วันพฤหัสบดีที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

มาช่วยหว่านเมล็ดพันธ์ุจิตสำนึกรักต้นไม้ เพื่อนำผืนป่าผืนน้ำกลับคืนสู่ประเทศชาติ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากสภาวะภัยแล้งและฝนทิ้งช่วงมานานหลายเดือน ส่งผลให้คลองสายหลักในพื้นที่ หมู่ 6 ต.เกาะแต้ว อ.เมืองสงขลา ที่เคยมีน้ำตลอดทั้งปี ขณะนี้น้ำแห้งขอดจนไม่มีน้ำใช้ทำการเกษตร ประชาชนได้รับความเดือดร้อนจำนวนมาก วิงวอนหน่วยงานช่วยเหลือในครั้งนี้ เมื่อวันที่ 18 พ.ค. นายสัน หมัดระเจริญ อายุ 74 ปี หนึ่งในเกษตรกรปลูกฟักทองและแตงไทย หมู่ 6 ต.เกาะแต้ว อ.เมืองสงขลา เปิดเผยว่า ได้ใช้พื้นที่ไร่นา 1 งาน ปลูกฟักทอง 100 ต้น และแตงไทย 100 ต้น ปลูกมาได้ประมาณ 25 วัน ปรากฏว่าทั้งฟักทองและแตงไทยเริ่มขาดน้ำ เนื่องจากคลองสายหลักน้ำแห้งขอด สาเหตุจากภัยแล้งและฝนทิ้งช่วงมานานหลายเดือน เกษตรกรต้องไปหาน้ำจากแหล่งน้ำที่ใกล้ที่สุดนำมารดต้นฟักทองและแตงกวา ที่เหลืออยู่อย่างละประมาณ 30 ต้น กำลังออกดอกแต่ไม่สมบูรณ์ ผลไม่โต หงิกงอ เนื่องจากอากาศร้อนจัดและขาดน้ำ และทยอยยืนต้นแห้งเหี่ยวเฉาตาย จึงขอวิงวอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งช่วยเหลือเกษตรกรอย่างเร่งด่วน
จ.นครศรีธรรมราช นายคเนพร จันทวงค์ ผอ.ร.ร.วัดควนยูง ต.นาแว อ.ฉวาง เปิดเผยว่า ขณะนี้เด็กนักเรียนไม่มีน้ำใช้อุปโภคบริโภค เนื่องจากประสบปัญหาภัยแล้งยาวนาน น้ำบาดาลที่กรมทรัพยากรธรณีขุดไว้ให้โรงเรียนก็ไม่มีน้ำให้สูบขึ้นมาใช้ได้ ทำให้ทั้งวัดและโรงเรียนต้องร้องขอไปยัง อบต.นาแว ช่วยส่งน้ำมาให้ทางโรงเรียนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน นายสุชาติ คงแก้ว นายก อบต.นาแว เปิดเผยว่า ปีนี้แล้งนานมากส่งผลให้ชาวบ้าน วัดและโรงเรียนเดือดร้อนขาดแคลนน้ำอุปโภคและบริโภค อบต.ได้จัดรถบรรทุกน้ำส่งน้ำให้ชาวบ้านทุกหมู่บ้านวันละหลายเที่ยว รวมถึงวัดและโรงเรียน อบต.ได้นำน้ำไปเติมในแท็งก์น้ำของโรงเรียนครั้งละ 6,000 ลิตร สัปดาห์ละ 3 ครั้ง วันจันทร์ พุธ ศุกร์ เพื่อแก้ปัญหาวิกฤติการขาดแคลนน้ำในหน้าแล้งขณะเดียวกัน นายสนั่น ศิลารัตน์ ปลัด อบจ.ปฏิบัติหน้าที่นายก อบจ.นครศรีธรรมราช เป็นประธานปล่อยหน่วยบริการน้ำด่วน (water express service) แก้ปัญหาภัยแล้ง โดยร่วมกับทหาร มทบ.41, การประปาส่วนภูมิภาค สาขานครศรีธรรมราช, สมาคมสื่อมวลชนนครศรีธรรมราช, ส.อบจ.นครศรีธรรมราช เขต อ.เมือง และเครือข่ายน้ำบาดาลปากนคร ร่วมกันจัดขบวนคาราวานรถน้ำออกแจกจ่ายช่วยเหลือประชาชนที่กำลังประสบภัยแล้งทั่วจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยเฉพาะในเขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราชกำลังวิกฤติน้ำประปาไม่ไหลมานานนับเดือนจนได้รับเดือดร้อนทั่วทุกหลังคาเรือน สาเหตุมาจากฝนไม่ตกและแหล่งน้ำดิบเหลือน้อย
ส่วนความคืบหน้าไฟไหม้ป่าพื้นที่ลุ่มน้ำบางนราแปลงที่ 2 และพื้นที่ป่าพรุโต๊ะแดงใน อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 12 พ.ค.ที่ผ่านมานั้น ล่าสุดเมื่อคืนที่ผ่านมามีฝนตกลงมาแต่ไม่หนักมากนัก ส่งผลทำให้จุดที่มีไฟไหม้ป่า 3 จุด ที่บ้านโคกคา หมู่ 5 ต.บางขุนทอง บ้านโคกกระเบียด หมู่ 5 ต.พร่อน และบ้านโคกคู หมู่ 3 ต.พร่อน เพลิงยังคุกรุ่นอยู่บริเวณชั้นใต้ดินและไฟได้ดับมอดลง 2 จุด เหลือเพียงจุดต้นเพลิงบ้านโคกคู หมู่ 3 ต.พร่อน ที่มีเพลิงปะทุขึ้นมาอีกครั้ง ขณะที่กระแสลมพัดแรงได้พัดเปลวไฟข้ามแนวกันไฟที่ทำไว้และไหม้ลุกลามเข้าพื้นที่ป่าพรุชั้นใน
ตอนเช้าวันเดียวกันนายชาตรี วัชรเผด็จศึก ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 13 จ.นราธิวาส และนายวิโรจน์ ศิริอุมากุล หน.เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเฉลิมพระเกียรติฯ ได้ร่วมกันลงพื้นที่จุดไฟไหม้ป่าบ้านโคกคู เพื่อตรวจสอบและประเมินสถานการณ์ พร้อมทั้งส่งรถแบ็กโฮ 1 คัน ขุดแนวกันไฟเพื่อให้ไฟไหม้อยู่ในวงจำกัด ก่อนที่จะให้ชุดเสือไฟและอาสาสมัครรักษาดินแดน อ.ตากใบ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ทหารใช้สายยางต่อจากรถดับเพลิงกระจายกำลังฉีดน้ำดับไฟ แต่การทำงานต้องพบกับอุปสรรค มีกระแสลมพัดแรง รวมทั้งมีกลุ่มหมอกควันเจ้าหน้าที่ต้องสลับสับเปลี่ยนกันทำงานตลอดเวลา คาดว่าช่วงก่อนค่ำวันนี้จะสามารถควบคุมต้นเพลิงทั้ง 2 จุดเอาไว้ได้ ขณะที่พื้นที่ไฟไหม้ป่าสงวนลุ่มน้ำบางนราแปลงที่ 2 และป่าพรุโต๊ะแดง อ.สุไหงปาดี และ อ.สุไหงโก-ลก ตั้งแต่วันที่ 3 พ.ค.ที่ผ่านมา หลังจากมีฝนตกเมื่อคืนที่ผ่านมา ทำให้ต้นเพลิงที่คุกรุ่นอยู่ชั้นใต้ดิน โดยเฉพาะบริเวณป่าพรุชั้นในไฟได้ดับเกือบที่จะมอดสนิทแล้วและในผืนป่าเริ่มมีน้ำฝนขังตามผิวดินบ้างแล้วเช่นกัน.
ที่มา>>>Thairath

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น