้อมภรรยาและคนในครอบครัว ยืนรอเจ้าหน้าที่ด้วยความตื่นตระหนก โดยพาเจ้าหน้าที่กู้ภัยไปดูจุดที่งูหลบซ่อนตัวอยู่ภายในเครื่องซักผ้าขนาด 5 คิว ที่ตั้งอยู่ในห้องน้ำภายในบ้าน โดยใช้ตาข่ายสีดำล้อมไว้ เพื่อไม่ให้งูเลื้อยไปทางอื่น 14665609621466561140l เมื่อเจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบ พบว่างูตัวดังกล่าว เป็นงูจงอางยาวจากหัวจรดหางประมาณ 2.50 เมตร ลำตัวสีน้ำตาลดำ เกล็ดเงา ท้องเหลือง ได้แอบอยู่ภายในเครื่องซักผ้า โดยลอดจากช่องรูเล็กๆ เข้าไป เจ้าหน้าที่ใช้ความพยายามนานนับชั่วโมง เพื่อที่จะไล่ต้อนให้งูออกมาข้างนอก แต่งูก็ไม่ออก ยิ่งเข้าลึกไปมากกว่าเดิม เจ้าหน้าที่จึงได้ใช้ไขควงรื้อถอดชิ้นส่วนเครื่องซักผ้าออกมาทีละชิ้น และตัดตาข่ายที่ละช่องแค่พออุปกรณ์สอดเข้าใปได้ จึงจับได้เป็นผลสำเร็จ โดยใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง ท่ามกลางเสียงเฮดีใจของเจ้าของบ้าน และชาวบ้านข้างเคียงที่ออกมามุงดูร่วมลุ้นจำนวนมาก
เจ้าของบ้านได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ในขณะที่อยู่ภายในบ้านได้ยินเสียงสุนัขเห่า จึงได้เดินเข้าไปดู ก็พบเห็นงูตัวดังกล่าวกำลังเลื้อยเข้าไปในห้องน้ำ และหลบอยู่ในเครื่องซักผ้า กลัวว่าตนเองและคนในบ้านได้รับอันตราย จึงได้โทรแจ้งเจ้าหน้าที่ให้มาช่วยจับไปปล่อยป่าธรรมชาติดังกล่าว ส่วนสาเหตุคาดว่าเมื่อประมาณ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา ได้มีฝนตกลงมาปริมาณมาก อาจทำให้งูหลบฝนเข้ามาหาจับหนูในบ้านกินเป็นอาหาร จึงฝากเตือนชาวบ้านให้ใช้ความระมัดระวัง อย่าเดินในที่มืด อาจได้รับอันตรายจากสัตว์มีพิษได้
ที่มา>>>ข่าวสด

หนุ่มช่างแอร์วิ่งข้ามถนน รถแวนลงสะพานเบรกไม่ทัน-พุ่งชนดับสยองที่ปทุมฯ

เมื่อเวลา 22.30 น. วันที่ 21 มิ.ย. ร.ต.อ.วีระพล อุปชิต รองสว.(สอบสวน) สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี รับแจ้งเหตุรถเก๋งแวนชนคนข้ามถนนเสียชีวิต บริเวณถนนบางขันธ์-หนองเสือ มุ่งหน้าถนนพหลโยธิน ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง รุดไปตรวจสอบพร้อมแพทย์นิติเวช ร.พ.ธรรมศาสตร์ เฉลิมพระเกียรติ และเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู ที่เกิดเหตุพบผู้เสียชีวิตเป็นชาย 1 ราย ชื่อนายสด อายุ 35 ปี สัญชาติกัมพูชา นอนเสียชีวิตอยู่เลนซ้ายของถนน ห่างออกไปประมาณ 50 เมตรพบรถเก๋งแบบแวน ยี่ห้อเชพโรเลต ทะเบียน ญล 8902 กรุงเทพมหานคร หน้ารถด้านซ้ายมีรอยชนได้รับความเสียหายและหม้อน้ำแตก ส่วนคนขับทราบชื่อนายลภัสวินท์ พิมสอน อายุ 42 ปี ยืนรอเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยอาการตกใจ
นายลภัสวินท์ เผยว่า ก่อนเกิดเหตุขับรถจะไปกินข้าวกับเพื่อน ขณะขับรถลงสะพานข้ามแยกโฮมเพลสมาเมื่อมาถึงที่เกิดเหตุผู้ตายได้วิ่งข้ามถนน ตนเองเบรกไม่ทันจึงชนเข้าอย่างแรง เหตุการณ์ครั้งนี้มีเพื่อนของตนเองขับรถยนต์คู่กันมา กล้องหน้ารถจับภาพตอนชนเอาไว้ได้   จากการสอบสวนทราบว่า นายสดทำงานอยู่โรงงานแอร์ กำลังจะกลับบ้านซึ่งอยู่ใกล้ๆ ขณะเกิดเหตุวิ่งข้ามถนนแล้วถูกรถเก๋งที่ลงจากสะพานพุ่งชนเสียชีวิต จากนั้นเจ้าหน้าที่นำตัวนายลภัสวินท์ไปสอบสวนเพิ่มเติมที่สภ.คลองหลวง พร้อมให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญูนำศพผู้เสียชีวิตส่งนิติเวช ร.พ.ธรรมศาสตร์ฯ ตรวจสอบหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป
ที่มา>>>ข่าวสด

วันอังคารที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2559

เผยยาจกเงินล้านมีเมียอยู่อุดรฯตร.ตามตัวมาสอบ รอทนายเปิดพินัยกรรม

จากรณีนายองอาจ ราชวงษ์ อายุ 84 ปี อยู่บ้านเลขที่ 46/31 ถนนวุฒากาศ แขวงบางค้อ เขตจอมทอง กรุงเทพ เสียชีวิตในห้องน้ำ ในที่พักซึ่งตั้งอยู่ หลังกฏิในวัดอโศการาม ต.ท้ายบ้าน อ.เมือง จ.สมุทรปราการ กระทั้งมีผู้ไปพบศพเมื่อบ่ายวันที่ 20 มิ.ย. โดยเจ้าหน้าที่คาดว่าเสียชีวิต มาแล้วไม่ต่ำกว่า 8 วัน และพบเอกสารสำเนาบัญชีเงินฝากธนาคาร ซึ่งยังไม่ทราบธนาคารกว่า 1,340,000 บาท และสำเนาโฉนดที่ดิน จำนวน 2 ไร่ รวม 2 แปลง และผู้ตายเคยบริจาค เงินสร้างสะพานและซื้อข้าวให้วัดมาแล้วเป็นเงินจำนวน 7-8 ล้านบาท ผู้ตายยังอุทิศตนเก็บขวดน้ำและของเก่าขาย ก่อนที่จะนำเงินที่ได้บริจาคทำบุญให้กับทางวัดอีกด้วย โดยสมบัติที่ปรากฏตามเอกสารมีมูลค่าหลายล้านบาท จนเจ้าหน้าที่ต้องประกาศตามหาญาติ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 20 มิ.ย. นางพจนีย์ ดิรัตนะโภคา อายุ 62 ปี และนายจารึก ดุสิตสวัสดิ์ อายุ 65 ปี เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.สหัสพล พุ่มอิม รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองสมุทรปราการ เพื่อสอบถามรายละเอียดเรื่องการจัดงานศพ กับทางเจ้าหน้าที่
นางพจนีย์ กล่าวว่า ตนรู้จักกับนายองอาจมาแล้วหลายปี เนื่องจากนายองอาจเคย ขับรถให้กับคุณพ่อที่กรมสรรพสามิต ต่อมาหลังเกษียณอายุราชการ ทราบว่านายองอาจนำที่ดิน ซึ่งอยู่ที่ จ.นครสวรรค์ ไปขาย แต่ตนไม่รู้ว่าได้เงินจำนวนเท่าไหร่ ก่อนที่นายองอาจจะเดินทางมาอยู่ที่วัดอโศการาม โดยบอกว่าจะมาปฏิบัติธรรมในช่วงบันปลายชีวิต ทั้งนี้ หลังจากที่นายองค์อาจมาอยู่ที่วัด ตนก็เดินทางมาเยี่ยม ขณะเดียวกันระหว่างมาเยี่ยมนายองอาจก็เคยเล่า ให้ฟังว่าเงินที่ได้จากการขายที่ดิน ได้มอบให้วัดหลายล้านบาท นายองอาจยังเคยบอกอีกว่า ถ้าเป็นอะไรไปเงินที่เหลือรวมทั้งทรัพย์สินที่มีก็จะบริจาคให้วัดทั้งหมด เนื่องจากความชราและภาระทางครอบครัว จึงไม่มีเวลามาเยี่ยมนายองอาจอีก จนกระทั่งมาทราบข่าวว่านายองอาจเสียชีวิต จึงเดินทางไปที่โรงพัก เพื่อสอบถามรายละเอียดเรื่องศพหากไม่มีใครจัดการตนก็จะเป็นธุระนำศพไปตั้งบำเพ็ญกุศลให้ โดยไม่ได้มาเพื่อหวังผลอะไร ด้านพระสุพล พลสัมปันโน ซึ่งเป็นพระพี่เลี้ยง กล่าวว่า ผู้ตายเดินทางขออาศัยมาอยู่ที่วัดอโศการาม ตั้งแต่ประมาณ ปี 2544 ซึ่งการดำเนินชีวิตแต่ละวันนั้น ผู้ตายก็จะปั่นจักรยานออกหาของเก่ามาสะสมไว้โดยไม่ได้นำไปขาย และตระเวนทำบุญ ใส่บาตร เนื่องจากนายองอาจเป็นคนชอบทำบุญ กระทั้งปี 2554 นายองอาจเข้ามาปรึกษากับตนว่า มีเก็บอยู่ 1.4 ล้านบาท ไม่รู้จะทำอะไร ตนจึงได้แนะนำให้นำไปบริจาคทำบุญ โดยการทำพินัยกรรมเอาไว้ ก่อนที่ตนจะหาทนายมาให้ ซึ่งระหว่างทำพินัยกรรม มีตน และพระในลูกวัดอโศการามอีก 1 รูป เป็นพยานลงลายมือชื่อไว้ และทำต่อหน้าหลวงพ่อทอง จันฺทสิริ อดีตเจ้าอาวาท ซึ่งมรณภาพไปแล้ว เมื่อเดือนเมษายน ปี 59
ซึ่งรายละเอียดของพินัยกรรมนั้น ทางผู้ตายแบ่งเงินไว้เป็นสองส่วน โดยส่วนแรกมอบให้กับโรงพยาบาลสงฆ์ 7 แสนบาท และทางวัดอโศการามอีก 7 แสนบาท ซึ่งเงินทั้งหมดถอนออกมาจากบัญชีธนาคารออมสิน ก่อนจะนำไปฝาก ที่ธนาคารธกส. พระสุรพล กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ผู้ตายยังมีโฉนดที่ดินเนื้อที่ 200 ตารางวา อีก 1 แปลง ซึ่งอยู่ที่อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา ที่ผู้ตายโอนให้กับตนไว้เมื่อปี 2556 แต่เนื่องจากตนเป็นพระสงฆ์จึงไม่ สามารถทำนิติกรรมได้ จึงต้องโอนไว้ให้กับลูกศิษย์ที่มักคุ้นกันเป็นคนรับ แทนจนกระทั่งนายองอาจมาเสียชีวิต
ร.ต.อ.สหัสพล พุ่มอิ่ม เจ้าของคดี กล่าวว่า จากการตรวจสอบเอกสารอย่างละเอียด พบทะเบียนสมรสของผู้ตายอยู่ในบ้านพัก โดยระบุชื่อนางเพ็ญศรี บัวรอด ซึ่งพักอยู่บ้านเลขที่ 164 หมู่ 9 ต.เมืองเพีย อ.กุดจับ จ.อุดรธานี พบว่ายังมีชีวิตอยู่ ซึ่งทางพนักงานสอบสวน จะติดต่อให้มาเดินทางมาให้ปากคำและรับศพไปบำเพ็ญกุศลตามศาสนาต่อไป
ส่วนในเรื่องมรดกของผู้ตายทราบว่า ผู้ตายทำพินัยกรรมเอาไว้ แต่ต้องรอทางทนายซึ่งเป็นผู้จัดการมรดก เปิดอ่านก่อน ซึ่งหากตรวจสอบแล้วว่าพินัยกรรม เป็นของจริงที่ผู้ตายได้ทำไว้ มรดกทั้งหมดก็จะ ถูกมอบให้กับผู้มีสิทธิตามที่เขียนเอาไว้ในพินัยกรรม ทั้งนี้ ได้ตรวจสอบบัญชีธนาคารออมสิน ของนายองอาจพบว่ามีการถอนเงินออกไป จำนวน 1.4 ล้านจริง แต่ยังไม่ทราบว่าเงินทั้งหมด ได้นำไปฝากเข้าบัญชีใหม่ของธนาคารใด รวมทั้งจะประสานสำนักงานกรมที่ดินช่วยตรวจสอบ ว่าสำเนาโฉนดที่ดินที่พบในที่พักของผู้ตายนั้นได้ถูกโอนให้ใครไปแล้วหรือไม่ ซึ่งจะต้องดำเนินการตรวจสอบอย่างละเอียดต่อไป
ที่มา>>>ข่าวสด

ชีวิตรันทด สองตายาย ลูกเอาบ้านไปจำนองทิ้งหนี้ก้อนโตพร้อมหลาน 2 คน

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 20 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่ามีสองตายายอาศัยอยู่ในบ้านเลขที่ 161 หมู่ 1 ต.หินฮาว อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ สภาพบ้านผุพังอยู่อย่างยากลำบาก อีกทั้งยังต้องรับภาระเลี้ยงหลานอีก 2 คนที่ลูก ๆ ทิ้งไว้ให้เลี้ยงตั้งแต่แบเบาะแล้วไปทำงานกรุงเทพฯ โดยไม่ได้กลับมาดูแลอีกเลยจึงเดินทางไปตรวจสอบ พบว่าเป็นบ้านชั้นเดียวปลูกติดอยู่กับพื้นดินฝาและพื้นบ้านทำจากฝากไม้ไผ่ หลังคาสังกะสีเก่า ๆ สภาพผุพังบางแห่งก็เป็นช่องโหว่ต้องใช้ป้ายโฆษณาปิดไว้นางโสภา กุกิ่ง อายุ 63 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านหลังดังกล่าวเล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่าตนเองกับสามีคือนายเหล็ก กุนกิ่ง อายุ 65 ปี มีอาชีพรับจ้างทั่วไป ลูกทั้งหมด 5 คน เป็นชาย 2 คน หญิง 3 คน โดยคนโตทั้ง 4 คนไปทำงานกรุงเทพเกือบ 10 ปีแล้ว โดยที่ได้ทิ้งหลานไว้ให้เลี้ยง 2 คน ตั้งแต่อายุเพียง 4 เดือน ทิ้งภาระให้ตนกับสามีเลี้ยงดู กระทั่งปัจจุบันนี้หลานทั้ง 4 คนอายุได้ 12 ปีแล้ว ก็ไม่ติดต่อกลับมาบ้านเลย ไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร อีกทั้งก่อนไปยังได้นำที่ดินที่ปลูกบ้านหลังนี้ไปจำนองไว้กับธนาคารกู้เงินออกมาแล้วก็ปล่อยให้ตนรับภาระหนี้ โดยที่ลูก ๆ ไม่ได้ส่งเงินมาใช้หนี้เลยแม้แต่บาทเดียว นอกจากนั้น ตนก็ยังมีลูกสาวคนสุดท้องอีก 1 คนที่อยู่ด้วยปัจจุบันอายุ 18 ปีกำลังเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6นางโสภา เปิดเผยต่อว่า ปัจจุบันรายได้ของครอบครัวมาจากการที่สามีไปรับจ้างขับรถไถได้วันละ 300 บาท แต่ก็ไม่ได้ไปทุกวัน และมีรายรับจากเงินช่วยเหลือผู้สูงอายุคนละ 500 บาทต่อเดือน แต่ก็ไม่พอสำหรับใช้จ่ายในครัวเรือน เพราะลูกสาวที่กำลังเรียนอยู่ชั้น ม.6 ก็ต้องใช้เงินในการศึกษาเล่าเรียน ค่าบำรุงการศึกษา ค่าเทอม ปีนี้ก็ยังไม่ได้จ่าย จึงได้แต่บอกลูกว่าขอผัดผ่อนโรงเรียนไปก่อน และในอีกไม่นานลูกก็จะจบ ม.6 ลูกก็อยากจะเรียนต่อโดยใฝ่ฝันไว้ว่าจะเป็นตำรวจหรือไม่ก็เป็นหมอ เพื่อที่จะดูแลพ่อกับแม่และหลาน ๆ ได้ แต่ตนก็ยังไม่มีหนทางที่จะหาเงินเพื่อส่งเสียให้ลูกเรียนตามความใฝ่ฝันได้เลย14664173511466417378lนางโสภา เปิดเผยถึง ชีวิตความเป็นอยู่ในขณะนี้ว่าเดือดร้อนมากเพราะตนก็มีโรคประจำตัวหลายโรคต้องเดินทางไปพบหมอเป็นประจำซึ่งก็ต้องมีค่าใช้จ่าย ในบางครั้งไม่มีเงินไปหาหมอ ยาก็หมด ก็ต้องทนกับอาการเจ็บป่วย ส่วนสามีก็อายุมากแล้วไปรับจ้างขับรถไถกลับมาก็บ่นว่าปวดเมื่อยมาก อยากจะหยุดก็หยุดไม่ได้ อาหารการกินบางครั้งเพื่อนบ้านก็หยิบยื่นมาให้ และได้รับความเมตตาจากหลวงพ่อที่แบ่งปันอาหารที่ชาวบ้านใส่บาตรมาให้ ส่วนงานบ้านก็ได้หลานทั้ง 2 คนช่วยเหลือเป็นอย่างดี ตนจึงขอความเมตตาจากท่านผู้ใจบุญให้การช่วยเหลือในการซ่อมแซมบ้าน อีกทั้งอยากขอทุนการศึกษาให้แก่ลูกสาวและหลานทั้ง 2 คนได้เรียนต่อในระดับที่สูงขึ้นได้ทำงานดี ๆ จะได้ไม่เดือดร้อนลำบากเหมือนกับตนเองและสามี
ท่านที่ต้องการให้ความช่วยเหลือสามารถนำสิ่งของไปช่วยเหลือได้โดยตรงที่บ้านเลขที่ 161 หมู่ 1 ต.หินฮาว อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ หรือจะโอนเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรสาขาหล่มเก่า หมายเลขบัญชี 302-8-00416-1 นางโสภา กุกิ่ง หรือจะโทรศัพท์สอบถามได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 090 – 2942806 (น้องแพรว)
ที่มา>>>ข่าวสด

วันจันทร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2559

พายุถล่มอำนาจเจริญ ต้นไม้ใหญ่โค่นทับสายไฟ ข้าวของพังระเนระนาด

เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 19 มิ.ย.59 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พื้นที่ จ.อำนาจเจริญ เกิดฝนตกหนัก ลมกระโชกแรงติดต่อกันนานกว่า 3 ชั่วโมง ส่งผลให้ เสาปูนซุ้มอ่านหนังสือหักโค่นพังระเนรนาด หลังคาพังถล่ม ต้นไม้ใหญ่หักโค่นทับสายไฟ ล้มขวางถนน ตู้ขายกับข้าวของพ่อค้าแม่ค้า ที่โรงอาหาร 2 ของโรงเรียน ปลิวว่อน พังกระจกแตกกระจัดกระจายจากการตรวจสอบบริเวณอาคาเรียน และทางเดินที่เชื่อมต่ออาคารเรียนแต่ระแห่ง พบว่ามีต้นไม้ใหญ่หักโค่นเป็นจำนวนมาก สอบถามครูเวร ทราบว่า เมื่อช่วงเวลา 18.00 น.ที่ผ่านมา มีฝนตกหนักและลมแรงมาก ตนเองได้เข้าเวรอยู่อีกอาคารหนึ่ง ต่อมาได้ยินเสียงดัง ซึ่งไม่ทราบว่าเป็นเสียงอะไรและเกิดไฟฟ้าดับ จนกระทั่งเมื่อเวลา 20.00 น. พายุฝนได้สงบลง ตนจึงได้เดินตรวจสอบบริเวณรอบๆ โรงเรียน พบว่ามีต้นไม้ใหญ่หักโค่นทับสายไฟ ทำให้ไฟดับ และเสาปูนซุ้มอ่านหนังสือของโรงเรียนพังระเนระนาดลง ทำให้หลังคาซุ้มดังกล่าวพังลงมา อีกทั้งข้าวของของพ่อค้าแม่ค้าที่ตั้งไว้ขายของติดกับโรงอาหาร 2 ซึ่งอยู่ในระหว่างการก่อสร้างนั้น พังเสียหายยับเยินเป็นจำนวนมากผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ยังมีอีกหลายพื้นที่ในจังหวัดอำนาจเจริญ ได้รับความเสียหายจากพายุฝนถล่มในครั้ง ซึ่งทางจังหวัดจะได้เร่งสำรวจความเสียหาย และเข้าช่วยเหลือต่อไป
ที่มา>>>ข่าวสด

ปิกอัพซิ่งแหกโค้ง พุ่งชนเสาไฟฟ้าหัก 2 ท่อน ดับ 2 เจ็บอีก 2

วันที่ 19  มิ.ย. ร.ต.อ.อุทิศ พาราษฎร รองสารวัตร (สอบสวน)  สภ.เมืองสิงห์บุรี รับแจ้งเหตุรถกระบะแหกโค้งชนเสาไฟฟ้ามีผู้เสียชีวิต ที่ถนนสายสิงห์บุรี–บางระจัน หลักกิโลเมตรที่ 1 ต.ต้นโพธิ์ อ.เมือง จ.สิงห์บุรี จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมตำรวจ สภ.เมืองสิงห์บุรี และเจ้าหน้าที่กูภัยสมาคมกู้ภัยจังหวัดสิงห์บุรีที่เกิดเหตุเป็นบริเวณทางโค้งพบรถกระบะอีซูซุ แบบแคป สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน 1ฒธ 7438 กรุงเทพมหานคร ชนอัดเข้ากับเสาไฟฟ้าจนหัก 2 ท่อน รถหงายท้องพังยับเยิน เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าจึงต้องเข้ามาดำเนินการตัดไฟ ภายในรถพบผู้เสียชีวิตติดอยู่ภายในทราบชื่อคือนายพิเชษฐ์ สีวาลิต อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 95 หมู่ 4 ต.โพทะเล อ.ค่ายบางระจัน จ.สิงห์บุรี ซึ่งเป็นคนขับ นอกจากนี้ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บติดอยู่อีก 3 ราย เจ้าหน้าที่จึงใช้เครื่องตัดถ่างเร่งนำร้างผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บออกมาส่งโรงพยาบาลสิงห์บุรี ก่อนที่นายจำนงค์ วงษ์ศรีแก้ว อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่  44  หมู่ 14  ต.ท่าข้าม อ.ค่ายบางระจัน จ.สิงห์บุรี จะทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมาจากการสอบสวนทราบว่ารถคันดังกล่าวขับมาด้วยความเร็ว ก่อนแหกโค้งพุ่งชนเสาไฟฟ้าจนมีผู้เสียชีวิต 2 ราย และบาดเจ็บอีก 2 คน หลังจากนั้นจะได้สอบปากคำพยานในที่เกิดเหตุ พยานแวดล้อม รวมทั้งผู้บาดเจ็บ เพื่อหาสาเหตุของอุบัติเหตุที่แท้จริง ก่อนดำเนินการต่อไป
ที่มา>>>ข่าวสด

วันเสาร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ฝันเห็นเลขชัดเป๊ะ!! พลิกชีวิตหนุ่มก่อสร้าง รวย 30 ล้าน กลายเป็นเศรษฐีในพริบตา

 เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 17 มิ.ย. ที่ สภ.กุดบาก จ.สกลนคร มีนายอำพล ศรีมุกดา อายุ 42 ปี ชาวบ้าน บ้านกุดบาก ต.กุดบาก อ.กุดบาก จ.สกลนคร นำสลากกินแบ่งรัฐบาล หมายเลข 073816 งวดประจำวันที่ 16 มิ.ย. 59 เดินทางมาพร้อมภรรยา และบุตรชาย พ่อตา แม่ยาย เพื่อแจ้งลงบันทึกประจำวัน ในการเป็นเจ้าของสลากฯ ที่ถูกรางวัลที่ 1 จำนวน 5 ใบ จำนวนเงินรางวัล 30 ล้านบาท โดยเจ้าหน้าที่ ได้ทำการลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ท่ามกลางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่เข้ามาแสดงความดีใจด้วย จากนั้นได้ขอตัวกลับ โดยบอกว่าจะเดินทางไปกรุงเทพฯ ทันที
เจ้าหน้าที่ตำรวจท่านหนึ่ง กล่าวว่า นายอำพล ศรีมุกดา หนุ่มดวงดีรายนี้ มีอาชีพรับจ้างทำงานก่อสร้างทั่วไป อยู่ที่กรุงเทพมหานคร ก่อนจะซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล ได้ทำงานอยู่แถวบ้านอดีตนายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ต่อมาฝันเห็นเลขเป็นตัวชัดเจนสีแดงแจ๋ จึงหาซื้อในละแวกที่ทำงาน จำนวน 5 ฉบับ โดยเป็นเลขที่ตัวเองฝันเห็น ก่อนจะเดินทางกลับบ้าน
และเมื่อผลสลากฯ ออกมา ตรวจดูก็พบว่าตัวเองถูกรางวัลที่ 1 จึงดีใจมาก ส่วนแผนการใช้เงินยังไม่คิดตอนนี้ โดยบอกว่า ขอตัวไปกรุงเทพฯและทำใจกับชีวิตที่พลิกผันกลายเป็นเศรษฐีในพริบตาก่อน
ที่มา>>>ข่าวสด

สุดโหด!คนร้ายใช้สายยางรัดคอฆ่าเปลือยสาวใหญ่นอนตายข้างบ้าน ศพโดนซ้อมน่วมทั้งตัว

 วันที่ 17 มิ.ย. พ.ต.ท.ยืนยง คำบอน รองผกก.(สอบสวน) สภ.บ้านดุง จ.อุดรธานี รับแจ้งมีหญิงถูกรัดคอฆ่าในสภาพเปลือยกาย อยู่ข้างบ้านพัก จึงรุดตรวจสอบพร้อมด้วยพ.ต.อ.ปิยบุตร ไพบูลย์ ผกก.สภ.หนองหาน พ.ต.ท.ชัยวัฒน์ มิตรศรี สว.สส. ร.ต.ท.บุญเกื้อ ดุงศรีแก้ว รอง สว.สส.
ที่เกิดเหตุบริเวณข้างบ้านพบศพนางอ้อย อายุ 47 ปี สภาพศพนอนเปลือยกายคว่ำหน้าเสียชีวิต ถูกรัดคอด้วยสายยาง หน้าบวมซ้ำ ลิ้นจุกปาก ไหล่ซ้ายมีรอยฟกช้ำ ใกล้กันพบรองเท้าเชื่อว่าเป็นของคนร้ายและมีดปอกผลไม้ตกอยู่ รวมทั้งมีร่องรอยการต่อสู้ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตรวจสอบห้องนอนในบ้านพบร่องรอยการต่อสู้ ผ้าปูที่นอนถูกขยุ้ม ตะกร้าผ้าล้ม ผ้าถุงวางกองอยู่
 จากการสอบสวนเพื่อนบ้านทราบว่า บ้านหลังดังกล่าวผู้ตายอาศัยอยู่กับสามีและลูกชายวัย 14 ปี แต่คืนวันเกิดเหตุสามีไปรับจ้างขนสินค้าที่ต่างจังหวัด 2 วัน ผู้ตายจึงอาศัยอยู่กับลูกชายกัน 2 คน ปกติคนตายชอบแต่งหน้าแต่งตัว อีกทั้งเป็นคนดี ไม่ดื่มไม่เที่ยว อีกทั้งมีทรัพยสินที่หายไป ซึ่งผู้ตายสวมใส่เป็นประจำ ทั้งสร้อยคอทองคำหนัก 3 บาท เลสข้อมือทองคำหนัก 2 บาท
ด้านลูกชายของคนตายกล่าวว่า ในวันเกิดเหตุตนนอนดูบอลภายในบ้าน จนกระทั่ง 4 ทุ่มได้ปิดโทรทัศน์แล้วเข้านอน โดยไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย จนรุ่งเช้าชาวบ้านมาปลุกให้ตื่น จึงรู้ว่าแม่ถูกฆ่าเสียชีวิตแล้ว ตนไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย เนื่องจากเมื่อคืนฝนตกด้วย
พ.ต.ท.ชัยวัฒน์ กล่าวว่า สาเหตุการเสียชีวิตน่าจะมาจากขาดอากาศหายใจ โดยถูกรัดคอ คนร้ายอาจประสงค์ต่อทรัพย์ และประสงค์ต่อเพศ เนื่องจากมีร่องรอยการต่อสู้ แต่ไม่มีใครได้ยิน เนื่องจากเมื่อคืนฝนตก ส่วนเรื่องทรัพย์สินผู้ตายยังไม่ยืนยันว่าหาย เนื่องจากตู้ที่เก็บทรัพย์สินถูกปิดสนิทไม่สามารถเปิดได้ ต้องรอให้สามีผู้ตายกลับมาก่อน และต้องรอผลการตรวจทางนิติเวช ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังติดตามคนร้ายอย่างเร่งด่วน คาดว่าจะสามารถนำคนร้ายมาดำเนินคดีในเร็วๆ นี้
ที่มา>>>ข่าวสด

วันศุกร์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ฆ่าตัวพิสดาร! เสี่ยบริษัทส่งออกใช้เชือกฟางมัดมือ-เทปพันหัวดับปริศนา เรียกสอบญาติหาปมตาย

เมื่อเวลา 23.45 น. วันที่ 16 มิ.ย. พ.ต.ต.ฉัตรชัย คู่สันเทียะ สว.(สอบสวน) สน.สายไหม รับแจ้งเหตุฆ่าตัวตายภายในบ้านเลขที่ 555/96 หมู่บ้านบี-อเวนิว วัชรพล ถนนสุขาภิบาล 5 แขวงออเงิน เขตสายไหม กทม. รุดไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวช ร.พ.ภูมิพลอดุลยเดช  และมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุเป็นทาวน์เฮาส์ 4 ชั้น ปลูกติดเรียงกัน 6 คูหา เปิดเป็นบริษัทชื่อ รวยดีมีสุข จำกัด ประกอบกิจการออกแบบผลิตและจำหน่าย ส่งออก-นำเข้าเครื่องหนัง และบริษัท ทม เลิฟ อ้อ จำกัด ประกอบธุรกิจนำเข้า-ส่งออก เครื่องสำอาง อาหารเสริม ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับการประหยัดน้ำมันรถยนต์ และของใช้ส่วนตัว บริเวณชั้นที่ 4 แบ่งเป็นห้องพัก 2 ห้อง บนเตียงนอนของห้องพักห้องใหญ่ พบศพนายทองมา มหามาศภูมิ อายุ 44 ปี ประธานกรรมการชมรมรวยดีมีสุข สภาพนอนหงาย สวมเสื้อยืดแขนยาว สีดำ นุ่งกางเกงยีนส์ขายาว ใส่ถุงเท้า สีขาว บริเวณมือทั้งสองข้างถูกพันธนาการด้วยเชือกฟางติดอยู่กับโครงเหล็กหัวเตียง ที่บริเวณศรีษะจนถึงลำคอมีเทปกาวแบบใสขนาด 2 นิ้ว พันบริเวณโดยรอบเต็มทั่วใบหน้า จากการตรวจสอบภายในห้องพัก ไม่มีร่องรอยการต่อสู้หรือรื้อค้นนายทองมา มหามาศภูมิ  ขณะมีชีวิต
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า ผู้เสียชีวิตอาจเกิดความเครียดเรื่องปัญหาธุรกิจก่อนลงมือก่อเหตุสลดดังกล่าว หลังจากนี้จะเชิญญาติคนสนิทของผู้เสียชีวิตมาสอบสวนเพิ่มเติมเพื่อสรุปหาสาเหตุที่แท้จริง ก่อนนำศพส่งมอบให้ญาตินำไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนาต่อไป
ที่มา>>>ข่าวสด

สุดวุ่น!! รถไฟฟ้าบีทีเอสขัดข้อง คนติดค้างอื้อ จนท.เร่งแก้ไข

 เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 16 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเกิดเหตุรถไฟฟ้าบีทีเอสขัดข้องบริเวณสถานีรถไฟฟ้าสยาม เส้นทางมุ่งหน้าสถานีบางหว้า ไม่สามารถเดินทางได้เนื่องจากมีรถเสียขวางทางอยู่ จนเจ้าหน้าที่ต้องประกาศให้ผู้โดยสารไปเปลี่ยนรถที่สถานีราชดำริแทน สร้างความสับสนวุ่นวายในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน และปัญหาฝนตกถล่มกรุงครั้งใหญ่เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา ล่าสุดเจ้าหน้าที่เข้ามาลากรถที่เสียเข้าโรงซ่อมแล้ว และประกาศว่าอีก 30 นาที เหตุการณ์ถึงจะเป็นปกติ  นายอาณัติ อาภาภิรม ประธานกรรมการที่ปรึกษา บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอส เปิดเผยว่า เมื่อเวลาประมาณ 19.00 น. เกิดเหตุรถไฟฟ้าหยุดวิ่งบริเวณสถานีสีลม เนื่องจากตัวรถไม่สามารถรับกระแสไฟฟ้าจากรางได้ ทำให้ทางเจ้าหน้าที่ของบีทีเอสต้องขอความร่วมมือผู้โดยสารให้ลงจากรถไฟฟ้า จากนั้นได้นำรถขบวนใหม่เข้ามารับเพื่อขนส่งผู้โดยสารไปยังปลายทาง โดยเวลา 20.30 น. ได้แก้ไขปัญหาเรียบร้อยแล้ว
“ปัญหาลักษณะนี้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก ซึ่งที่ผ่านมามักจะพบว่าปัญหาเกิดจากไฟตก ไฟดับ แต่กรณีนี้เป็นปัญหาที่ตัวรถไฟฟ้าเสีย ไม่สามารถรับกระแสไฟจากรางได้ ขณะนี้ให้เจ้าหน้าที่ขับรถไปยังอู่ เพื่อตรวจสอบว่าเกิดจากสาเหตุอะไร ยืนยันว่าไม่เกี่ยวกับภาวะฝนตกแต่อย่างไร”นายอาณัติกล่าว
ที่มา>>>ข่าวสด