วันอังคารที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ทั้งลากทั้งดัน! หมูบ้านยักษ์ หนักเกือบ 100 กก. ตกคลองขึ้นไม่ได้

จนท.เร่งช่วยหมูบ้านยักษ์เพศเมีย หนักประมาณ 100 กก. ตกคลองที่สมุทรสาคร แล้วหาทางขึ้นเองไม่ได้ เพราะตามองไม่ค่อยเห็น-ประกอบกับน้ำหนักมาก คาด ออกมาตามหาเจ้าของที่ออกไปทำธุระนอกบ้าน
เมื่อเวลาประมาณ 16.30 น. ของวันที่ 30 พฤษภาคม 2559 ศูนย์วิทยุสถานีตำรวจภูธรกระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ได้รับแจ้งชาวบ้านขอความช่วยเหลือให้ช่วยลูกหมู ตกลงไปในคลอง ซอยหลังหมู่บ้านมาสุข ซอย 1 หมู่ที่ 7 ต.ท่าไม้ อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร จึงได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย อบต.ท่าไม้ ให้เข้าช่วยเหลือ ซึ่งก็ได้มีการจัดส่งกำลังประมาณ 5 นาย ไปที่เกิดเหตุพบเจ้า “งามแท้” หมูบ้านเพศเมีย สีดำ ขนาดใหญ่ น้ำหนักราวๆ 100 กิโลกรัม ลอยคออยู่ริมฝั่งคลองด้านหลังห้องเช่า ซึ่งเจ้าหน้าที่พยายามเรียกให้ว่ายน้ำข้ามมาอีกฝั่งหนึ่ง แต่ไม่เป็นผลในที่สุดต้องมีการนำเรือมาพายไปหาเจ้างามแท้ แล้วให้เจ้าหน้าที่ผูกเชือกเข้ากับลำตัวของงามแท้เพื่อที่จะได้ดึงข้ามฝั่งมา แต่ก็ไม่เป็นผลอยู่ดี เนื่องจากเจ้างามแท้ไม่คุ้นกลิ่น จึงพยายามดิ้นหนีและเข้าไปติดกับซอกไม้
ต่อมา ลุงแหยม เจ้าของที่เลี้ยงเจ้างามแท้ไว้ได้รีบมาที่เกิดเหตุ พร้อมกับตะโกนเรียกเจ้างามแท้ ซึ่งเจ้าหมูบ้าน(ยักษ์)ตัวนี้ ก็พยายามที่หันมาตามเสียงที่เรียก แต่เนื่องจากลำตัวเข้าไปติดกับซอกไม้จึงหันมาไม่ได้ สุดท้าย ลุงแหยม ก็ต้องลุยน้ำไปผูกเชือกที่ตัวของงามแท้ด้วยตัวเอง ซึ่งเจ้างามแท้ก็อยู่นิ่งให้ผูกแต่โดยดี เพราะคุ้นกับกลิ่นของลุงแหยม เสร็จแล้วเจ้าหน้าที่ อปพร.ท่าไม้ ก็ช่วยกันลากเจ้างามแท้ข้ามฝั่งมาได้เป็นผลสำเร็จ แต่กว่าจะขึ้นฝั่งได้ก็ต้องทั้งลากทั้งดันกันอย่างเต็มกำลัง เพราะเจ้างามแท้ ไม่ใช่หมูธรรมดาเลย แต่มันเป็นหมูยักษ์ที่ตัวใหญ่มากลุงแหยม บอกว่า เจ้างามแท้ตัวนี้ลุงกับลูกสาวได้ซื้อมาเมื่อ 2 ปีก่อน ตอนกลับไปเยี่ยมบ้านที่อำเภอบางแพ จังหวัดราชบุรี เพราะกำลังจะถูกนำไปฆ่า จึงขอซื้อมาในราคาตัวละ 2,000 บาท ซึ่งตอนนั้นยังเป็นเพียงแค่ลูกหมู ตัวไม่ใหญ่มากนัก แต่เมื่อนำมาเลี้ยงที่บ้านที่กระทุ่มแบน เจ้างามแท้ กลายเป็นหมูที่กินเก่งมาก จนตัวโตใหญ่ผิดปกติหมูทั่วไป เวลาเดินท้องห้อยแทบจะติดดิน ตาก็มองไม่ค่อยเห็นเพราะกินมากจนตัวอ้วนหน้าใหญ่ แก้มห้อย เปลือกตาลงมาปิดดวงตาแทบจะมิดเลย โดยปกติทุกวันลุงแหยม จะอยู่กับบ้านจึงทำให้เจ้างามแท้ไม่ออกไปไหนจะเดินอยู่แต่ในบริเวณบ้านเท่านั้น แต่วันนี้ลุงแหยมออกไปทำธุระนอกบ้าน ซึ่งเชื่อว่า เจ้างามแท้ น่าจะเดินตามกลิ่นของลุงแหยมออกมานอกบ้านจึงตกลงคลองก็เป็นไปได้ เพราะตอนเล็กๆ เจ้างามแท้ ก็เคยตกคลองมาแล้วครั้งหนึ่ง เนื่องจากเดินตามลุงแหยมที่ออกไปทำธุระนอกบ้านแบบนี้ แต่คราวนี้ตกลงคลองแล้วหาทางขึ้นมาเองไม่ได้ ก็น่าจะเป็นเพราะตาที่มองไม่ค่อยเห็น และตัวที่อ้วนใหญ่มากนั่นเอง
ที่มา>>>Thairath

งูเห่าก็มา! ตัวยาวกว่าเมตร เลื้อยเข้าบ้านตำรวจที่หนองคาย

งูเห่าขนาดความยาวกว่า 1 เมตร เลื้อยเข้าบ้านนายตำรวจเมืองหนองคาย ต้องปิดประตูขังไว้ ก่อนเรียกกู้ภัยมาช่วยจับ เตือนชาวบ้านระวังช่วงหน้าฝน งูออกหากินกบเขียดมากขึ้น …
เมื่อเวลาประมาณ 15.30 น. วันที่ 30 พ.ค.59 เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยประจักษ์หนองคาย ได้รับแจ้งจาก พ.ต.ท.ไตรเทพ ไตรยางค์ สว.(สส.) สภ.เมืองหนองคาย ว่า ที่บ้านเลขที่ 69 หมู่ 2 ต.หินโงม อ.เมือง จ.หนองคาย มีงูเข้าบ้าน ขณะนี้ขังไว้ในห้อง จึงได้นำอุปกรณ์จับงูพร้อมรุดไปตรวจสอบ
เมื่อไปถึง พบเป็นงูเห่าดงความยาวประมาณ 1 เมตร เลื้อยหาทางออกอยู่ในห้อง จึงได้ใช้อุปกรณ์จับงูคล้องออกมาถนนหน้าบ้าน แล้วนำใส่กระสอบที่เตรียมไว้ จากนั้นได้มัดปากกระสอบนำขึ้นรถไปส่งให้กับด่านตรวจสัตว์ป่าหนองคาย เพื่อคืนสู่ธรรมชาติต่อไปชาวบ้านที่มาดูการจับงูครั้งนี้บอกว่า ตั้งแต่ฝนเริ่มตกมาพบว่าช่วงนี้มีคนพบเห็นงูบ่อยขึ้น ชาวบ้านต้องระมัดระวังตัวกันมากขึ้น โดยเฉพาะงูเห่า ที่คาดว่าจะออกมาหาจับกบเขียดเป็นอาหาร ซึ่งช่วงเดียวกันของที่ผ่านมาก็พบว่าเข้าบ้านชาวบ้านหลายคน จึงต้องระมัดระวังตัวกันเป็นพิเศษในช่วงฤดูฝน.
ที่มา>>>Thairath

วันจันทร์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ผงะ! พบศพทารกเพศชาย ใส่ถุงพลาสติกลอยในคลอง จ.กำแพงเพชร

(ภาพจาก สภ.บึงสามัคคี)
ชาวบ้านผงะ พบศพทารกแรกเกิดเพศชาย สภาพรกสะดือติดอยู่กับศพยังไม่ถูกตัดออก ไม่ทราบสัญชาติ เสียชีวิตบรรจุถุงพลาสติกใสลอยอยู่ในคลองเหนือวัดทุ่งสนุ่น หมู่ 4 ต.ระหาน อ.บึงสามัคคี จ.กำแพงเพชร…
เมื่อวันที่ 29 พ.ค. 2559 พ.ต.อ.เอนก จันทร์ศร ผกก.สภ.บึงสามัคคี เปิดเผยว่า พนักงานสอบสวนเวรฯ ได้รับแจ้งเหตุ มีประชาชนแจ้งว่าพบศพทารกแรกเกิดเพศชาย สภาพรกสะดือติดอยู่กับศพยังไม่ถูกตัดออก ไม่ทราบสัญชาติ เสียชีวิตบรรจุถุงพลาสติกใสลอยอยู่ในคลองเหนือวัดทุ่งสนุ่น หมู่ 4 ต.ระหาน อ.บึงสามัคคี จ.กำแพงเพชร จึงไปพร้อมกับ ร.ต.อ.คณศร นักเรียนรอง สว.(สอบสวน) พนักงานสอบสวนเวรฯ พร้อมด้วยแพทย์โรงพยาบาลบึงสามัคคีศพทารกเพศชาย ใส่ถุงพลาสติก ที่กำแพงเพชร
ที่เกิดเหตุ พบศพทารกแรกเกิดเพศชาย คาดว่าน่าจะเสียชีวิตมาก่อน และนำศพทารกดังกล่าวมาโยนทิ้งในคลอง ซึ่งพนักงานสอบสวนฯ ได้นำศพดังกล่าวส่งแผนกนิติเวช โรงพยาบาลนเรศวร จังหวัดพิษณุโลก เพื่อผ่าตรวจพิสูจน์ลักษณะและเหตุของการตาย และจะได้ดำเนินการต่อไป
ที่มา>>>Thairath

ยังไม่ทราบชะตากรรม เด็กหญิงวัย 13 ปี ถูกหนุ่มใหญ่ลักพาตัว ที่ตราด

ความคืบหน้าคดีหนุ่มใหญ่ วัย 55 ปี ลักพาตัวเด็กหญิงอายุ 13 ปี หายข้ามคืน ก่อนมาพบศพหนุ่มใหญ่ใช้เชือกผูกคอตายข้างถนน ส่วนเด็กหญิงนั้น ยังไม่พบตัวและไม่ทราบชะตากรรม
ความคืบหน้าคดีที่ นายสมพงษ์ วงศ์ทอง อายุ 55 ปี ก่อเหตุหลอกพาตัว น้องเอ (นามสมมติ) อายุ 13 ปี มาจากโรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่ง ใน ต.วังกระแจะ อ.เมืองตราด เมื่อเช้าวันที่ 27 พ.ค. และหายไปข้ามคืน จนมาพบศพ นายสมพงษ์ วงศ์ทอง อายุ 55 ปี มาผูกคอเสียชีวิตติดกับต้นไม้ข้างทาง ถนนสายทุ่งไก่ดัก–โพรงตะเฆ่ ที่บริเวณบ้านเลขที่ 22/1 ม.4 บ้านทุ่งไก่ดัก ต.ท่ากุ่ม อ.เมือง จ.ตราด ส่วน น้องเอ นั้นยังไม่พบตัว และยังไม่ทราบชะตากรรมความคืบหน้า เมื่อเวลา 09.30 น. (29 พ.ค.) พ.ต.ท.จตุถรัตน์ รัตนไชยศรี รอง ผกก.สส.ภ.จว.ตราด นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ภ.จว.ตราด และสืบสวน สภ.เมืองตราด สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด อาสาสมัครสมาคมกู้ภัยบุญช่วยเหลือ จ.ตราด ผู้นำชุมชนหมู่บ้าน รวมกว่า 100 คน เข้าทำการค้นหาน้องเอ ที่ถูก นายสมพงษ์ อายุ 55 ปี พาตัวมาตั้งแต่เช้าวันที่ 27 พ.ค. ล่าสุด เจ้าหน้าที่ได้ติดตามเก็บภาพตามกล้องวงจรปิดต่างๆ จนทราบว่า นายสมพงษ์ ได้ใช้รถยนต์กระบะยี่ห้อ ฟอร์ด เรนเจอร์ สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน บฉ 8654 ตราด ไปรับ น้องเอ อายุ 13 ปี มาจากโรงเรียน ด้านท้ายกระบะได้บรรทุกรถจักรยานสีชมพูซึ่งเป็นของ น้องเอ มาด้วย โดยได้ขับผ่านเลี้ยวขวาบริเวณสี่แยกทุ่งไก่ดัก ม.1 ต.ท่ากุ่ม เมื่อช่วงเวลาประมาณ 09.45 น. ของวันที่ 27 พ.ค. มีทิศทางมุ่งหน้าไปทาง ม.7 ต.ท่ากุ่ม อ.เมืองตราด ซึ่งเป็นทางเดียวกับเส้นทางที่จะไปสวนยางพาราของ นายสมพงษ์ ก่อนจะขับกลับออกมา ช่วงเวลาประมาณ 11.07 น. ของวันเดียวกัน และมีทิศทางมุ่งหน้าไปทางวัดทุ่งไก่ดัก
ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้กระจายกำลังค้นหาทั้งบริเวณสวนยางพาราของ นายสมพงษ์ เจ้าหน้าที่บางส่วนได้ออกค้นหาตามเส้นทางต่างๆ ทั้ง ม.7 และ ม.4 ที่คาดว่า นายสมพงษ์ จะใช้เป็นเส้นทางเดินทางนำรถยนต์ไปเข้าซ่อมที่อู่แห่งหนึ่ง ข้างวัดวิเวกวราราม เขตเทศบาลท่าพริกเนินทราย อ.เมืองตราด โดยได้ตรวจดูตามคลอง แหล่งน้ำทุกแห่งตลอดทั้งวัน แต่ก็ยังไร้วี่แววเบื้องต้น พ.ต.ท.จตุถรัตน์ รัตนไชยศรี รอง ผกก.สส.ภ.จว.ตราด ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.เมืองตราด ได้ติดตามเก็บภาพจากกล้องวงจรปิดทุกแห่งจากโรงเรียน จนมาถึงสวนยางพาราของนายสมพงษ์ เพื่อหาเส้นทางที่แท้จริง เนื่องจากระยะเวลาที่ นายสมพงษ์ ไปหลอกรับ น้องเอ ที่โรงเรียน จนมาพบเห็นรถยนต์ของนายสมพงษ์ ในกล้องวงจรปิดที่สี่แยกทุ่งไก่ดักนั้น มีระยะเวลาห่างนานกว่า 2 ชม. ซึ่งคาดว่า นายสมพงษ์ อาจจะไปแวะที่อื่นก่อนจะเดินทางมาสวนยางพารา
นอกจากนี้ บริเวณสวนยางพาราของนายสมพงษ์ ที่มีเศษอาหารเฟรนช์ฟรายด์ตกอยู่ พร้อมแก้วน้ำบริเวณหน้าขนำ เจ้าหน้าที่คาดว่า นายสมพงษ์ น่าจะนำรถยนต์เข้ามาทำความสะอาดกวาดเศษอาหารที่ตกอยู่ในรถยนต์ออก ขณะที่ ภายในรถยนต์ยังมีคราบดินที่เบาะคนนั่ง ซึ่งอาจจะเป็นไปได้ที่นายสมพงษ์ อาจจะไปแวะลงมือทำอะไรสักอย่างกับน้องเอ ที่ไหนสักแห่ง ก่อนจะนำรถยนต์มาทำความสะอาดที่สวนยางพารา ซึ่งเจ้าหน้าที่ยังคงจะทำการติดตามสืบหา ต่อไป.
ที่มา>>>Thairath

วันศุกร์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

สลด! ผัวกลับมาบ้าน พบเมียผูกคอกับลูกบิดประตูดับ คาดเครียดป่วย

สลด! ผัวกลับมาบ้านพบเมียผูกคอกับลูกบิดประตูดับ ที่ห้องพักแห่งหนึ่ง จ.อุตรดิตถ์ คาดสาเหตุเครียดป่วย ต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาล
เมื่อเวลา 19.30 น. วันที่ 26 พ.ค. ขณะที่ พ.ต.ต.รัชตะ สร้อยเพชร พนักงานสอบสวน สภ.เมืองอุตรดิตถ์ กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่บนโรงพัก ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า มีคนผูกคอเสียชีวิตที่หอพักแห่งหนึ่ง ถ.สมานมิตร ต.ท่าอิฐ อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์
หลังจากรับแจ้งแล้ว จึงรีบเดินทางไปยังที่เกิดเหตุ พร้อม พ.ต.อ.คิรี เกียรติสาร รอง ผบก. รักษาราชการแทน ผกก. พร้อมทั้งประสานกับสมาคมกู้ภัยวัดหมอนไม้ ร่วมกับ แพทย์หญิงปรมาภรณ์ เหลืองประเสริฐ แพทย์เวรโรงพยาบาลอุตรดิตถ์
ที่เกิดเหตุ เป็นห้องแถวสองชั้น ชั้นล่างห้องที่ 1 เจ้าหน้ากู้ภัยวัดหมอนไม้และเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจช่วยกันดันประตูห้องให้เปิดเข้าไป พบว่ามีร่างของหญิงสาวสภาพศพสวมเสื้อยืดสีขาว สวมแต่กางเกงในสีชมพู มีผ้าผูกคอสีดำผูกติดกับลูกบิดประตูห้องข้างตัว มีซองยาลดไขมันและยาแก้ปวดของโรงพยาบาลอุตรดิตถ์ ซึ่งเป็นของผู้ตายทราบชื่อภายหลัง น.ส.เขมพร สายยิ้ม อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 5 หมู่ที่ 4 ต.ตลุกกลางทุ่ง อ.เมืองตาก จ.ตากจนท.เข้าตรวจหลักฐาน ที่เกิดเหตุ หญิงสาวผูกคอตายกับลูกบิดประตูห้อง
นอกจากนี้ จากการตรวจสอบภายในกระเป๋าสตางค์ของผู้ตาย พบเงินสด 3,200 บาทสร้อยคอทองคำพร้อมพระเลี่ยมทอง 1 องค์ น้ำหนักประมาณ 1 บาท เจ้าหน้าที่ได้ถ่ายรูปบันทึกเก็บไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบสวน นายภูวดล อินจำนงค์ อายุ 38 ปี ซึ่งเป็นสามีของผู้ตาย ให้การว่าผู้ตายมีอาชีพค้าขายอยู่ที่หน้ามหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ ตอนนี้ผู้ตายป่วยต้องไปหาหมอรักษาที่โรงพยาบาลอุตรดิตถ์เป็นประจำ ช่วงเช้าวันเกิดเหตุตนเองให้ผู้ตายนอนพักผ่อนในห้องพัก ได้ซื้อข้าวและข้าวเหนียวมะม่วงมาให้ผู้ตายไว้กิน ส่วนตนเองได้ออกไปทำงานตั้งแต่เช้าจนกระทั่งกลับมาที่ห้องพัก พยาบาลจะเปิดประตูเข้าไปแต่ก็เข้าไปไม่ได้ จึงได้ออกมาดูที่หน้าต่าง พบว่าผู้ตายได้ผูกคอกับลูกบิดประตูเสียชีวิตแล้ว
ที่มา>>>Thairath

หนุ่มใหญ่ถูกไล่ออกจากหมู่บ้าน-เมียขอหย่า หลังติดเชื้อเอชไอวี ผ่านไป8ปีพบผลตรวจผิดพลาด

เว็บไซต์ เซี่ยงไฮ้อิสต์ ของจีนนำเรื่องราวของ นายหยาง โฉวฝา เกษตรกรชาวจีนวัย 53 ปี ซึ่งมีชีวิตอยู่อย่างทุกข์ทรมานเป็นเวลานานหลังเข้ารับการตรวจเลือดที่ศูนย์ควบคุมโรคเฉินปิง มณฑลเหอหนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อปี 2547 และพบว่าติดเชื้อเอชไอวี  รายงานข่าวระบุว่า นายหยางเข้ารับการตรวจพร้อมผู้ป่วยรายอื่นอีก 280,000 คน เมื่อปี 2547 และผลตรวจเลือดออกมาเป็นบวก อย่างไรก็ตาม ในปี 2555 หยางได้เข้ารับรักษาตัวที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งหลังมีโรคร้ายสารพัดรุมเร้า และแพทย์วินิจฉัยว่านายหยางไม่ได้ติดเชื้อเอชไอวีแต่อย่างใด ทำให้ตอนนี้นายหยาง กำลังหาทางเรียกเงินชดเชยค่าเสียหายจำนวน 2 ล้านหยวน หรือราว 10.9 ล้านบาทโดยหลังจากแพทย์โรงพยายาลยืนยันว่า ผลตรวจผิดพลาดในปี 2555 ทางศูนย์ควบคุมโรคได้ทำการตรวจตัวอย่างเลือดของนายหยางที่เก็บไว้เมื่อปี 2547 อีกครั้ง และยืนยันตามเดิมว่าติดเชื้อเอชไอวี ซึ่งเรื่องนี้นายวู่ จ้าวฝาง รองผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมโรคของมลรัฐเฉินปิง เชื่อว่าอาจมีการผสมกันของเลือดตัวอย่าง “อุปกรณ์ทดสอบไม่ได้เสียหาย ฉะนั้นแล้ว อาจมีบางคนนำเลือดของผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายอื่นไปผสมตัวอย่างเลือดของนายหยาง”
ขณะที่นายหยาง ซึ่งเคยขายเลือดในตลาดมืดเมื่อ 2535 เชื่อว่าตอนนั้นผลตรวจเลือดถูกต้อง และรู้สึกกลัวมาก “ผมเคยบริจาคเลือดครั้งหนึ่งแล้วรู้สึกเป็นไข้หลายครั้ง ดังนั้นเมื่อเจ้าหน้าที่ศูนย์ควบคุมโรคเฉินปิงบอกว่าผมเป็นเอดส์  ก็เชื่อสนิทใจ และคิดว่าคงเป็นชะตากรรมที่ถูกกำหนดไว้แล้ว” นายหยางกล่าว และว่า ถึงแม้ว่าผลตรวจเลือดรายปีจะแสดงให้เห็นว่า เซลล์ CD4 T สูงกว่าผู้ป่วยรายอื่น แต่ทั้งนายหยางและแพทย์ยังเชื่อว่า ผลตรวจเลือดเมื่อปี 2547 นั้นถูกต้องจริงๆ
นายหยางเผยอีกว่า ตนรู้สึกเหมือนนักโทษที่รอความตาย ความผิดพลาดดังกล่าวทำให้ตนได้รับผลกระทบรอบด้าน ชาวบ้านเนรเทศออกจากหมู่บ้าน และภรรยาขอหย่าขาด ตนจึงต้องพลัดพรากลูกๆ 3 คน ทั้งนี้ ผู้ติดเชื้อเอดส์และเอชไอวียังถูกตราหน้าเป็นมลทินทางสังคมอยู่
ที่มา>>>ข่าวสด

วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

มือปราบแชร์ยูฟัน! สานฝันขายอาหารปักษ์ใต้ มีวันนี้ได้จาก น้ำพักน้ำแรง

ผู้กำกับยอดนักสืบ! ‘ตำนานสืบสวนนครบาลเหนือ’ เมื่อ 20 กว่าปีก่อน ล่าสุดบุกทลายเครือข่ายแชร์ลูกโซ่ยูฟัน สานฝันเปิดร้านอาหารปักษ์ใต้ “เพชรพนมวัง” มีวันนี้ได้เพราะ น้ำพักน้ำแรง นำรายได้ขายอาหาร ขับเคลื่อนครอบครัวเหมือนคนทั่วไป
อดีตผู้หมวดหนุ่มไฟแรง ‘ร้อยตำรวจโท’ ประจำสืบสวนนครบาลเหนือ เมื่อเกือบ 30 ปีที่แล้ว ยุคเดียวกับ ร้อยตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา รองสารวัตรสืบสวนนครบาลเหนือในขณะนั้น ปัจจุบัน ติดยศ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีอำนาจคุมบังเหียน เหล่าพลพรรคสีกากีทั่วประเทศ
พ.ต.อ.พิรพล อัจกลับ หรือ ‘ผู้กำกับเอ’ หนุ่มเมืองใต้ จ.ชุมพร เติบโตในตำแหน่งด้านงานสืบสวนมาเกือบตลอดชีวิตราชการ จับคดีดังในเขตพื้นที่กองบัญชาการตำรวจนครบาลนับไม่ถ้วน โด่งดังกับผลงานกวาดล้างทลายเครือข่ายแชร์ลูกโซ่ยูฟัน อีกมุมหนึ่งที่บุคคลภายนอก อาจไม่เคยได้สัมผัส ‘ผู้กำกับเอ’ รักการทำอาหารเป็นชีวิตจิตใจ โดยเฉพาะ ‘อาหารปักษ์ใต้’ สูตรลับเฉพาะอร่อยเหาะ จนต้องเปิดร้านเป็นเรื่องเป็นราว ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากภรรยาและลูกๆ จุดศูนย์รวม ร่วมกิจกรรมสร้างรายได้จึงเริ่มต้นขึ้น ณ ร้านอาหารแห่งนี้ 
งานในหน้าที่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์
ฝันที่เป็นจริง มีวันนี้ เพราะน้ำพัก – น้ำแรง ตัวเอง
‘ผู้กำกับเอ’ เล่าให้ฟังว่า ตั้งแต่เล็กจนโต ตัวเขาเองเป็นคนชอบทำอาหารรับประทานเองที่บ้าน ไม่เคยได้ไปเรียนทำอาหารจากที่ไหน ฝึกฝนทำเอง สูตรตัวเอง ไม่เลียนแบบใคร กระทั่งเริ่มมาสอบเป็นตำรวจ ก็ยังไม่ทิ้งการทำอาหารปักษ์ใต้ เพื่อนสนิทที่เป็นตำรวจหลายๆนาย เคยได้ลิ้มลองมาแล้ว แถมพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ถ้าเขาเปิดร้านอาหารปักษ์ใต้ ลูกค้าคงแน่นร้านทุกวัน
“ถ้าผมไม่เป็นตำรวจ ผมก็คงเปิดร้านอาหารเป็นงานหลัก รับหน้าที่เป็นพ่อครัวทำกับข้าวคิดเมนูใหม่ๆ ให้ลูกๆ ช่วยกันเสิร์ฟอาหาร ส่วนภรรยาเก็บเงิน แต่เมื่อผมเลือกที่จะมาเป็นตำรวจ ความฝันในการเปิดร้านอาหารจึงดับวูบไป เพราะงานในหน้าที่ต้องเคลื่อนไหวตัวอยู่ตลอดแวบไปไหนไม่ได้ ไม่มีเวลาเป็นส่วนตัว พักเวรก็ต้องตามสืบตามจับให้คดีเสร็จสิ้น ที่สำคัญตำรวจเงินเดือนน้อยมาก ลำพังเงินเดือนใช้จ่ายยังไม่ค่อยจะพอ คงไม่มีทุนก้อนโตมาเปิดร้านอาหารบรรยากาศดีๆ เป็นเรื่องเป็นราว” มือปราบยูฟันกล่าว
‘ผู้กำกับเอ’ เล่าต่อว่า ยุคสมัยที่ได้ติดตาม พล.ต.ท.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น อดีตผู้ช่วย ผบ.ตร. เริ่มต้นตั้งแต่เมื่อสิบกว่าปีก่อน ช่วยทำงานจับกุมคดีสำคัญหลายคดี อีกทั้งยังเป็นตำรวจรุ่นพี่ เป็นเจ้านายที่รักและเคารพมาก เมื่อไหร่ที่ว่าง จะขออาสาลงมือเข้าครัวทำกับข้าวให้รับประทาน แสดงฝีไม้ลายมือจนสุดความสามารถ เพราะอยากให้ผู้บังคับบัญชาชื่นชม ตอนนั้นคิดเพียงว่า ถ้าได้รับประทานฝีมือเรามื้อแรกแล้ว หวังให้ท่านร้องขอให้เราทำอาหารให้รับประทานอีกเป็นครั้งที่สอง สุดท้ายแล้วก็ได้ทำนับครั้งไม่ถ้วน เพราะว่ามันอร่อยจริงๆ พล.ต.ท.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น อดีตผู้ช่วย ผบ.ตร. ผู้ใหญ่ในวงการตำรวจ ที่ผู้กำกับเอ มีความเคารพรัก
หมูสับก้อนทอด
“ต่อมางานในราชการตำรวจของผมก็เติบโตขึ้นตามผลงาน การสืบสวนจับกุมเป็นไปตามเป้า เมื่อครบกำหนดก็ได้เลื่อนขั้นตามลำดับความเหมาะสม แต่ในใจคิดมาตลอดว่า ถ้าวันหนึ่งผมมีความพร้อมเพียงพอ ผมจะเปิดร้านอาหารปักษ์ใต้อย่างที่ใฝ่ฝันไว้ให้ได้ ผมไม่เคยทิ้งความฝัน จนกระทั่งไม่นานมานี้เอง ฝันมาหลายสิบปี สุดท้ายผมตัดสินใจเปิดร้านอาหารปักษ์ใต้ บรรยากาศสบายๆ อยากให้ลูกค้าได้มานั่งได้เรื่อยๆ ไม่ต้องรีบกินรีบกลับเหมือนเปิดร้านขายข้าวราดแกง นอกจากนี้ยังเปิดมุมกาแฟเล็กๆ ไว้ต้อนรับคอกาแฟ นั่งจิบเพลินๆ ใช้ชีวิต สโลว์ไลฟ์” มือปราบยูฟัน กล่าว
‘ผู้กำกับเอ’ เล่าต่อว่า เขาเองตัดสินใจที่จะเปิดร้านในพื้นที่กรุงเทพฯ เนื่องจากลูกๆ ทั้ง 3 คน และภรรยา พักอาศัยอยู่กรุงเทพฯ ส่วนตัวเขาเป็นตำรวจ ไม่มีความแน่นอนในชีวิต ถูกย้ายไปรับราชการจังหวัดไหนก็ต้องย้ายไปเรื่อยๆ ดังนั้นจึงตัดสินใจปักหลักเลือกสถานที่ กลางซอยโชคชัยร่วมมิตร วิภาวดี 16 หรือเข้าทางถนนรัชดาฯ ซอย 19 เข้าได้ 2 ทาง ดูทำเลที่ตั้งเลือกสถานที่ที่มีลานจอดรถรองรับลูกค้า ตกแต่งร้านให้น่านั่ง ห้องน้ำห้องท่าสะอาดเอี่ยม สร้างความประทับใจให้ลูกค้าอยากจะมาใช้บริการอีก
“นอกจากผมจะใช้รสชาติอาหารปักษ์ใต้อร่อยเหาะ ดึงดูดใจลูกค้ามาเป็นขาประจำแล้ว ผมยังต้องสร้างความประทับใจด้านอื่นๆ ด้วยครับ ถือเป็นหน้าตาอย่างหนึ่งของผู้ประกอบการร้านค้า ส่วนอาหารมีทุกอย่างที่เป็นอาหารใต้ แกงใต้ ลูกค้าสั่งได้เลย จะเอารสชาติเผ็ดหรือ หวานเค็มอย่างไร แต่ถ้าไม่ระบุ ผมก็จะทำตามสูตรของทางร้านเสิร์ฟให้ ที่สำคัญผมถ่ายทอดวิชาความรู้เรื่องการทำอาหารให้ภรรยา และลูกจ้างไว้หมดแล้ว อร่อยเหาะเหมือนกันทุกจาน แต่ถ้าเมื่อไหร่ผมพักเวร แล้วได้กลับมากรุงเทพฯ ผมก็จะลงมือเข้าครัวเองแบบไม่รีรอ” ผู้กำกับเอ กล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแกงปักษ์ใต้น่าหรอยจังฮู้
ไม่รวยเหมือนใคร แต่ชีวิตครอบครัวประสบความสำเร็จ
พ.ต.อ.พิรพล อัจกลับ ยังได้ฝากทิ้งท้ายถึงท่านผู้อ่าน ‘ไทยรัฐออนไลน์’ อีกด้วยว่า “อาชีพตำรวจไม่มีวันรวย แต่ที่ผมมาเป็นตำรวจไม่ได้อยากรวยเพราะอาชีพนี้ ผมแค่อยากรับใช้ประชาชนอุทิศตัวเพื่อส่วนรวม ช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อนด้วยความจริงใจ การได้ช่วยเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ถือเป็นกุศลที่สุดแล้วในชีวิตผม ส่วนความฝันในการเปิดร้านอาหาร คือกำไรชีวิต ที่ผลักดันให้ผมและคนในครอบครัว ได้ขับเคลื่อนไปตามวิถีชีวิตมนุษย์ทั่วไป เก็บเงินจากรายได้ ส่งลูกๆ เรียนหนังสือให้สูงที่สุด สร้างครอบครัวให้มั่นคงเพื่ออนาคตของลูกๆ ต่อไป
ไม่ธรรมดาเลยนะคะ ‘ผู้กำกับมือปราบแชร์ลูกโซ่ยูฟัน’ ประสบความสำเร็จทั้งงานราชการ อีกทั้งยังเปิดร้านอาหารปักษ์ใต้สานฝันจนสำเร็จ ใครอยากจะลิ้มลองรสชาติอาหารปักษ์ใต้ ที่เจ้าของร้านโปรโมตว่า “อร่อยเหาะด้วยสูตรลับเฉพาะไม่เหมือนใคร” ว่างๆ แวะไปอุดหนุนกันได้ที่ร้าน “เพชรพนมวัง” เปิดบริการตั้งแต่ 08.00 – 23.00 น. เปิดทุกวัน อยู่กลางซอยโชคชัยร่วมมิตร ถนนวิภาวดีซอย 16 หรือ เข้าทาง ถนนรัชดาฯ ซอย 19 (เข้าได้ 2 ทาง) นอกจากนี้ลูกค้าท่านใดที่ได้ไปใช้บริการ อย่าลืมบอกด้วยว่า ติดตามมาจากเว็บ “ไทยรัฐออนไลน์” เจ้าของร้านจะมอบส่วนลดพิเศษให้ทันที แบบไม่ต้องรอโปรโมชั่นใดๆ พ.ต.อ.พิรพล อัจกลับ หรือ ‘ผู้กำกับเอ’
ถ่ายกับน้องมิ้นท์ ลูกสาวคนสวย
ผู้กำกับเอ กับภรรยาคู่บุญ ช่วยกันสร้างฐานะ เปิดร้านอาหารปักษ์ใต้
งานในหน้าที่
อีกหนึ่งเมนูขึ้นชื่อของร้าน
ที่มา>>>Thairath

เปิดใจ ‘หมอเคน’ ทันตแพทย์สวมชุดซุปเปอร์ฮีโร่ทำฟัน ขวัญใจเด็กภูเก็ต

“หมอเคน” ทันตแพทย์สวมชุดซุปเปอร์ฮีโร่ ขวัญใจเด็กภูเก็ต เปิดใจ ชอบซุปเปอร์ฮีโร่จึงซื้อชุดสะสม ก่อนเกิดความคิดสวมชุดขณะทำฟัน ปลื้ม เป็นผลดี ทำให้เด็กไม่กลัวการทำฟัน
เมื่อวันที่ 25 พ.ค. 59 ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์ ได้เดินทางไปสัมภาษณ์ ทพ.เสถียร สุรวิศาลกุล หรือ หมอเคน ทันตแพทย์หนุ่มวัย 34 ปี ซึ่งรับราชการอยู่ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต และเปิดคลินิกทันตกรรมใน อ.เมืองภูเก็ต หลังกำลังโด่งดังในโลกโซเชียลมีเดีย โดยมีการแชร์ภาพ หมอเคน อยู่ในชุดซุปเปอร์ฮีโร่ขณะทำฟันให้กับเด็กๆ ทำให้เด็กที่มาทำฟันรู้สึกสนุกสนาน และไม่กลัวการทำฟัน“หมอเคน” ทันตแพทย์สวมชุดซุปเปอร์ฮีโร่ ขวัญใจเด็กภูเก็ต
ทั้งนี้ หมอเคน เล่าให้ฟังถึงที่มาที่ไปของการแต่งชุดซุปเปอร์ฮีโร่ขณะทำฟันให้กับเด็กๆ ว่า ก่อนที่จะมาเปิดคลินิกเป็นของตัวเอง ส่วนตัวชอบซุปเปอร์ฮีโร่อยู่แล้ว จึงเริ่มสะสมชุดต่างๆ จากนั้นลองนำมาใส่ทำฟันให้เด็ก ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างมาก สิ่งที่ได้คือเด็กๆ ไม่กลัวเครื่องมือทำฟันและเริ่มรู้สึกสนุก มีส่วนร่วมกับกิจกรรม และไม่ร้องไห้กันอีกเลย ปัจจุบันสะสมชุดซุปเปอร์ฮีโร่ต่างๆ ไว้กว่า 10 ชุดแล้ว และกำลังจะมีชุดใหม่อีก เช่น กัปตันอเมริกา และอื่นๆ อีกหลายชุด เนื่องจากเด็กๆ เรียกร้อง
โดยคลินิกเป็นอาคารพาณิชย์ขนาด 2 คูหา สูง 4 ชั้น ด้านหน้าทำป้ายชื่อร้านสีสันสดใด ภายในทำสีให้ดูสบายตา มีการจัดมุมเครื่องเล่นและที่นั่งไว้คอยต้อนรับเด็กๆ และผู้ปกครองอย่างเป็นกันเอง ที่ผนังจะมีภาพของ หมอเคน และเด็กๆ ที่มาทำฟัน ซึ่งส่วนใหญ่ หมอเคน จะสวมชุดซุปเปอร์ฮีโร่ อาทิ ซุปเปอร์แมน และเด็กๆ ที่มารอทำฟันต่างพากันเกาะผ้าแดงของซุปเปอร์แมน ตามกันเป็นขบวนไปยังห้องทำฟันที่บริเวณชั้นลอย
ขณะที่ในห้องทำฟันมีตุ๊กตานานาชนิด ประกอบกับสีสันสบายตาของห้อง ทำให้ความน่ากลัวของอุปกรณ์ หรือเครื่องมือทำฟันหายไปอย่างสิ้นเชิง เด็กๆ กล้าที่จะก้าวขึ้นไปบนเตียงทำฟันด้วยใบหน้ายิ้มแย้มและไม่มีเสียงร้องไห้ อีกทั้งตลอดเวลาที่ หมอเคน ทำฟันก็จะพูดคุยเรื่องราวต่างๆ ให้ฟังพร้อมกับปลอบประโลมเพื่อไม่ให้เด็กหวาดกลัวเครื่องมือ หรือเสียงของอุปกรณ์ต่างๆ สร้างความโล่งอกให้กับพ่อแม่หรือผู้ปกครองหมอฟันสวมชุดซุปเปอร์ฮีโร่ ขณะทำฟัน ปลื้ม บอกเป็นผลดี ทำให้เด็กไม่กลัวการทำฟัน
ด้านมารดาของเด็กที่มารอทำฟันรายหนึ่ง เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาลูกสาวกลัวการเข้าคลินิกทำฟันมากเนื่องจากกลัวเครื่องมือ แต่เมื่อลองมาที่คลินิกหมอเคน สิ่งแรกที่ทำให้ลูกสาวไม่กลัวคือบรรยากาศภายในคลินิก และยิ่งเห็นหมอแต่งชุดซุปเปอร์ฮีโร่ ทำให้ลูกสาวไม่ร้องไห้และไม่กลัวเครื่องมืออีกเลย ประกอบกับหมอคุยเก่ง ทำให้ลูกสาวไม่กลัวการทำฟันอีกแล้ว.
ที่มา>>>Thairath

วันพุธที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ช็อค! หนุ่มเลี้ยง”ฝาแฝดปรสิต”ในท้องนาน 15 ปี สุดท้ายต้องผ่าออก มีหัว-อวัยวะเพศ

เว็บไซต์ malaysiandigest รายงานเหตุสุดช็อค ซึ่งเกิดขึ้นในเมืองสุไหงปัตตานี รัฐเกดะห์ ประเทศมาเลเซีย โดยนายชาริล หนุ่มวัย 15 ปี ต้องเข้ารับการผ่าตัดออกที่โรงพยาบาล หลังพบฝาแฝดปรสิตในช่องท้อง ซึ่งเป็นสาเหตุให้นายชาริลปวดท้องมาโดยตลอดและหน้าท้องกลมผิดปกติขณะที่แพทย์ผ่าตัดแล้วต้องตกใจเมื่อพบก้อนเนื้อเยื่อแฝดปรสิตที่มีเส้นผม แขนขาและอวัยวะเพศเกือบสมบูรณ์ ซึ่งนำออกจากร่างกายนายชาริลอย่างปลอดภัย เคสดังกล่าวเกิดขึ้นครั้งแรกที่มีรายงานในมาเลเซีย
รายงานระบุว่า นายชาริลเติบโตเหมือนกับเด็กคนอื่นๆ โดยปราศจากภาวะแรกซ้อนใดๆ แล้วยมีความต้องการรับประทานอาหารในปริมาณมาก จนกระทั่งเขาเคยพูดว่า “ผมจำเป็นต้องให้อาหารกับลูกในท้อง” อย่างไรก็ตาม เมื่อนายชาริลเข้าโรงเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย หน้าท้องมีลักษณะกลมผิดปกติ ต่อมาเมื่อเดือนที่แล้ว เขารู้สึกปวดท้องอย่างหนัก ครอบครัวจึงนำส่งโรงพยาบาล ก่อบทราบสาเหตุที่แท้จริง ทั้งนี้ อาการดังกล่าวเกิดขึ้นเพียง 1 ใน 500,000 ครั้ง ของอัตราการเกิด
สำหรับแฝดปรสิต (Parasitic Twin) หรือแฝดกาฝาก เป็นแฝดที่มีวิวัฒนาการไม่สมบูรณ์ เมื่อตัวอ่อนของอีกแฝดหยุดการพัฒนาและตายไป แต่บางส่วนกลับเชื่อมต่อกับแฝดอีกคนที่อยู่รอด ซึ่งชิ้นส่วนของแฝดปรสิตนี้สามารถเติบโตใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ โดยอาศัยเลือดของแฝดที่มีชีวิต ก่อนหน้านี้ มีกรณีของนายนเรนทรา กุมาร์ อายุ 18 ปี ชาวรัฐอุตตรประเทศ อินเดีย มีอาการปวดท้องและอาเจียนอย่างหนัก โดยแพทย์ได้ช่วยกันผ่าตัดเอาแฝดปรสิตที่อยู่ในร่างของเขาตั้งแต่เกิดออก เพราะคาดว่าก้อนกระดูกประหลาดนี้จะเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาปวดท้อง และจากการผ่าตัดแล้วเสร็จพบว่าร่างดังกล่าวมีลักษณะ เป็นกะโหลกที่เจริญผิดรูปร่างหนัก 2.5 กิโลกรัม ยาว 20 เซนติเมตร มีกระดูกสันหลัง ฟัน และเส้นผมซึ่งยาวถึง 2 เมตร
ที่มา>>>ข่าวสด

บุกช่วย 2 ด.ช. ถูกหนุ่มยุ่นลวงตุ๋ย คาเกสต์เฮาส์เชียงใหม่

เจ้าหน้าที่ดีเอสไอร่วมกับตำรวจเชียงใหม่ บุกเข้าช่วยเหลือ 2 เด็กชาย หลังถูกชาวญี่ปุ่นลวงมาตุ๋ยคาห้องพักเกสต์เฮาส์กลางเมือง อายัดคอมพ์สอบ หลังพบพฤติการณ์ ถ่ายคลิปและภาพไว้ ไปแชร์ในสังคมออนไลน์หมู่เกย์ที่ญี่ปุ่น
วันที่ 25 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ร่วมกับตำรวจหน่วยสืบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงใหม่ ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ตำรวจท่องเที่ยวเชียงใหม่ นำกำลังพร้อมกับหมายศาลจังหวัดเชียงใหม่ เข้าตรวจค้นที่ห้องพักหมายเลข 103 เกสต์เฮาส์แห่งหนึ่ง ถนนสุริยะวงศ์ ต.หายยา กลางเมืองเชียงใหม่ โดยที่เจ้าของห้องพักเป็นนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่น
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าไปเคาะห้องแบบไม่ทันตั้งตัว เมื่อเจ้าของห้องเปิดประตู ตำรวจจึงเข้าชาร์จจับกุม พบเด็กชาย 2 คน อายุ 12 และ 14 ปี นอนเปลือยกายหลับอยู่ในห้องพัก เจ้าหน้าที่จึงช่วยออกมา พร้อมกับตรวจค้นในห้องพัก และจับกุมตัว นายมัตสึบาระ เทรุอากิ อายุ 49 ปี พร้อมกับแจ้งหมายจับของศาลจังหวัดเชียงใหม่ให้ทราบในฐานความผิด กระทำชำเราเด็ก อายุ ไม่เกิน 13 ปี ซึ่งไม่ใช่สามีภรรยาของตน โดยที่เด็กจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม และกระทำอนาจารกับเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี โดยที่เด็กจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม และบังคับยุยงส่งเสริมให้เด็กแสดงหรือกระทำการมีลักษณะลามกอนาจารเจ้าหน้าที่บุกค้นภายในห้องพัก
จากนั้นตำรวจได้ประสาน ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจอายัดเครื่องคอมพิวเตอร์และตรวจสอบหากลักฐาน เก็บดีเอ็นเอ คราบอสุจิบนผ้าปูที่นอน อย่างไรก็ตามขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจค้นของเจ้าหน้าที่
เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงใหม่ เผยว่า ก่อนหน้านั้น มีเจ้าหน้าที่ดีเอสไอได้รับการประสานจากตำรวจสากลประเทศญี่ปุ่น ว่านักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นลวงเด็กชายมาละเมิดทางเพศ และมีการถ่ายคลิปและภาพไปแชร์ในสังคมออนไลน์หมู่เกย์ในประเทศญี่ปุ่น ทางดีเอสไอจึงมาประสานกับตำรวจเจ้าของพื้นที่ รวบรวมพยานหลักฐาน ขออนุมัติศาลจังหวัดเชียงใหม่ออกหมายค้น และหมายจับ จนสามารถเข้าเข้าไปช่วยเหลือเด็กชายสองคนออกมาได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ดีเอสไอจะได้ทำการแถลงข่าวอีกครั้ง.
ที่มา>>>Thairath

วันอังคารที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

สลด! ระเบิด 7 จุด ถล่มซีเรีย ใกล้ฐานทัพรัสเซีย ดับอนาถเกิน 100 ศพ

เกิดเหตุระเบิดสะเทือนขวัญถึง 7 จุด ที่ 2 เมืองในจังหวัด ลาตาเกีย ของซีเรีย ใกล้ฐานทัพรัสเซีย ดับอนาถกว่า 100 ศพ คนร้ายมีทั้งโจมตีด้วย คาร์บอมบ์ และมือระเบิดพลีชีพ
เมื่อวันที่ 23 พ.ค.59 สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน เกิดเหตุระเบิดร้ายแรงถึง 7 จุด ถล่มเป้าหมายหลายแห่งในเมืองชายฝั่งทะเล จาเบลห์ และตาร์ตูส จังหวัดลาตาเกีย ประเทศซีเรีย ใกล้กับที่ตั้งของฐานทัพรัสเซีย ทั้งฐานทัพอากาศไคมิม และฐานทัพเรือตาร์ตูสเมื่อวันที่ 23 พ.ค. เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน่าสะเทือนใจมากกว่า 100 ราย
เว็บไซต์ อาร์ที แจ้งว่า มีรายงานว่า เหตุระเบิด 3 จุดที่เมืองตาร์ตูส เกิดขึ้นบริเวณย่านที่อยู่อาศัยของประชาชน โดยเหตุระเบิดจุดหนึ่ง คนร้ายใช้การก่อเหตุโจมตีแบบคาร์บอมบ์ ด้วยการซุกซ่อนระเบิดไว้ในรถยนต์ ส่วนเหตุระเบิดอีกจุดหนึ่ง ใช้วิธีส่งมือระเบิดพลีชีพไปก่อเหตุเหตุระเบิดคาร์บอมบ์ ที่เมืองตาร์ตูส เมื่อ 23พ.ค.59
หลังเกิดเหตุระเบิดหลายจุดโจมตีเมืองจาเบลห์และตาร์ตูสไม่นานนัก กลุ่มนักรบญีฮัด ‘อาห์ราร์ อัช-ชาม อัล อิสลามิยา’ ออกมาอ้างความรับผิดชอบอยู่เบื้องหลังเหตุระเบิดที่เมืองจาเบลห์ และตาร์ตูส
เว็บไซต์ อาร์ทียังแจ้งด้วยว่า ทั้งเมืองจาเบลห์และตาร์ตูส อยู่ใกล้กับฐานที่ตั้งกองกำลังรัสเซียในซีเรีย ที่มาช่วยในปฏิบัติการปราบปรามกลุ่มกบฏต่อต้านรัฐบาลประธานาธิบดีบาชาร์ อัล อัสซาด โดยเมืองท่าตาร์ตูส ยังเป็นเมืองท่าที่กองทัพเรือรัสเซียใช้เป็นเส้นทางในการลำเลียงยุทโธปกรณ์ทางทหารมายังซีเรีย เป็นเวลาหลายปีแล้ว
ที่มา>>>Thairath

ไฟไหม้ยางอะไหล่ ล้อแม็กซ์ วอด 4 แสน! แทบทรุด ปลาหมอแสนรักตายด้วย

หนุ่มวัย 26 ปี เปิดเต็นท์รถที่บ้านโป่งแต่ไปนอนโพธาราม ได้รับแจ้งไฟไหม้กลางดึก รุดมาถึงเจอไฟกำลังโหมโรงเก็บยาง แจ้งดับเพลิงมาดับไว้ได้ แต่ยางอะไหล่ ล้อแม็กซ์จยย.ที่จอดไว้ถูกไหม้วอด รวมทั้งปลาหมอสีสุดรัก ที่เลี้ยงไว้อีก 1 ตัว…
วันที่ 23 พ.ค. พ.ต.ต.อาคม โฉมศรี สว.(สอบสวน) สภ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้ร้านจำหน่ายรถยนต์มือสองชื่อ วีระชัยออโต้ ตั้งอยู่เลขที่ 107 หมู่ 8 ต.ดอนกระเบื้อง อ.บ้านโป่ง จึงประสานรถดับเพลิงเทศบาลตำบลกระจับ และเจ้าหน้าที่มูลนิธิรวมใจการกุศลราชบุรี ไปตรวจสอบ
พบเพลิงกำลังลุกไหม้บริเวณโรงเก็บยางอะไหล่รถ ของนายวีระชัย ทั้งศรี อายุ 26 ปี เจ้าหน้าที่ต้องระดมฉีดน้ำควบคุมเพลิงใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง เพลิงจึงสงบลง ตรวจสอบพบโครงหลังคาเหล็ก ปั๊มลม ปั๊มน้ำ ยางอะไหล่ ล้อแม็กซ์ และรถจักรยานยนต์ 1 คัน ภายในร้าน ถูกไฟเผาเสียหายทั้งหมดสอบสวนเจ้าของร้านทราบว่า ช่วงกลางดึกตนพักอยู่บ้านที่ อ.โพธาราม ได้รับแจ้งมีเพลิงไหม้ที่ร้านจึงรีบเดินทางมาถึงพบเพลิงลุกไหม้โรงเก็บยางอย่างรวดเร็ว ก่อนแจ้งเจ้าหน้าที่ให้มาช่วยดับจนเพลิงสงบ แต่ทรัพย์สินสิ่งของยางอะไหล่ ล้อแม็กซ์ รถจักรยานยนต์ ถูกไหม้หมด และยังพบว่า ปลาหมอสีที่ตนเลี้ยงไว้อย่างดีในตู้ปลา ถูกเพลิงเผาจนไม่เหลือซากด้วย
ส่วนสาเหตุเบื้องต้นเจ้าหน้าที่คาดว่า เกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ค่าเสียหายประมาณ 400,000 บาท ซึ่งได้ประสานกองพิสูจน์หลักฐาน จ.ราชบุรี เข้าตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง.
ที่มา>>>Thairath

วันจันทร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

บังกลาเทศอ่วม! ไซโคลน ‘โรอานู’ ถล่ม ดับแล้ว 24 ศพ

(ภาพ: AFP)
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า จากกรณีชาวบังกลาเทศกว่า 500,000 คน ต้องถูกย้ายอพยพไปอยู่ที่พักพิงชั่วคราวหลังพายุไซโคลน “โรอานู” ความเร็วลม 88 กม./ชม. พัดถล่มภูมิภาคแถบชายฝั่งทางตอนใต้ของประเทศเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 21 พ.ค. ก่อให้เกิดน้ำท่วมและดินถล่ม บ้านเรือนเสียหายหรือถูกทำลายย่อยยับหลายพันหลังนั้น
ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อ 22 พ.ค. แม้พายุไซโคลนจะอ่อนกำลังลงแล้ว แต่อิทธิพลของไซโคลนยังทำให้มีฝนตกอย่างต่อเนื่อง ผู้เสียชีวิตมีเพิ่มเป็นอย่างน้อย 24 คนแล้ว รวมทั้งแม่และลูกสาวที่เสียชีวิตในเหตุดินถล่มในเมืองท่าจิตตะกอง ผลกระทบจากพายุไซโคลนยังทำให้ทางการบังกลาเทศต้องสั่งปิดท่าเรือหลายแห่ง ส่วนเสาไฟฟ้าโค่นล้มทั่วประเทศและยังก่อความเสียหายต่ออุตสาหกรรมการจัดส่งอาหารกว่า 12.5 ล้านดอลลาร์ หลังน้ำทะเลทะลักเข้าท่วมร้านค้าและโกดังเก็บสินค้าหลายแห่งในจิตตะกอง เมืองศูนย์กลางการค้าพาณิชย์และท่าเรือสำคัญของประเทศน้ำท่วมในบังกลาเทศจากอิทธิพลของไซโคลน โรอานู (ภาพ: AFP)
ส่วนความคืบหน้าเหตุฝนตกหนักและน้ำท่วมในหลายพื้นที่ของศรีลังกา ซึ่งเป็นอิทธิพลของไซโคลนโรอานูก่อนเข้าบังกลาเทศดังกล่าว หน่วยกู้ภัยเก็บกู้ศพผู้เสียชีวิตได้อีก 13 ศพ เมื่อคืนวันที่ 21 พ.ค. ในเขตได้รับผลกระทบหนักสุดคืออำเภอคาเกล ห่างกรุงโคลัมโบไปทางตะวันออกเฉียงเหนือราว 100 กม. ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตรวมเพิ่มเป็น 80 คน และยังมีคนสูญหายอีก 118 คน.
ที่มา>>>Thairath

ปอ. 127 เบรกแตกพุ่งชนกระบะ เสยขึ้นเกาะกลางถนนตรงข้ามวัดบวรฯ เจ็บ 9

ปอ.สาย 127 สีเหลือง เบรกแตก พุ่งชนประสานงากระบะดีแม็กซ์ ไถลเสยขึ้นบนเกาะกลางถนน มุ่งหน้าถนนสิบสามห้าง ฝั่งขาเข้า แขวงตลาดยอด สภาพรถพังยับเยิน ผู้โดยสารรถกระบะเจ็บ 7 ราย ส่วนบนรถ ปอ. 2 ราย จนท. รวม 9 ราย
เมื่อเวลา 05.30 น. วันที่ 22 พ.ค. ร.ต.ท.เดชวุฒิ อุตรศาสตร์ รอง สว.(สอบสวน) สน.ชนะสงคราม รับแจ้งอุบัติเหตุรถชนบนถนนตะนาว มุ่งหน้าถนนสิบสามห้าง ฝั่งขาเข้า แขวงตลาดยอด เขตพระนคร กทม. จึงไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบรถกระบะ ยี่ห้ออีซูซุ รุ่นดีแม็กซ์ สีขาว ทะเบียน 4 กผ 9095 กรุงเทพมหานคร
สภาพรถด้านหน้าพังยับเยิน ตรวจสอบภายในรถพบนายรัชพล ชาญวิวัฒน์ อายุ 24 ปี ซึ่งเป็นผู้ขับขี่ โดยมีผู้โดยสารมาด้วย 6 คน เจ้าหน้าที่กู้ภัยเร่งทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนนำส่ง รพ.ใกล้เคียงเป็นการด่วน ห่างออกไปจากจุดเกิดเหตุ 50 เมตร พบรถประจำทาง ปอ.สาย 127 สีเหลือง วิ่งระหว่างบางบัวทอง-บางลำภู หมายเลขทะเบียน 15-5283 กรุงเทพมหานคร หมายเลขข้างรถ 127-1 สภาพรถหน้าขวาได้รับความเสียหาย ตัวรถไถลเสยขึ้นเกาะกลางถนนสิบสามห้าง ฝั่งตรงข้ามกับวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร โดยมีนายสุขสันต์ วันแอเลาะ อายุ 47 ปี เป็นผู้ขับขี่ เจ้าหน้าที่กู้ภัยรีบนำส่ง รพ.เช่นกันร.ต.ท.เดชวุฒิ เปิดเผยว่าจากการสอบสวนพยานที่เห็นเหตุการณ์เบื้องต้นทราบว่า เห็นรถประจำทางดังกล่าววิ่งมาทางถนนตะนาวเพื่อมุ่งหน้าออกถนนสิบสามห้าง เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุได้ชนประสานงานกับรถกระบะเข้าอย่างแรง ก่อนที่รถเมล์จะเบรกลมแตกจึงทำให้รถพุ่งไปต่อจนชนเข้ากับเกาะกลางอย่างแรง จึงทำให้รถหยุดนิ่งทันทีเบื้องต้นเจ้าหน้าที่พบว่ามีผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุครั้งนี้มังหมด 9 ราย นำส่ง รพ.วชิระ 8 ราย และโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าอีก 1 ราย โดยแบ่งเป็นฝ่ายรถกระบะ 7 คนและของฝ่ายรถเมล์ 2 คน ทั้งนี้เจ้าหน้าที่จะรอสอบปากคำผู้ขับรถทั้ง 2 คัน ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถให้การได้ เพื่อสรุปและหาสาเหตุข้อเท็จจริงของการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้ต่อไป.
ที่มา>>>Thairath

วันศุกร์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

เกษตรกรพัทลุง ปลูกดอกดาวเรืองหลังทำนา 1 ไร่ ทำรายได้ร่วมแสน

เกษตรกรพัทลุง หันมาปลูกดอกดาวเรืองเป็นอาชีพเสริมในช่วงหน้าแล้ง หลังฤดูกาลเก็บเกี่ยว เผยพื้นที่ 1 ไร่ ปลูกดาวเรืองได้ประมาณ 4,000 ต้น หากเก็บไปขายมีรายได้กว่า 1 แสนบาท
เมื่อวันที่ 19 พ.ค. 2559 นายสุนทร ขุนแดง อยู่บ้านเลขที่ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 16 ม.16 ต.ควนมะพร้าว อ.เมืองพัทลุง จ.พัทลุง กล่าวว่า ตนมีอาชีพทำนา หลังจากเก็บเกี่ยวแล้วตนได้ใช้พื้นที่ทำนาประมาณ 1 ไร่มาปลูกดอกดาวเรือง เนื่องจากว่าดอกดาวเรืองเป็นที่ต้องการของตลาด ราคาค่อนข้างสูง อีกทั้งการดูแลรักษาไม่ยากนัก สำหรับตนนั้นได้ปลูกดอกดาวเรืองเป็นปีที่ 3 แล้วปลูกดอกดาวเรืองหลังทำนา 1 ไร่ ทำรายได้เกือบแสน
เกษตรกรชาวพัทลุง กล่าวอีกว่า การปลูกต้นดอกดาวเรืองนั้นไม่ยุ่งยากอะไร โดยปลูกร่องละ 2 แถว ระยะห่างระหว่างต้น 30-40 เซนติเมตร รดน้ำวันละ 1 ครั้ง หลังจากปลูกได้ประมาณ 7 วัน ใส่ปุ๋ยสูตร 16-16-16 ในอัตรา 15 วันต่อ 1 ครั้ง พร้อมฉีดฮอร์โมนบำรุงต้น เมื่อดาวเรืองอายุได้ประมาณ 60 วัน ก็สามารถเก็บขายได้เกือบทุกวันซึ่งการปลูกดาวเรืองครั้งหนึ่งสามารถเก็บดอกขายได้ ประมาณ 45 วัน
นายสุนทร กล่าวด้วยว่า ในพื้นที่ 1 ไร่ ปลูกดาวเรืองได้ประมาณ 4,000 ต้น หากต้นดาวเรืองให้ผลผลิตเต็มที่จะสามารถขายดอกดาวเรืองได้กว่า 1 แสนบาท โดยเฉพาะในช่วงหน้าแล้งราคาดอกดาวเรืองค่อนข้างสูง ขณะนี้ ราคาส่ง ดอกละ 2 บาท โดยมีแม่ค้าพ่อค้ามารับซื้อถึงที่ เพื่อส่งขายต่อที่จังหวัดตรัง และจังหวัดภูเก็ต การปลูกดาวเรืองถือว่าเป็นอาชีพเสริมอีกอย่างหนึ่งที่สร้างรายได้ให้กับครอบครัวในช่วงหน้าแล้งเป็นอย่างดี.
ที่มา>>>Thairath

เขื่อนสิริกิติ์ เผย อ่างเก็บน้ำปริมาณน้ำเพิ่ม กิน-ใช้ได้ถึง ก.ค.

รอง ผอ.เขื่อนสิริกิติ์ เผย น้ำในอ่างเก็บน้ำหลังฝนตกปริมาณน้ำเพิ่ม น้ำกิน-น้ำใช้ ยังใช้ได้ถึง ก.ค. วอน ประชาชนท้ายเขื่อนฯ ใช้น้ำอย่างประหยัด
วันที่ 19 พ.ค. นายพิพัฒน์ คงสินทวีสุข รอง ผอ.เขื่อนสิริกิติ์ เปิดเผยว่า หลังได้มีฝนตกลงมาเหนือเขื่อนฯ เมื่อสองวันที่ผ่านมา ปริมาณน้ำในเขื่อนสิริกิติ์ในปัจจุบัน ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำ 3,619.64 ล้านลูกบาศก์เมตร (38.06%) ปริมาณน้ำพร้อมใช้งาน 769.64 ล้านลูกบาศก์เมตร (11.56%) ปล่อยน้ำ ปริมาณน้ำไหลเข้า วันที่ผ่านมา 6.39 ล้านลูกบาศก์เมตร ด้วยเขื่อนสิริกิติ์ได้ระบายน้ำตามแผนของ คณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำ ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์จริงในปัจจุบัน คณะกรรมการฯ จึงได้มีแผนการระบายน้ำ วันนี้จนถึงวันที่ 22 พฤษภาคม 2559 แผนระบายน้ำ 10.0 ล้าน ลบ.ม./วันน้ำเขื่อนสิริกิติ์ น้ำน้อยมาก รอบ 39 ปี สามารถมองเห็นสปริงเวย์และหัวกะโหลกสำหรับที่จะปล่อยน้ำโผล่ขึ้นมา
“ซึ่งเปรียบเทียบกับหลายปีที่ผ่านมา จะเห็นว่าปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนสิริกิติ์มีน้อยมาก ในรอบ 39 ปี ที่สร้างเขื่อนมา จนสามารถมองเห็นสปริงเวย์และหัวกะโหลกสำหรับที่จะปล่อยน้ำของเขื่อนสิริกิติ์ เนื่องจากสภาพของความแห้งแล้งที่ติดต่อกันมาหลายเดือน ส่วนในปีนี้น้ำในการอุปโภค-บริโภคและระบบนิเวศยังเพียงพอ ส่วนในเรื่องที่เกษตรกรชาวนาที่จะทำนาปีนั้น ก็ควรชะลอไปก่อน แต่ทางเขื่อนฯ ก็ส่งเจ้าหน้าออกไปทำความเข้าใจในเรื่องของการใช้น้ำของเกษตรกรชาวนาอยู่ตลอดเวลา ในเดือน พ.ค. จะเข้าฤดูฝน แต่ถ้าจนถึงเดือนกรกฎาคมฝนยังไม่ตกต้องตามฤดูกาล ก็น่าเป็นห่วงเรื่องปริมาณน้ำในเขื่อนสิริกิติ์เช่นกัน จึงฝากให้ประชาชนที่อยู่ท้ายเขื่อนฯ ต้องใช้น้ำอย่างประหยัด” นายพิพัฒน์ รอง ผอ.เขื่อนสิริกิติ์ กล่าวอ่างเก็บน้ำเขื่อนสิริกิติ์ น้ำยังน้อย แต่ก็เริ่มมีน้ำจากฝนที่ตกลงมาก่อนหน้านี้ ไหลเข้าเติมปริมาณน้ำในเขื่อน
ที่มา>>>Thairath