วันพุธที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ท้องเสียอย่าชะล่าใจ! หนูน้อยท้องเสียหนัก พ่อ-แม่พาส่งโรงพยาบาล ให้น้ำเกลือแต่เกิดช็อกดับ

สมาชิกเฟซบุ๊ก “สุธาทิย์ หามูลใต้” โพสต์เฟซบุ๊ก เหตุการณ์หลังเกิดเหตุหลานชายป่วย ท้องเสียอย่างหนักและเข้าไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง โดยแพทย์ให้น้ำเกลือ แต่ปรากฎว่าหลานชายเกิดช็อก ทางทีมแพทย์ได้ปั๊มหัวใจถึง 2 รอบ แต่ไม่เป็นผล หลานชายเสียชีวิตลงในที่สุด ซึ่งตัวเธอบอกต่อว่า ทางแพทย์ระบุว่าน้ำเกลือแร่ขึ้นสมอง ไตวาย ไตทำงานหนัก จึงเสียชีวิต ซึ่งตัวเธอและญาติต่างสงสัยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แค่ท้องเสียทำไมถึงกับต้องเสียชีวิต
ที่มา>>>ข่าวสด

วันอังคารที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

เณรตกใจ!! เข้าไปปลุกพระเพิ่งบวชได้ 2 วัน พบเป็นศพ มรณภาพปริศนา ช็อกมือเกร็ง

พระภิกษุบวชใหม่ได้เพียง 2 วัน ที่วัดหนองม่วง ต.นิคม อ.สตึก บุรีรัมย์ นอนมรณภาพคาศาลาวัด โดยไม่ทราบสาเหตุ ตำรวจตรวจสอบพร้อมแพทย์เวร พบสภาพศพมีผ้าห่มสีเหลืองคลุมโปง มือเกร็ง คาดเมื่อคืนที่ผ่านมาอากาศหนาว ประกอบกับผู้เสียชีวิตเคยดื่มสุราเป็นประจำแล้วมาหยุดดื่มระหว่างมาบวช
วันที่ 29 พ.ย. ร.ต.อ.ธนดอน ภักษารัมย์ พนักงานสอบสวน สภ.สตึก อ.สตึก จังหวัดบุรีรัมย์ ได้รับแจ้งมีพระนอนเสียชีวิตภายในศาลาวัดหนองม่วง ตำบลนิคม อำเภอสตึก จึงรุดไปตรวจสอบ พร้อมแพทย์เวรโรงพยาบาลสตึก
ที่เกิดเหตุเป็นศาลาวัดชั้นเดียว พื้นขัดหินอ่อน พบศพทราบชื่อ คือ พระสมส่วน รามะมะ อายุ 49 ปี อยู่หมู่ 10 ตำบลนิคม อำเภอสตึก จังหวัดบุรีรัมย์ นอนมรณภาพในสภาพมีผ้าห่มสีเหลืองคลุมโปง เห็นเพียงแขนซ้ายที่โผล่ออกจากผ้าห่ม ซึ่งมีลักษณะมือเกร็ง ตรวจสอบละเอียดไม่มีร่องรอยหรือบาดแผลตามร่างกาย คาดเสียชีวิตมาประมาณ 3 ชั่วโมง
201611291034012-20161102133547สอบถามเจ้าอาวาสวัด ทราบว่า พระสมส่วน ได้มาบวชที่วัดแห่งนี้เมื่อ 2 วันก่อน ซึ่งเป็นโครงการอุปสมบทหมู่ เมื่อคืนที่ผ่านมาเห็นพระสมส่วน ได้เข้านอนตามปกติ พอรุ่งเช้าไม่ยอมตื่นจึงให้เณรไปปลุก ก็ต้องตกใจ เมื่อทราบว่าเสียชีวิตแล้ว
ตำรวจสันนิษฐานสาเหตุการเสียชีวิต น่าจะเกิดจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นฉับพลัน ประกอบกับผู้ตายนอนกับพื้นหินอ่อนซึ่งมีเพียงเสื่อปูนอน และจากการสืบทราบผู้ตายเป็นคนดื่มสุราเป็นประจำ เมื่อหยุดดื่มกะทันหันร่างกายอาจจะปรับตัวไม่ได้ จึงช็อกเสียชีวิตดังกล่าว
ที่มา>>>ข่าวสด

วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ตร.สปพ.บุกยึดสินค้าแบรนด์เนมหนีภาษีมูลค่า 4 ล้าน

 เมื่อวันที่ 27 พ.ย. พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รรท.ผบก.สปพ. พร้อมด้วยพ.ต.ต.สุรวัช สัตยากุล สว.กก.บก.ปอศ. พ.ต.อ.ศารุติ แขวงโสภา ผกก.กก.6 บก.ทท. เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.คลองตัน และพ.อ.นพสิทธิ์ สิทธิพงศ์โสภณ ผู้บังคับการกรมทหารม้าที่ 1 รักษาพระองค์ ร่วมกันนำกำลังเข้าตรวจค้นทาวน์โฮมเลขที่ 1104/375 หมู่บ้านโนเบิล คิวบ์ ถนนพัฒนาการ แขวงและเขตสวนหลวง กทม. ถายหลังสืบทราบว่าลักลอบจำหน่ายสินค้าหนีภาษี
1
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า สืบเนื่องทางจากเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้รับแจ้งจากสายลับว่าบ้านหลังดังกล่าวมีการลักลอบจำหน่ายสินค้าหนีภาษีผ่านทางอินสตาแกรม โดยใช้ชื่อว่า “brandnamemafia” ซึ่งมีผู้ติดตามกว่า 5 หมื่นราย จึงส่งสายลับทำทีล่อซื้อกระเป๋า Hermes รุ่น Birkin 30 Etoupe with gold hardware stamp X ในราคา 549,000 บาท ก่อนจะนัดรับสินค้าที่จุดเกิดเหตุเมื่อไปถึงพบน.ส.ปริศนันท์ พงศ์พิพัฒน์เวช อายุ 30 ปี เป็นผู้นำสินค้ามามอบจึงแสดงตัวเข้าตรวจค้นพบรองเท้าผ้าใบยี่ห้อไนกี้ อดิดาส รีบ็อกซ์ รวม 280 คู่ กระเป๋าแบรนด์เนมและเครื่องประดับรวม 23 รายการ มูลค่ากว่า 4 ล้านบาท จึงตรวจยึดของกลางไว้เป็นหลักฐาน
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้จากการตรวจสอบข้อมูลของเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรทราบว่า ผู้ที่ลักลอบนำสินค้าเข้ามาจำหน่ายในลักษณะดังกล่าว มีพฤติกรรมชอบเดินทางเข้า-ออกภายในประเทศอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งมักจะไปเลือกสินค้าด้วยตนเองเมื่อได้สินค้าตามตลาดต้องการหรือที่ลูกค้าสั่งจองไว้จะเดินกลับทันทีโดยไม่นำสินค้าติดตัวมาด้วย หลังจากนั้นจะใช้วิธีการขนส่งทางคาร์โก หรือฝากผู้อื่นเข้ามาแทนก่อนจะนำสินค้าทั้งหมดมาวางขายบนโลกออนไลน์ นอกจากนี้ผู้ที่ลักลอบจำหน่ายสินค้าหนีภาษีส่วนใหญ่จะจบการศึกษาจากต่างประเทศโดยไม่ได้ประกอบอาชีพแม้แต่อย่างใด
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา ซื้อรับไว้ด้วยประการใด ซึ่งของอันตนควรรู้ว่านำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยเลี่ยงอากรข้อห้ามข้อจำกัด โดยมีโทษจำคุก 5 ปี ปรับไม่เกิน 2 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ก่อนขยายผลติดตามตัวผู้ร่วมขบวนการเพื่อนำมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ที่มา>>>ข่าวสด

วันศุกร์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

เจาะโปรโมชั่น Truemove H ลดราคา iPhone 7 ครึ่งราคา เริ่มต้น 13,050 บาท

เจาะโปรโมชั่น Truemove H ลดราคา iPhone 7 ครึ่งราคา เริ่มต้น 13,050 บาทแน่นอนว่าโปรโมชั่นของ iPhone 7 นั้นแต่ละค่ายก็มีความน่าสนใจไม่ได้แตกต่างกันมาก แต่สำหรับบทความนี้เราจะมาเจาะลึกเกี่ยวกับโปรโมชั่นของ Truemove H ที่ให้คุณซื้อ iPhone 7 ได้ในราคาลด 50% นั่นจะทำให้ iPhone 7 ขนาด 32GB จะเหลือราคา 13,050 บาทจากราคาปกติ 26,500 บาท
แคมเปญนี้จะสามารถใช้ได้จะต้องมีบัตร True Black Card พร้อมกับเปิดเบอร์ใหม่ หรือย้ายค่ายมา และสมัคร แพ็คเกจ ราคา 899 ขึ้นไป แต่สำหรับ iPhone 7 จะต้องสมัครโปรโมชั่น 1,099 บาท พร้อมชำระค่าบริการ 5,000 เป็นส่วนลด 20 เดือน แต่สัญญาของเบอร์ใหม่จะเป็น 24 เดือน โดยจะซื้อ iPhone 7 และ iPhone 7 Plus ได้ดังนี้
–  iPhone 7 ขนาด 32GB จากปกติ 26,500 บาท เหลือ 13,050 บาท
–  iPhone 7 ขนาด 128GB จากปกติ 30,500 บาท เหลือ 17,050 บาท
–  iPhone 7 ขนาด 256GB จากปกติ 34,500 บาท เหลือ 21,050 บาท
–  iPhone 7 Plus ขนาด 32GB จากปกติ 31,500 บาท เหลือ 18,050 บาท
–  iPhone 7 Plus ขนาด 128GB จากปกติ 35,500 บาท เหลือ 22,050 บาท
–  iPhone 7 Plus ขนาด 256GB จากปกติ 39,500 บาท เหลือ 26,050 บาท

“สำหรับชาวพิษณุโลก ” สนใจอยากสร้างเว็บไซต์เพื่อเพิ่มช่องทางของกับธุรกิจ ให้เป็นที่รู้จักของกลุ่มลูกค้ามากขึ้น มีความทันสมัย เข้ากับธุรกิจและผลิตภัณฑ์ ส่งเสริมภาพลักษณ์ให้กับธุรกิจ บริษัท Wynnsoft Solution รับทำเว็บไซต์ พิษณุโลก ออกแบบเว็บไซต์ ด้วยทีมงานมืออาชีพรับออกแบบจัดทำเว็บไซต์ขายของออนไลน์ E-commerce รองรับมือถือและแท็บเล็ต(Responsive) รับทำ SEO พิษณุโลก ด้วยทีมงานมืออาชีพ‎

วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ด่วน!! สามีบุกยิงภรรยากับสาวใช้ตาย 2 ศพคาร้านขายยา ก่อนลั่นไกฆ่าตัวตาม

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 24 พ.ย. ศูนย์พระนครรับแจ้ง มีผู้ใช้อาวุธปืน ยิงภายในร้ายขายยา ภายใน ซ.เสรีไท 7 แยก 7 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กทม. หลังรับแจ้งจึงเดินเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ เป็นตึกแถวติดกันหลายคูหา บริเวณบ้านเลขที่ 1/1 สูง 3 ชั้น บริเวณชั้น 1 เปิดเป็นร้ายขายยา ชื่อร้าน “เภสัชยา”
จากการตรวจสอบภายในร้าน พบศพชาย 1 ราย และหญิง 2 ราย ยังไม่ทราบชื่อ เสียชีวิตจากการถูกยิงด้วยอาวุธปืน นอนตายเรียงรายอยู่ในร้านขายยาทั้ง 3 ศพ
จากการสอบถามทราบว่า ก่อนเกิดเหตุมีประชาชนได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด ก่อนที่จะมีคนแจ้งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบชายคนดังกล่าวกำลังถือปืนอยู่ภายในบ้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพยายามเข้าเกลี่ยกล่อมแต่ไม่เป็นผลก่อนใช้อาวุธปืนยินตัวเองเสียชีวิตดังกล่าวs__10575957
ลูกสาวของผู้เสียชีวิตอีกคน รุดมาดูที่เกิดเหตุ
รายงานข่าวแจ้งว่า ผู้ก่อเหตุเป็นชายวัยกลางคนใช้ปืนยิงภรรยาตัวเองและสาวใช้เสียชีวิต ก่อนที่จะยิงตัวตายตาม โดยเจ้าหน้าที่กำลังสอบปากคำลูกสาวของผู้ตาย ซึ่งร่ำไห้เสียใจอยู่ในที่เกิดเหตุ
ที่มา>>>ข่าวสด

วันพุธที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

รวบ 2 อา-หลาน ติดยางอมแงม ชวนกันขี่จยย.ตระเวนวิ่งราวเหยื่อ หาเงินซื้อยาเสพ

วันที่ 22 พ.ย. พ.ต.อ.สุพล ค้ำชู ผกก.สน.โชคชัย, พ.ต.ท.สิทธิศักดิ์ นาคามาตย์ รอง ผกก.สส., พ.ต.ท.บุญฤทธิ์ เสียงใส สว.สส., พ.ต.ต.กอบศักดิ์ โพธิ์วารี สว.สส., ร.ต.อ.จารุเดช แดงชาติ รอง สว.สส. พร้อมฝ่ายสืบสวนร่วมกันจับกุมนายมิน พลับพลา อายุ 27 ปี และนายสมหวัง นุพิศรี อายุ 36 ปี พร้อมของกลางรถจยย.ฮอนด้าดรีม สีเขียว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน รองเท้า และเสื้อผ้าแบรนด์เนมหลายรายการ โดยสามารถจับกุมได้ที่ด้านหน้าเพิงพักไม่มีเลขที่ ซอยรัชดาภิเษก 36 แยก 9-21-4 แขวงจันทร์เกษม เขตจตุจักร กทม.
พ.ต.อ.สุพล เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 16 พ.ย.ที่ผ่านมา มีคนร้ายเป็นชาย 2 คน ก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์ผู้เสียหายได้ทรัพย์สินไปเป็นโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง และเงินสด 500 บาท ที่หน้าร้านก๋วยเตี๋ยวบ้านแพน ภายในหมู่บ้านอมรพันธ์ 9 จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงลงพื้นที่สืบสวนหาข่าวกระทั่งทราบว่าทั้ง 2 คน คือคนร้ายจึงนำกำลังเข้าจับกุมพร้อมของกลางดังกล่าว
 จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 2 ให้การรับสารภาพว่า ทั้ง 2 คน มีศักดิ์เแนอา-หลานกัน และมีอาชีพรับจ้างก่อสร้างทั่วไป ระยะหลังมานี้ไม่มีผู้ใดมาจ้างจนไม่มีรายได้ ประกอบกับติดยาเสพติด จึงชักชวนกันขี่รถจยย. ตระเวณตามร้านก๋วยเตี๋ยว รวมทั้งร้านหมูกระทะ เมื่อพบเห็นเหยื่อถือกระเป๋าใส่มือถืออยู่หรือเหยื่อเอามือถือวางไว้บนโต๊ะ จะเข้าไปหยิบทรัพย์สินแล้วหลบหนีไป โดยทำมาแล้ว 2 ครั้งในพื้รที่ สน.โชคชัย ครั้งแรกเมื่อวันที่ 16 พ.ย.ที่ผ่านมา ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 19 พ.ย.ที่ร้าน 71 หมูกระทะ ได้ทรัพย์สินโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง จากนั้นจะนำโทรศัพท์มือถือไปขายที่ร้านรับซื้อย่านซอยเสือใหญ่ และนำเงินสดที่ได้มาแบ่งกันเพื่อนำไปซื้อยาเสพติดมาเสพ
พ.ต.อ.สุพล กล่าวต่อว่า นอกจากนี้จากการตรวจสอบประวัติผู้ต้องหาทั้ง 2 คน พบว่ามีประวัติเสพยาเสพติดในท้องที่ สน.พหลโยธิน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การ คาดว่าน่าจะก่อเหตุมามากกว่านี้ ซึ่งหากผู้เสียหายรายใดคาดว่าจะถูกทั้ง 2 คน ก่อเหตุสามารถเข้าให้ข้อมูลได้ที่ สน.โชคชัย ก่อนส่งตัวทั้ง 2 คน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ที่มา>>>ข่าวสด

วันอังคารที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ข่าวด่วน!! แผ่นดินไหวใกล้ชายฝั่งเกาะฮอนชู ประเทศญี่ปุ่น ล่าสุดแจ้งเตือนซึนามิแล้ว

วันที่ 22 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 03.59 น. ตามเวลาในประเทศไทย เกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.9 เเมกนิจูด ความลึก 10 กิโลเมตร บริเวณใกล้ชายฝั่งเกาะฮอนชู ประเทศญี่ปุ่น ขณะที่ล่าสุดทางประเทศญี่ปุ่น มีการแจ้งเตือนซึนามิ และอพยพประชาชนแล้ว
ที่มา>>>ข่าวสด

วันจันทร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ตม.ชลบุรีรวบนักค้ายาเสพติดรายใหญ่รัสเซีย หนีหมายจับกบดานพัทยา

วันที่ 20 พ.ย. พ.ต.ท.ธวัชชัย หนองบัว รองผกก.ตม.จว.ชลบุรี ได้รับการประสานให้ติดตามจับกุมชายสัญชาติรัสเซียตามหมายจับตำรวจสากลในคดีลักลอบค้ายาเสพติดรายใหญ่สุดในรัสเซียซึ่งหลบหนีคดีเข้ามาซุกตัวในประเทศไทย โดยเฉพาะในเขตพัทยามากว่า 3 ปีแล้ว จึงรวบรวมเอกสารหลักฐานก่อนออกติดตามจับตัวทันที
กระทั่งสืบทราบว่าหนุ่มรัสเซียดังกล่าวชื่อ นายดมิตรี ฟิลิพซิน อายุ 27 ปี พักอยู่บ้านเลขที่ 178/4 หมู่ 11 หมู่บ้านดุสิตวิว ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี จึงเข้าตรวจสอบพบผู้ต้องหาพักอยู่ในบ้านหลังดังกล่าวกับภรรยาชาวรัสเซีย แต่ไม่ยอมออกมา ให้ภรรยาออกมาพบเจ้าหน้าที่แทน
ตำรวจพูดจาเกลี้ยกล่อม 1 ชั่วโมง ผู้ต้องหาจึงยอมเปิดประตูห้องออกมาพบ พร้อมแสดงหนังสือเดินทางสัญชาติยูเครน ระบุชื่อนายตีมินโท โบนดาร์ชุค อายุ 27 ปี เจ้าหน้าที่จึงตรวจสอบไปยังสถานกงสุลยูเครน ประจำประเทศไทย ทราบว่าเป็นหนังสือเดินทางปลอม จึงควบคุมตัวมาสอบสวน
เบื้องต้นผู้ต้องหาพูดจาบ่ายเบี่ยงว่าเป็นคนสองสัญชาติ และไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม แต่ด้วยหลักฐานต่างๆที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจพบนั้นขัดแย้งกับคำให้การ เจ้าหน้าที่จึงตั้งข้อหาปลอมหนังสือเดินทาง และใช้หรือมีเพื่อใช้หนังสือเดินทางปลอม ก่อนนำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี พร้อมผลักดันกลับออกไปจากนอกราชอาณาจักรไทยต่อไป
ที่มา>>>ข่าวสด

วันเสาร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

สุดวุ่น!! แม่สามีวางแผนจ้างลูกน้องลักพาตัวหลานจากสะใภ้ เหตุรักหลานมาก

เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 18 พ พ.ย. ด.ต.นัฐพงษ์ ศรีไสว ผบ.หมู่ จร.สภ.เมืองอุดรธานี กำลังปฎิบัติหน้าที่อยู่ที่ บขส.อุดรธานี แห่งที่ 1 ถนนสายอุทิศ เขตเทศบาลนครอุดรธานี ได้มี น.ส.รัตนาวดี (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปีและนายวงปิยะ (สงวนนามสกุล) อายุ 32 ปี 2 สามีภรรยา เข้ามาแจ้งว่า ลูกสาวอายุ 4 ขวบถูกลูกจ้างโรงเรียนแม่ผัวลักพาตัว เหตุเกิดเมื่อ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา
น.ส.รัตนาวดี ให้การว่า ได้แต่งงานกับนายวงปิยะ จนมีลูกสาว 1 คน ชื่อน้องบี (นามสมมุติ) อายุ 4 ขวบ ซึ่งพวกตนมีกิจการรีสอร์ท 2 แห่งอยู่ห่างกัน 700 เมตร ที่บ้านหนองบุ ต.สามพร้าว อ.เมืองอุดรฯ คือ บุษบารีสอร์ท 1 เป็นห้องเช่าแบบรายวัน และบุษบารีสอร์ท 2 เป็นห้องเช่าแบบรายเดือน ปกติแล้วตนจะดูแลกิจการรีสอร์ทกับลูกสาว ส่วนนายวงปิยะ สามีจะอยู่ อ.กระทุ่มแบน จะเดินทางมาเยี่ยมเป็นครั้งคราว ล่าสุดสามีเดินทางมาเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน
นางรัตนาวดี ให้การต่อไปว่า เมื่อวันที่ 17 พ.ย.ที่ผ่านมาได้มี น.ส.นา ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง อายุประมาณ 40 ปี ชาว อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ผิวสีดำ รูปร่างท้วม สวมแว่นสายตา เป็นคนงานในโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งของแม่สามี ได้นั่งรถทัวร์ตามมาบอกว่าจะเอาเสื้อผ้ามาให้ และตนให้พักอยู่ในบุษบารีสอร์ท 1 ก่อนเกิดเหตุ เมื่อเวลา 11.00 น. เช้าวันนี้ น.ส.นา ได้ยืมรถ จยย.ของแม่ตน อ้างว่าจะขับขี่พาน้องบี ไปดูบุษบารีสอร์ท 2 จนเที่ยงวัน น.ส.นา ได้นำรถมาจอดหน้ารีสอร์ท แล้วก็หายไปพร้อมกับน้องบี ตนได้โทรศัพท์หา น.ส.นา ก็บอกว่าพาน้องบี มาหาพ่อที่ร้านสะดวกซื้อใกล้รีสอร์ท ตนนั่งรอ จนนายวงปิยะกลับมา ไม่เห็นน้องบี จึงโทรศัพท์หา น.ส.นา อีก กลับบอกว่ามาไกลแล้ว ไม่ต้องตาม ตนจึงรู้ว่า น.ส.นา ลักพาตัวน้องบี จึงออกตามหาที่ บขส.แห่งที่ 1 แต่ไม่พบ จึงแจ้งตำรวจให้ช่วยสกัดเส้นทางที่ น.ส.นา หลบหนี และมาแจ้ง พ.ต.ต.นันทพล เชื้อพรหมมา สว.สส.สภ.เมืองอุดรฯ เพื่อดำเนินคดีกับ น.ส.นา
พ.ต.ท.อาทิตย์ฯ เปิดเผยว่า หลังรับแจ้งความ และสอบปากคำ พบว่านายวงปิยะ มีพิรุธหลายอย่าง จึงได้นำตัวทั้งสองมาให้ชุดสืบสวนสอบปากคำหาสาเหตุ หลังสอบปากคำทราบว่า น.ส.รัตนาวดี และ นายวงปิยะ 2 สามีภรรยา ซึ่งเป็นพ่อแม่ของน้องบี แต่งงานจดทะเบียนกันถูกต้องตามกฎหมาย เริ่มแรกทั้งสองอาศัยอยู่บ้านพ่อแม่นายวงปิยะ จนกระทั่งมีลูกคือน้องบี ซึ่งปู่และย่ารักหลานมาก แต่ระยะหลังทั้งสองมักจะมีทะเลาะมีปากเสียงกัน พ่อแม่นายวงปิยะจะเข้าข้างลูก ทำให้ น.ส.รัตนาวดี อึดอัดและได้หอบลูกหนีกลับมาอาศัยอยู่กับพ่อแม่ที่ จ.อุดรธานี
พ.ต.ท.อาทิตย์ฯ กล่าวต่อไปว่า นายวงปิยะ ได้เดินทางมาง้อเมียและเยี่ยมลูกเป็นประจำ แต่มาครั้งนี้ ได้มี น.ส.นา ซึ่งเป็นคนงานในโรงเรียนของแม่นายวงปิยะ ตามมาในตอนหลังด้วย และได้ลักพาตัวน้องบีไป ซึ่งขณะสอบสวนปากคำแม่นายวงปิยะ โทรศัพท์มาหา จนในที่สุดได้สารภาพกับตำรวจว่า แม่ได้วางแผนให้ น.ส.นา ให้มาเอาน้องไบร์ทไปหาปู่และย่า จึงขอให้ทั้งสองกลับไปไกล่เกลี่ยพูดคุยกันที่บ้าน เพราะว่าทั้งสองครอบครัว ต่างรักน้องบี ทุกคน ส่วนการดำเนินคดีตำรวจยังไม่ดำเนินคดีกับ น.ส.นา แต่ได้ประสานไปยังตำรวจท้องที่ ขอให้ตรวจสอบว่าน้องบี กลับถึงบ้านปู่ย่าหรือไม่ ถ้ายังไม่พบตัวน้องบี จะดำเนินคดีกับทุกคนที่เกี่ยวข้องทันที
ที่มา>>>ข่าวสด

วันศุกร์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

เจอตัวแล้ว!! สาวนั่งกระโปรงท้าย โผล่ สน.หัวหมาก จ่ายค่าปรับ ยังไม่จบเรียกฝ่ายคนขับด้วย

จากกรณีมีการแชร์คลิปหญิงสาวนั่งอยู่บนท้ายกระโปรงรถซึ่งกำลังวิ่งอยู่บนถนนพระรามเก้า โดยปรากฏคลิปด้วยกันทั้งหมด 3 คลิป ตั้งแต่ยังไม่มืดจนถึงช่วงค่ำซึ่งทำให้ทราบว่า มีการนั่งในลักษณะนี้เป็นเวลานาน ก่อนที่คลิปจะจบลงที่หญิงสาวลงมาทุบรถ
ล่าสุด พ.ต.ท.นพพร ศรีสุชาติ รองผู้กำกับการสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลหัวหมาก ระบุว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา หญิงคนดังกล่าวได้เข้าพบพนักงานสอบสวนแล้ว ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ปรับเป็น 500 บาท ตามความผิด พรบ.จราจรทางบก พ.ศ.2552 ในข้อหานั่งบนรถยนต์ในลักษณะที่อาจก่อให้เกิดอันตรายในขณะที่รถยนต์เคลื่อนที่
จากการสอบปากคำฝ่ายหญิง ทราบเพียงว่าเป็นปัญหาทะเลาะกันภายในครอบครัว และรถที่ปรากฏในคลิปก็ไม่ได้เป็นรถสวมทะเบียน ส่วนเจ้าของรถซึ่งเป็นผู้ชาย ทราบตัวบุคคลและออกหมายเรียกแล้ว แต่ยังไม่มาพบพนักงานสอบสวน เบื้องต้นทราบว่ายังอยู่ต่างจังหวัด ซึ่งพนักงานสอบสวนเตรียมแจ้งข้อหาขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้อื่น มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ที่มา>>>ข่าวสด

วันพฤหัสบดีที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

หนุ่มขับรถขนน้ำมันเตา โยกพวงมาลัยแซงรถคันหน้า แต่กลับเหวี่ยง เสียหลักคว่ำ น้ำมันนองพื้น

วันที่ 16 พ.ย. หน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างประจวบธรรมสถานได้รับแจ้งจากศูนย์สั่งการ 1669 ว่าเกิดอุบัติเหตุรถบรรทุกน้ำมันเสียหลักพลิกคว่ำมีผู้ได้รับบาดเจ็บ บริเวณริมถนนเพชรเกษมหลักกิโลเมตรที่ 312+300 หมู่ 4 บ้านหว้าโทน ต.คลองวาฬ อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ จึงประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คลองวาฬ และตำรวจทางหลวง รุดเข้าไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุพบรถสิบล้ออีซูซุ สีขาว ทะเบียนป้ายเหลือง 70-7421 สมุทรสาคร บรรทุกน้ำมันเตา เสียหลักชนกับต้นไม้จนพลิกคว่ำตกลงไปข้างถนน ส่วนหัวรถได้รับความเสียหาย และมีน้ำมันเตาไหลออกจากถังบรรจุนองพื้นทั่วบริเวณ โดยมีนายสมภพ คำกลั่น อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 27/6 หมู่ 5 ต.ดอนไก่ดี อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ซึ่งเป็นผู้ขับขี่ได้รับบาดเจ็บบริเวณแขนและขามีแผลแตก เจ้าหน้าที่กู้ภัยปฐมพยาบาลเบื้องต้นนำตัวส่งโรงพยาบาลประจวบ
สอบสวนนายสมภพ ให้การว่า ตนได้ขับรถบรรทุกน้ำมันเตามาจากจังหวัดสมุทรสาคร และกำลังจะนำไปส่งที่บริษัทสหวิริยา อ.บางสะพาน เพื่อนำไปใช้หลอมเหล็ก เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุตนได้โยกพวงมาลัยแซงรถที่อยู่ด้านหน้าแต่น้ำมันที่บรรทุกมาในถังเกิดการแกว่งตัวทำให้รถเสียหลักชนกับต้นไม้ข้างทางตกถนนพลิกคว่ำได้รับบาดเจ็บและเสียหายดังกล่าว
ที่มา>>>ข่าวสด

วันพุธที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

จ่อเผ่นหนีตจว.!! ตุ๋นเป็นชาวนาขายข้าว หลัง‘จั๊กจั่น’แจ้งความ เจ้านายผู้ต้องหาร่วมมือตร.

จากกรณี น.ส.อคัมย์สิริ สุวรรณสุข หรือ “จั๊กจั่น” ดาราสาวและผู้เสียหายเข้าแจ้งความกับตำรวจ หลังถูกหลอกให้ช่วยประกาศขายข้าวเพื่อช่วยเหลือชาวนาผ่านทางอินสตาแกรม โดยขอให้ผู้ที่ต้องการจะช่วยรับซื้อข้าว ติดต่อกับผู้ขายโดยตรง แต่ปรากฏว่าเมื่อมีผู้โอนเงินไปสั่งซื้อข้าวแล้ว กลับไม่ได้รับข้าวที่สั่งซื้อแต่อย่างใด
ล่าสุดเมื่อวันที่ 16 พ.ย. พ.ต.อ.รังสรรค์ ประดิษฐ์ผล ผกก.สน.ร่มเกล้า กล่าวว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างการรอรวบรวมพยานหลักฐาน ใน 2 ส่วน คือ คำให้การของเจ้าของบัญชีที่ได้รับโอนเงินจากผู้เสียหาย ซึ่งล่าสุดเจ้าของบัญชีรายดังกล่าวจะเข้ามาพบกับพนักงานสอบสวนที่ สน.ร่มเกล้าในช่วงบ่ายของวันนี้ เนื่องจากเมื่อวานติดธุระไม่สามารถเข้ามาให้การได้ และส่วนที่ 2 คือ รอข้อมูล เอกสารการโอนเงินและข้อมูล จาก statement ซึ่งทางธนาคารเจ้าของบัญชีจะต้องเซ็นรับรองข้อมูล หากได้ข้อมูลทั้งหมดก็จะใช้ขอศาลจังหวัดมีนบุรีออกหมายจับผู้ต้องหารายดังกล่าวในข้อหาฉ้อโกงประชาชนต่อไป คาดว่าภายในวันนี้น่าจะสามารถออกหมายจับผู้ต้องหารายดังกล่าวได้
ขณะที่รายงานข่าวแจ้งว่า จากข้อมูลของชุดสืบสวนของ สน.ร่มเกล้าและชุดสืบสวนสอบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 3 (บก.น.3) พบว่า ขณะนี้ผู้ต้องหายังคงเคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ และมีแนวโน้มว่าจะหลบหนีไปยังต่างจังหวัด เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงจำเป็นต้องรีบรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อออกหมายจับดังกล่าว อย่างไรก็ตามในคดีดังกล่าวได้รับความร่วมมือจากเจ้าของบัญชีซึ่งเป็นเจ้านายของผู้ต้องหาและทางธนาคารอย่างมาก ทั้งนี้หากมีผู้เสียหายรายใดที่ถูกผู้ต้องหารายดังกล่าวแอบอ้าง ก็สามารถเข้ามาแจ้งความเพิ่มเติมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจได้
ที่มา>>>ข่าวสด

วันอังคารที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ยูเอ็นแถลงปี 2559 เป็นปีที่มีอากาศร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์

01
สหประชาชาติแถลง คาดว่า ปี 2559 จะเป็นปีที่มีอากาศร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์ โดยเตือนว่าจะส่งผลกระทบมากขึ้นหากยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาโลกร้อน
รายงานขององค์กรอุตุนิยมวิทยาโลกแห่งสหประชาชาติ เมื่อวานนี้ ระบุว่า อุณหภูมิเฉลี่ยในปีนี้เพิ่มขึ้นอีก 1.2 องศาเซลเซียสจากในช่วงยุคก่อนปฏิวัติอุตสาหกรรม ซึ่งเท่ากับ 16 ใน 17 ปีที่ร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์อยู่ในศตวรรษนี้ รายงานของยูเอ็นระบุว่าสถิติใหม่เท่ากับโลกใกล้มีอุณหภูมิสูงขึ้น 2 องศาแล้ว ซึ่งหมายถึงแต่ละปีที่เพิ่มขึ้น ก็จะมีอุณหภูมิสูงขึ้นตามไปด้วย เช่นในปี 2558 ที่ว่าอุณหภูมิสูงมากแล้ว ปี 2559 ยิ่งสูงกว่า
โดยยูเอ็นระบุว่า สภาวะอากาศเปลี่ยนแปลงทั้งทางบกและทางน้ำ ยิ่งทำให้เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติที่รุนแรงขึ้นไปอีกในปีนี้ เช่น เฮอริเคนแมทธิวกระหน่ำเฮติ อุทกภัยในจีน คลื่นความร้อนหลายแห่ง ไฟป่าครั้งรุนแรงเป็นประวัติการณ์ของแคนาดา และภัยแล้งรุนแรงในประเทศต่างๆ
ที่มา>>>Workpoint Entertainment

วันจันทร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ท้องฟ้าจำลอง จัดดูซูเปอร์มูน ลอยกระทงคืนนี้ เข้มพลุดอกไม้ไฟ

ชวนดูคืนนี้ ปรากฏการณ์ “ซูเปอร์ฟูลมูน” ดวงจันทร์ใหญ่สุดในรอบ68 ปี ท้องฟ้าจำลองพร้อมหน่วยงานดารา ศาสตร์เครือข่ายอีกกว่า 160 แห่งทั่วประเทศ ร่วมจัดกิจกรรม ขณะที่ตร.คุมเข้มลอยกระทง ห้ามจุดพุล โคมลอย อธิบดีกรมควบคุมมลพิษเชิญชวนใช้วัสดุธรรมชาติ ชี้ขนมปังไม่เหมาะกับแหล่งน้ำนิ่ง กทม.เปิดสวนสาธารณะ 30 แห่ง ให้ประชาชนร่วมลอยกระทง แต่งดประกวดนางนพมาศ กรมเจ้าท่าส่งจนท. ดูแลความปลอดภัยทั้ง 60 โป๊ะ แจ้งปิดเส้นทางน้ำ ห้ามเรือใหญ่วิ่งตั้งแต่สะพานพระราม 7 จนถึงสะพานพระราม 9 ช่วง 4 โมงเย็นถึงเที่ยงคืน
เมื่อวันที่ 13 พ.ย. พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) เผยมาตรการดูแลความปลอดภัยช่วงวันลอยกระทง ในวันที่ 14 พ.ย.นี้ว่า ได้สั่งการให้รองผบช.น. ลงพื้นที่สั่งการเฝ้าระวังตามจุดสำคัญต่างๆ ซึ่งต้องมีการแจ้งให้ทราบว่าช่วงระหว่างนี้ ห้ามมีการจัดงานลักษณ์มหรสพที่มีการใช้เสียงดัง เช่น จุดพลุ ประทัด รวมทั้งการจุดโคมลอย ขอความร่วมมือไม่ให้จำหน่ายและจุด ส่วนกรณีเด็กแว้นได้สั่งการให้ พล.ต.ต. จิรพัฒน์ ภูมิจิตร รรท. รอง ผบช.น.ดูแลงานจราจร ดูแลกรณีดังกล่าวอย่างเคร่งครัด
ขณะเดียวกันนายวิจารย์ สิมาฉายา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กล่าวว่า จากสถิติการจัดเก็บกระทงในเขตกรุงเทพฯ ในปี 2551-2557 พบว่าสัดส่วนกระทงที่ทำจากโฟมมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการสืบสานวัฒนธรรมไทยและรักษาสิ่งแวดล้อม คพ. จึงขอเชิญชวนประชาชนลอยกระทงรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยชุมชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องช่วยกันรณรงค์ให้ประชาชนเลือกใช้วัสดุลอยกระทงให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ ในพื้นที่ที่มีน้ำนิ่ง ให้ใช้วัสดุใบตอง ในพื้นที่น้ำไหล มีปลา อาจให้ใช้กระทงขนมปังที่เป็นอาหารปลาได้หรือใบตองก็เหมาะสำหรับทุกแหล่งน้ำ เนื่องจากค่อยๆ ย่อยสลายทางธรรมชาติ ไม่ทำให้น้ำเสีย และเราสามารถช่วยลดปริมาณกระทงลงได้ซึ่งถ้าไปด้วยกัน ครอบครัวเดียวกัน ก็ใช้กระทงร่วมกันเพียงอันเดียว ควรหลีกเลี่ยงการใช้วัสดุจากโฟมและพลาสติก รวมถึงกระทงจากขนมปังหากอยู่ในแหล่งน้ำปิด เช่น สระน้ำในวัด หนองน้ำ หรือแม่น้ำลำคลองที่มีความสกปรกเดิม อยู่แล้ว แม้สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ แต่หากมีปริมาณมากในแหล่งน้ำก็เป็นสาเหตุทำให้เกิดน้ำเน่าเสียได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะเดียวกันสำนัก สิ่งแวดล้อม (สสล.) กำหนดเปิดสวนสาธารณะ 30 แห่ง เพื่อให้ประชาชนพาครอบครัวเข้าไปลอยกระทง ได้แก่ 1.สวนลุมพินี เขตปทุมวัน 2.สวนจตุจักร เขตจตุจักร 3.สวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ) เขตจตุจักร 4.สวนพระนคร เขตลาดกระบัง 5.สวน 60 พรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เขตลาดกระบัง 6.สวนสราญรมย์ เขตพระนคร 7.สวนรมณีนาถ เขตพระนคร 8.สวนสันติชัยปราการ เขตพระนคร 9.สวนธนบุรีรมย์ เขตทุ่งครุ 10.สวนเสรีไทย เขตบึงกุ่ม 11.สวนนวมินทร์ภิรมย์ เขตบึงกุ่ม 12.สวนหนองจอก เขตหนองจอก 13.อุทยานเบญจสิริ เขตคลองเตย 14.สวนเบญจกิตติ เขตคลองเตย 15.สวนน้ำบึงกระเทียม เขตมีนบุรี 16.สวนวารีภิรมย์ เขตมีนบุรี 17.สวนราษฎร์ภิรมย์ เขตมีนบุรี 18.สวนเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบ พระชนม พรรษา (ฝั่งพระนคร) เขตบางคอแหลม 19.สวนสันติภาพ เขตราชเทวี 20.สวนกีฬารามอินทรา เขตบางเขน 21.สวนรมณีย์ทุ่งสีกัน เขตดอนเมือง 22.สวน 50 พรรษา มหาจักรีสิรินธร เขตประเวศ 23.สวนวนธรรม เขตประเวศ 24.สวนทวีวนารมย์ เขตทวีวัฒนา 25.สวนหลวงพระราม 8 เขตบางพลัด 26.สวนสาธารณะบึงน้ำลาดพร้าว 71 เขตลาดพร้าว 27.สวนสิรินธราพฤกษาพรรณ เขตบางกอก น้อย 28.สวนเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เขตบางกอก น้อย 29.สวนเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เขตสาทร และ 30.สวนพระยาภิรมย์ เขตคลองสามวา ส่วนสวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ และ สวนหลวง ร.9 ไม่เปิดให้ประชาชนไปลอยกระทง
นอกจากนี้ทั้ง 30 สวน จะไม่มีการจัดประกวดนางนพมาศ รวมถึงการแสดงกิจกรรม บันเทิงหรือมหรสพต่างๆ โดยจะจัดให้มีเฉพาะการลอยกระทงตามประเพณีเท่านั้น ทางด้านนายกริชเพชร ชัยช่วย ผู้อำนวยการสำนักความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมทางน้ำ กรมเจ้าท่า ลงพื้นที่ตรวจสอบโป๊ะเรือต่างๆ เพื่อเตรียมความพร้อมการลอยกระทงตามท่าเรือต่างๆ อาทิ ท่าเตียน ท่าพรานนก ท่ายอดพิมาน เป็นต้น
นายกริชเพชรกล่าวว่า กรมเจ้าท่าได้เรียกประชุมทุกหน่วยงานที่เกี่ยวกับการจัดงานในก่อนหน้านี้แล้ว โดยแบ่งพื้นที่ในการดูแลความปลอดภัย รวมถึงการดำเนินการตรวจสอบโป๊ะของท่าเรือต่างๆให้มีความพร้อม โดยจำนวนกว่า 60 ท่าเรือ ที่จะมีการจัดกิจกรรมในวันพรุ่งนี้ จะส่งเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัย ทั้งท่าเรือของกรมเจ้าท่าและของหน่วยงานเอกชน นอกจากนี้ในช่วงเวลา 16.00-24.00 น. ของวันที่ 14 พ.ย. จะมีการปิดการจราจรทางน้ำ ตั้งแต่ช่วงสะพานพระราม 7 จนถึงสะพานพระราม 9 โดยไม่ให้เรือบรรทุกขนาดใหญ่เข้ามาในพื้นที่ เพื่อเปิดพื้นที่การจราจรทางน้ำให้กับเรือขนาดเล็ก ที่จะเข้ามาร่วมงานประเพณีลอยกระทงและโดยสารรับ-ส่งประชาชนเท่านั้น
ด้านพล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกฯ เปิดเผยว่า เนื่องในโอกาสวันลอยกระทงในวันที่ 14 พ.ย.นี้ รัฐบาลประกาศให้ทุกหน่วยงานจัดกิจกรรมได้ตามปกติ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ขอให้ประชาชนใช้โอกาสนี้สืบสานประเพณีไทยที่งดงามและสนุกสนานรื่นเริงได้ตามสมควร ควบคู่กับการน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ทรงมีต่อประเทศชาติ โดยเฉพาะในด้านทรัพยากรน้ำและขอให้พ่อแม่ ผู้ปกครอง ครูอาจารย์ ช่วยกันปลูกฝังบุตรหลานและนักเรียนให้มีจิต สำนึกที่ดี ไม่คำนึงถึงแต่ความสนุกสนานในช่วงเทศกาลเพียงอย่างเดียว แต่ควรใช้จังหวะเวลานี้เรียนรู้แก่นแท้ของวัฒนธรรมประเพณีที่สืบทอดมาแต่โบราณ และเห็นถึงคุณค่าและความสำคัญของทรัพยากรน้ำ เพราะน้ำคือชีวิตทุกคนต้องช่วยกันดูแลรักษาคุณภาพน้ำและสิ่งแวดล้อม
เมื่อเวลา 18.30 น. ที่ห้องศปก.สน.วัดพระ ยาไกร พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วยพล.ต.ต.ภาณุรัตน์ หลักบุญ รรท.รอง ผบช.น. (หน.มค.) พ.ต.อ. รัชพล ชนะศรีขจร ผกก.สน.วัดพระยาไกร เจ้าหน้าที่ตำรวจสน.วัดพระยาไกร และทหารม.พัน.24 รักษาพระองค์ ร่วมกันเข้าประชุมแผนการรักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกการจราจรช่วงเทศกาลลอยกระทงที่เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ ถนนเจริญกรุง แขวงวัดพระยาไกร เขตบางคอแหลม กทม.
พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติกล่าวว่า จะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาในพื้นที่ดังกล่าวมากกว่า 3-5 หมื่นราย จึงต้องเฝ้าระวังรวมทั้งประชาสัมพันธ์เรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ทั้งนี้ ในเขตพื้นที่ความรับผิดชอบของสน.วัดพระยาไกร มีจุดท่าน้ำรวมทั้งสิ้น 7 จุด โดยจุดหลักคือท่าน้ำเอเชียทีคฯ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมด้วยอาสาตำรวจบ้านจะร่วมกันกระจายกำลังช่วยดูแลความเรียบร้อย โดยมีจุดเฝ้าระวัง และคอยอำนวยความสะดวกรวม 6 จุด ชุดเคลื่อนที่เร็วอีก 6 นาย และเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบกระจายกำลังในพื้นที่รวมทั้งสิ้น 100 กว่านาย ทั้งยังมีจุดสังเกตการณ์มุมสูง รวมทั้งบริเวณทางเข้ามีจุดคัดกรองนักท่องเที่ยวหลัก ขณะเข้ามาในพื้นที่จะต้องแสดงบัตรประจำตัวประชาชน หรือพาสปอร์ต ตรวจค้นสัมภาระและห้ามนำประทัดเข้ามาในพื้นที่เด็ดขาด อีกทั้งบริเวณโดยรอบมีกล้อง ซีซีทีวีทั้งหมด 188 ตัว มีลานจอดรถรวม 2 จุด คือภายในพื้นที่เอเชียทีคฯ สามารถจอดได้รวม 600 คัน และฝั่งตรงข้ามอีก 800 คัน โดยทางเข้าจะมีกล้องซีซีทีวีจับภาพบันทึกใบหน้าของผู้ขับขี่และป้ายทะเบียนรถ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะใช้เครื่องตรวจกระจกส่องใต้ท้องและเปิดฝากระโปรงท้ายรถทุกคัน ยังมีรถพยาบาลอีก 2 คัน หากประสบเหตุการณ์ฉุกเฉินอีกด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในคืนวันที่ 14 พ.ย. ซึ่งเป็นวันลอยกระทง จะมีปรากฏการณ์ดวงจันทร์เต็มดวง ปรากฏในตำแหน่งใกล้โลกมากที่สุดในรอบปีนี้ ที่ระยะห่างประมาณ 356,511 กิโลเมตร และยังเป็นการโคจรเข้าใกล้โลกที่สุดในรอบ 68 ปี
นายศรัณย์ โปษยะจินดา รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) (สดร.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) อธิบายว่า ในวันที่ 14 พ.ย.นี้ ดวงจันทร์เต็มดวงจะปรากฏในตำแหน่งใกล้โลกมากที่สุดในรอบปีนี้ นับตั้งแต่วันที่ 26 ม.ค. 2491 ที่ระยะห่างประมาณ 356,462 กิโลเมตร เราจะสังเกตเห็นดวงจันทร์เต็มดวงมีขนาดปรากฏใหญ่กว่าปกติเล็กน้อย นอกจากนี้ ยังมีขนาดปรากฏใหญ่กว่าขณะอยู่ไกลโลกมากที่สุดประมาณ 14 เปอร์เซ็นต์ และมีความสว่างมากกว่าประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ หรือเรียกว่า “ซูเปอร์ฟูลมูน (Super Full Moon)”
นายศรัณย์กล่าวว่า จะสามารถสังเกตเห็นดวงจันทร์เต็มดวงได้ด้วยตาเปล่าทางทิศตะวันออก หลังดวงอาทิตย์ตก ตั้งแต่เวลาประมาณ 18.00 น.เป็นต้นไป วันดังกล่าวยังตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 ซึ่งเป็นวันลอยกระทงของไทยอีกด้วย ผู้สนใจสามารถเฝ้ารอชม และเก็บภาพความสวยงามของดวงจันทร์เต็มดวงใกล้โลกที่สุดในรอบ 68 ปีในคืนวันลอยกระทงกันได้ทั่วประเทศ ทั้งนี้ สดร.จะจัดกิจกรรม 3 จุดสังเกตการณ์หลัก ได้แก่ เชียงใหม่ นครราชสีมา ฉะเชิงเทรา พร้อมหน่วยงานดาราศาสตร์เครือข่ายอีกกว่า 160 แห่งทั่วประเทศ เชิญชวนประชาชนร่วมส่องจันทร์ดวงโต และวัตถุท้องฟ้าชัดเต็มตาด้วยกล้องโทรทรรศน์หลายรูปแบบ ตั้งแต่เวลา 17.00-22.00 น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 08-4088-2264
ขณะที่ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา (ท้องฟ้าจำลองกรุงเทพ) สำนักงาน กศน. ขอเชิญร่วมกิจกรรมฟรี (ไม่มีค่าใช้จ่าย) ตั้งแต่เวลา 18.00-21.00 น. ทั้งส่วนของการสังเกต การณ์ด้วยตาเปล่า กล้องสองตา กล้องโทร ทรรศน์ ณ บริเวณลานอิฐแดง ด้านหน้าอาคารพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ และกิจกรรมเสริมการเรียนรู้ปรากฏการณ์ซูเปอร์มูน (Super Moon) ด้วยการบรรยายถึงการเกิดปรากฏการณ์ ดังกล่าว ผ่านการแสดงทางท้องฟ้าจำลอง จำนวน 2 รอบ รอบละประมาณ 30 นาที (รอบ 19.00 น. และรอบ 19.30 น.) ทั้งนี้ ผู้สนใจเข้ารับฟังการบรรยายในท้องฟ้าจำลอง สามารถติดต่อรับบัตรสำรองการเข้าร่วมฟังการบรรยายครั้งนี้ ที่ด้านหน้าอาคารท้องฟ้าจำลองกรุงเทพ ตั้งแต่เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป ผู้สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 0-2391-0544 และ 0-2392-1773 และ 08-9501-3085
ที่มา>>>ข่าวสด

วันเสาร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ผู้ช่วยพยาบาลก่อเหตุขโมยเด็กทารกแรกเกิดจาก รพ. อ้างตัวเองแท้งกลัวโดนสามีทิ้ง


ผู้ช่วยพยาบาลเข้าให้ปากคำพร้อม ผอ.รพ.น่าน
เมื่อวันที่ 12 พ.ย. พ.ต.อ.วีระชัย บั้งเงิน รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดน่าน พร้อมด้วย พ.ต.อ.ประยูร ชำนาญคง ผู้กำกับ สภ.เมืองน่าน นำกำลังชุดสืบสวน เร่งติดตามคนร้ายก่อเหตุลักพาเด็กทารกแรกเกิดอายุ 10 วัน หนีออกจากโรงพยาบาลน่าน หลังได้รับแจ้งจาก นายแพทย์พงษ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ รองผู้อำนวยการ รพ.น่าน โดยเร่งสอบสวนเบื้องต้นทราบว่าผู้ก่อเหตุเป็นหญิง อายุ 22 ปี เป็นผู้ช่วยพยาบาลในโรงพยาบาลน่าน ตรวจสอบกล้องวงจรปิดของโรงพยาบาล  พบว่าผู้ก่อเหตุได้อุ้มเด็กทารก หลบหนีออกจากประตูหลังของโรงพยาบาลโดยมีรถยนต์มารอรับ
 โดยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ภ.จว.น่าน และ ชุดสืบสวน สภ.เมืองน่าน เร่งติดตามค้นหา ทั้งที่หอพัก บ้านพัก บ้านญาติและเพื่อนๆ โดยเฉพาะเพื่อนสนิทที่ทำงานอยู่ในแผนกเดียวกัน จนสามารถทราบเบาะแสว่าผู้ก่อเหตุได้พาเด็กทารกมาพักหลบอยู่ที่ร้านเสริมสวย นางญวน (สงวนนามสกุล) ซึ่งเป็นร้านของแม่แฟนหนุ่ม ซึ่งคบกันมาประมาณ 1 ปี อยู่ห่างจากโรงพยาบาลน่านเพียง 500 เมตร จึงได้นำกำลังเข้าตรวจสอบและจับกุม พร้อมนำเด็กทารกส่งกลับคืนสู่อ้อมอกครอบครัวอย่างปลอดภัย
 จากการสอบสวนนางญวน ให้การว่า ลูกชายพร้อมด้วยผู้ก่อเหตุ ได้พากันมาที่บ้านซึ่งเป็นอาคารพาณิชย์ทำเป็นร้านเสริมสวย โดยผู้ก่อเหตุบอกว่าคลอดลูกแล้ว ขอมาพักก่อน ซึ่งตนก็เห็นว่าไม่ได้เตรียมของสำหรับเด็กอ่อน จึงได้ให้เงินลูกชายได้ซื้อของใช้จำเป็นมา จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาจับกุม จึงได้ทราบว่าผู้ก่อเหตุขโมยเด็กทารกออกมาจากโรงพยาบาล ขณะที่ตัวของแฟนหนุ่มก็ยังรู้สึกงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
 ทางด้าน พ.ต.อ.ประยูร  ชำนาญคง ผู้กำกับ สภ.เมืองน่าน  เปิดเผยหลังสอบปากคำผู้ต้องหา โดยมีเพื่อนสนิทและ นพ.พงษ์เทพ  วงศ์วัชรไพบูลย์ รองผู้อำนวยการ รพ.น่าน ร่วมกันให้ข้อมูล ทำให้ทราบว่า ผู้ต้องหามีประวัติการตั้งครรภ์ที่โรงพยาบาลน่าน มีกำหนดคลอดวันที่ 20 พ.ย.59 แต่ผู้ต้องหาให้การว่าได้แท้งลูก และกลัวว่าจะถูกฝ่ายชายทอดทิ้ง จึงได้วางแผนทำทีไปขอชั่งน้ำหนักเด็กทารกในแผนกคลอดกับผู้เป็นแม่ จากนั้นจึงได้นำเด็กหนีออกจากโรงพยาบาลโดยหลอกให้แฟนหนุ่มมารอรับ จนกระทั่งถูกติดตามจับกุม
 โดยพนักงานสอบสวนได้บันทึกคำให้การพร้อมตั้งข้อกล่าวหาพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปจากบิดามารดา ผู้ปกครองหรือผู้ดูแลโดยปราศจากเหตุอันควร เพื่อดำเนินคดีทางอาญาตามกฎหมายต่อไป ขณะที่ฝากแจ้งเตือนถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่าเกิดขึ้นจากความไว้เนื้อเชื่อใจเนื่องจากผู้ต้องหาเป็นผู้ช่วยพยาบาลที่อ้างถึงการปฏิบัติหน้าที่ อย่างไรก็ตามขอให้พ่อแม่ทุกคนอย่าได้ไว้ใจปล่อยเด็กไปกับคนแปลกหน้าไม่ว่ากรณีใดๆก็ตามขอให้ติดตามเด็กอย่าให้คลาดสายตา
ที่มา>>>ข่าวสด

วันศุกร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

สะเทือนใจ! ศพทารกยัดใส่กล่องโยนริมถนนลาดพร้าว เปิดวงจรปิดล่าคนทิ้ง

เมื่อเวลา 05.00 น.วันที่ 11 พ.ย. ร.ต.ท.ภาณุ กาฬสินธ์ รอง สว.(สอบสวน) สน.โชคชัย รับแจ้งพบศพทารกแรกเกิด ภายในรถเก็บขยะ กทม. ซึ่งจอดอยู่ตรงข้ามปากซอยนาคนิวาส 3 แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กทม. จึงรุดตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่ร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุพบรถเก็บขยะของสำนักงานเขตลาดพร้าวหมายเลขทะเบียน 61-7987 กทม.จอดอยู่ริมถ.นาคนิวาส พบกล่องสีน้ำตาลถูกปิดปากกล่องด้วยเทปกาวสีดำ จากการตรวจสอบภายในกล่องกระดาษพบศพทารกแรกเกิดเพศชาย อายุในครรภ์ประมาณ 4-5 เดือน มีสายสะดือติดอยู่ ถูกใส่อยู่ภายในกล่องพลาสติกสี่เหลี่ยม ซึ่งห่อหุ้มด้วยลังกระดาษ
จากการสอบสวน นายองอาจ ถูพรมมี อายุ 46 ปี พนักงานฝ่ายเก็บขน สำนักงานเขตลาดพร้าว ให้การว่า เกิดก่อนเหตุตนได้นำรถเก็บขยะของกทม.ออกมาเก็บขยะตามปกติอยู่บริเวณถนนนาคนิวาส จนมาถึงสถานที่ก่อนพบศพประมาณ 100 เมตร พบกองขยะซึ่งเป็นถุงดำและกล่องดังกล่าว ก่อนที่ตนจะโยนใส่ในบริเวณที่เก็บขยะด้านหลังรถ และเมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุตนได้คัดแยกขยะจนพบกล่องดังกล่าวและเปิดดูภายในกล่องพบว่าเป็นศพทารก จึงรีบแจ้งตำรวจให้มาตรวจสอบ
ด้าน ร.ต.ท.ภาณุ กล่าวว่า หลังจากนี้จะนำศพทารกรายนี้ไปชันสูตรที่สถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจเพื่อหาสาเหตุของการเสียชีวิต ก่อนที่จะประสานฝ่ายสืบสวน สน.โชคชัย เพื่อทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุและใกล้เคียงว่าผู้ใดเป็นคนนำกล่องดังกล่าวมาทิ้ง ก่อนที่จะเชิญตัวมาพบพนักงานสอบสวนเพื่อสอบปากคำ ต่อไป
ที่มา>>>ข่าวสด

วันพฤหัสบดีที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

หนุ่มโดนฟันแขนเหวอะ เหตุวัยรุ่นเจ้าถิ่นเลือดร้อนเดินสวน ตอนเว้าอีสานกับเพื่อนคิดว่าไปด่า

เมื่อเวลา 01.30 น.วันที่ 10 พ.ย.2559 ร.ต.อ.บุญเลิศ  เหล็กมา รองสว.(สอบสวน) สภ.พระประแดง ได้รับแจ้งมีเหตุวัยรุ่นยกพวกทำร้ายร่างกายมีผู้ถูกฟันด้วยอาวุธมีดได้รับบาดเจ็บที่ แฟลตการเคหะพระประแดง ต.บางจาก อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ  จึงพร้อมด้วยชุดสืบสวนและมูลนิธิร่วมกตัญญูรุดตรวจสอบที่เกิดเหตุ
ที่เกิดเหตุ แฟลตการเคหะพระประแดง ตึก เอ บริเวณชั้นที่ 5 หน้าห้อง171 พบ นาย ยอดเยี่ยมดี เทพอวยพร อายนุ 34 ปี นอนร้องครวญคราง จมกองเลือด ตรวจสอบที่บริเวณต้นแขนซ้ายถูกฟันด้วนอาวุธมีดเป็นแผลลีกถึงกระดูก เลือดไหลไม่หยุดใกล้กัน พบนาย ประดิษฐ์ เทพอวยพร อายุ 28 ปี นอนสลบไม่ได้สติ ที่ใบหน้าและท่อนแขนซ้ายมีรอยเขียวช้ำ  เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญูรีบช่วยเหลือและนำตัวส่ง รพ.บางประกอก 3201611100812072-20041020105821จากการสอบสวน นายธงชัย ทองอินทร์ อายุ 25 ปี คนเห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุ เห็นนายยอดเยี่ยมดี ขี่จยย.มาส่งนายประดิษฐ์ และมานั่งดื่มสุรากันอยู่ที่ร้านใกล้กับที่เกิดเหตุ สักพักก็พากันเดินขึ้นตึกที่ชั้น 5 ซึ่งเป็นห้องพักของนายประดิษฐ์ และพูดคุยกันเป็นภาษาถิ่นทางภาคอีสาน และเดินสวนทางกับวัยรุ่นเจ้าถิ่นที่พักอยู่บนตึกเดียวกัน ฟังฟังภาษาถิ่นอีสานไม่ออกคิดว่าทั้ง 2 คน ด่าตนเองจึงไปพาพวกมา 3 คนพร้อมอาวุธ ทั้งมีดและไม้ เข้ารุมทำร้ายทั้ง 2 คน จนได้รับบาดเจ็บและสลบไป
ด้าน ร.ต.อ.บุญเลิศ  เหล็กมา รองสว.(สอบสวน) สภ.พระประแดง หลังตรวจสอบที่เกิดเหตุและตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายในตึก และพยานที่พบเห็นจะได้ติดตามผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ที่มา>>>ข่าวสด

วันพุธที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

พบอีกกองทัพผีเสื้อมวนหวานบุกเจาะกินมะม่วงชาวสวนที่ประจวบคีรีขันธ์


วันที่ 9 พฤศจิกายน 2559 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สวนมะม่วง ในพื้นที่ ต.อ่าวน้อย อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ หลังทราบว่าสวนมะม่วงของชาวบ้านกำลังได้รับผลกระทบจากปัญหาผีเสื้อมวนหวานบุกเจาะกินผลมะม่วงเสียหายเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นปัญหาเช่นเดียวกับเกษตรกรในพื้นที่ อ.สามร้อยยอด ที่กำลังได้รับผลกระทบอยู่ในขณะนี้
นายพนม ซำเผือก ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนมะม่วงส่งออกนอกฤดูอ่าวน้อย เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ จ.ประจวบคีรีขันธ์ เกิดภาวะภัยแล้งอย่างหนัก ประกอบกับล่าสุดสภาพอากาศที่มีฝนตกติดต่อกันนานหลายวันที่ผ่านมา ทำให้เกิดการระบาดของผีเสื้อมวนหวาน เมื่อในป่าไม่มีอาหารกินเพราะภัยแล้ง ผีเสื้อมวนหวานจึงออกจากป่ามากินผลไม้ของชาวไร่ โดยบุกเจาะทำลายผลไม้เกือบทุกชนิด เช่น มะละกอ สับปะรด ลองกอง ฯลฯ แต่ที่ผีเสื้อมวนหวานชอบมากเป็นพิเศษ คือ มะม่วง เนื่องจากเป็นผลไม้ที่มีความหวาน มัน ส่งผลกระทบต่อปริมาณการผลผลิตของมะม่วงนอกฤดูที่ทยอยเก็บเกี่ยวได้ในช่วงนี้และเป็นมะม่วงเพื่อการส่งออกไปจำหน่ายต่างประเทศเป็นหลัก โดยพบว่าเกษตรกรกว่า 40 ราย ซึ่งปลูกมะม่วงกว่า 3,000 ไร่ ผลผลิตมะม่วงที่แก่ใกล้เก็บเกี่ยวได้รับความเสียหายราว 80-90 เปอร์เซ็นต์ เหลือแต่ผลมะม่วงขนาดเล็กที่ยังไม่ได้ขนาดที่ยังรอดพ้นไม่ถูกผีเสื้อมวนหวานเจาะผลทำลายจนเน่าเสีย
นายพนม กล่าวต่อว่า ผีเสื้อมวนหวานจะเลือกมะม่วงที่เริ่มแก่ ใช้ปากดูดเจาะกินเนื้อด้านใน ซึ่งปากแผลที่ผิวมะม่วงเป็นรูขนาดเล็ก แต่จะทำให้ภายในผลมะม่วงเน่าเสียภายใน1-2วันเท่านั้น ก่อนที่ผลจะร่วงลงพื้น ซึ่งเกษตรกรต้องรีบนำถุงคาร์บอนมาสวมครอบลูกมะม่วงตั้งแต่ผลมีขนาดเล็กประมาณไข่ไก่ ก่อนที่จะถูกเจาะ ซึ่งทำให้ต้นทุนของเกษตรกรเพิ่มขึ้นอีกไร่ละ 8,000 บาท และต้องฉีดสารสกัดจากสะเดา ร่วมด้วยในเวลากลางคืน ส่วนกลางวันต้องรีบห่อผล หากห่อไม่เสร็จก็ต้องฉีดสารสะเดาทุกคืน หรือต้องคอยมาจับผีเสื้อที่ลงกินมะม่วง ซึ่งจับได้ค่อยข้างยาก
สำหรับผลผลิตมะม่วงส่งออกนอกฤดูของตำบลอ่าวน้อย ส่วนใหญ่ปลูกมะม่วงพันธุ์ น้ำดอกไม้สีทอง โชคอนันต์ เขียวเสวย และฟ้าลั่น เป็นหลัก เพื่อส่งออกไปจำหน่ายยังประเทศญี่ปุ่น เกาหลี จีน สิงคโปร์ มาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และฝั่งยุโรป ซึ่งราคาล่าสุด มะม่วงเกรดเอ ผิวสวยไร้ตำหนิ รับซื้อที่หน้าสวนกิโลกรัมละ 100 บาท ส่วนผลมะม่วงที่มีร่องรอยตำหนิจาก ราน้ำค้าง หรือเพลี้ยไฟ จะไม่ผ่านการส่งออก ถูกคัดเกรดมาจำหน่ายในประเทศ ราคาเหลือเพียง กิโลกรัมละ 50 บาท
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือจากหน่วยงานราชการเนื่องจากยังไม่สามารถประกาศเป็นเขตพื้นที่ภัยพิบัติได้ เบื้องต้นเกษตรกรต้องช่วยตัวเองไปก่อน ด้วยการฉีดสารและห่อผล ก่อนที่จะถูกกัดกินรุนแรงหนักขึ้น ซึ่งทำให้มีต้นทุนเพิ่มสูงขึ้นกว่าปกติ
ที่มา>>>ข่าวสด

วันอังคารที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

เสี่ยเจอเต่าท้องแก่กลางถนน อุ้มขึ้นปิกอัพก่อนฟักไข่ออกมา ชาวบ้านแห่ดูไข่-ทะเบียนรถ

เกิดเรื่องฮือฮาขึ้นที่ตลาดเทศบาลบ้านค่ายหมื่นแผ้ว เมื่อมีผู้พบเห็นเสี่ยหนุ่มเขียงหมูในตลาดฯ และชาวตลาดมุงดูแม่เต่าที่กำลังฟักไข่บนรถยนต์กระบะ ทะเบียน ฆฒ 6872 กทม.
เรื่องราวนี้ถูกเปิดเผยโดย นายวิรุฬห์ โพธิ์สันเทียะ อายุ 30 ปี เจ้าของเขียงหมูในตลาดเทศบาลบ้านค่ายหมื่นแผ้ว เล่าว่า ขณะที่ตนและภรรยากำลังเดินจะออกไปขายของที่ตลาด ช่วงประมาณ 03.40 น. โดยใช้เส้นทางถนนสายกลางหมู่บ้านนั้น ตนภรรยาที่นั่งมาด้วยได้สังเกตุเห็นกองดำๆอยู่กลางถนน โดยมองเห็นไม่ชัดเพราะขณะนั้นได้มีน้ำฝนตกลงมาอย่างหนัก พอแสงไฟจากรถยนต์ที่ตนและภรรยาขับด้วยกันมาส่องแสวงจึง ทำให้มองได้ชัดว่าเป็นเต่าขนาดใหญ่น้ำหนักประมาณ 1.4 กก.
นายวิรุฬห์กล่าวว่า ตนจึงจอดรถเดิมทีแรกกะว่าจะรอให้แม่เต่าตัวนี้เดินข้ามถนนไปก่อน แต่พอมองไปรอบรอบข้างทางทั้งสองฝั่งไม่มีหนองน้ำเลย ตนจึงตัดสินใจลงรถฝ่าสายฝนที่กำลังตกหนักอุ้มเต่าตัวนี้ขึ้นหลังกระบะ และบอกกับภรรยาว่าเดี๋ยวตอนเช้าจะนำไปปล่อยคืนสู่หนองน้ำหรือลำน้ำชีที่ไหลผ่านหมู่บ้านอีกด้วย
ขณะที่ตนกำลังขายของอยู่นั้นก็มีเสียงลูกน้องตะโกนมาจากท้ายรถยนต์เฮี่ยๆเต่าคลอดลูกบนรถ จึงทราบว่าเป็นแม่เต่าท้องแก่ที่กำลังจะฟักไข่ จึงรีบจัดหากาละมังใส่ทรายมาให้แม่เต่าท้องแก่รายนี้ได้อย่างเป็นธรรมชาติเพราะตนเคยดูในสารคดีสัตว์โลก เมื่อตรวจดูแม่เต่าท้องแก่ตัวนี้ดีดีก็พบบาดแผลเหมือนโดนของมีคมเจาะตรงกลางหัวร่องรอยแผลยังสดๆ คงจะโดนชาวบ้านหรือใครทำร้ายมาและหนีมาได้ แล้วตนกับภรรยาก็มาพบเข้า ซึ่งตนถือว่าเป็นบุญที่ได้ช่วยชีวิตแม่เต่าท้องแก่ตัวนี้ไว้ และยังฟักไข่บนรถยนต์ของตนอีก
ชาวตลาดและลูกค้าได้รู้ข่าวก็แห่กันเข้ามาดูต่างก็วิเคราะห์ถามไถ่เพื่อจะหาเลขเด็ด โดยมุ่งไปที่รถกระบะวีโก้ 4ประตูสีบรอน์เงิน ทะเบียน ฆฒ 6872 กทม.ที่รับแม่เต่าท้องแก่ตัวนี้มา ขณะที่ชาวตลาดมุงดูกันอยู่แม่เต่าท้องแก่รายนี้ก็ได้ฟักไข่ออกมาเป็นระยะให้แม่ค้าพ่อค้าได้เห็นทั้งหมดจำนวน 6 ฟอง หลายคนบอกตั้งแต่เกิดมาก็เพิ่งเคยเห็นแม่เต่าฟักไข่ก็ครั้งนี้ จึงเชื่อว่าแม่เต่ารายนี้คงมาให้โชคให้ลาภกับทุกคนอีกด้วย
ที่มา>>>ข่าวสด

วันจันทร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ระทึก! ปล่องลิฟท์อาคารเก่าถล่มที่บางโพงพาง

เวลา 22.55 วันที่ 6 พ.ย. ร.ต.อ.วินัย ราชทรัพย์รองสวป.สน.บางโพงพาง กทม. รับแจ้งว่ามีอาคารถล่ม ที่อาคารศุภาลัย ไกล้ๆธนาคารกรุงศรีอยุธยา สำนักงานใหญ่ ริมถนนพระราม 3 แขวงบางโพงพาง เขตยานนาวา รุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ โดยทางเจ้าของสถานที่ไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปข้างใน
จาการตรวจสอบเบื่องต้นพบว่าเป็นการรื้อถอนปล่องลิฟท์ของตัวอาคารเก่าที่สูงประมาณ 30 ชั้น โดยได้รื้ออาคารออกไปหมดแล้ว เหลือแต่ปล่องลิฟท์ โดยที่ปล่องลิฟท์ที่เหลืออยู่มีทั้งหมด 3 ปล่อง รื้อไปแล้ว 1 ปล่อง และวันนี้ได้ทำรื้อปล่องลิฟท์ปล่องที่ 2 จนล้มลงมา ทำให้เกิดเสียงดัง
ร.ต.อ. วินัย ราชทรัพย์ รอง สวป.สน.บางโพงพาง เปิดเผยว่า จากการเข้าไปตรวจสอบภายใน พบว่าเป็นการรื้อถอนที่มีใบอนุญาตถูกต้อง มีวิศวกรควบคุมดูแล และการรื้อถอนไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ แต่ทำให้เกิดเสียงดังตื่นกลัวแก่ผู้อื่น ควบคุมตัวผู้ดูแลไปส่งพนักงานสอบสวนเปรียบเทียบปรับ ที่สน.บางโพงพาง
ที่มา>>>ข่าวสด

วันเสาร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

พ่อเลี้ยงตีนโหด เตะปลายคางดช. 5 ขวบจนหัวฟาดพื้นดับอนาถ อ้างเด็กซน!!

เหตุสลดดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อบ่ายของวันที่ 4 พ.ย. ตำรวจสน.วังทองหลาง รับแจ้งเหตุเด็กถูกทำร้ายเสียชีวิตภายในอพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่ง ย่านลาดพร้าว 80 แยก 22 แขวงเขตวังทองหลาง เขตวังทองหลาง กทม. จึงรุดไปตรวจสอบพบศพด.ช.เอ (นามสมมติ) อายุ 5 ปี โดนพ่อเลี้ยงทำร้ายจนเสียชีวิต โดยพบว่าผู้ที่ทำร้ายคือนายนัท ไม่ทราบชื่อจริงและนามสกุล เป็นพ่อเลี้ยงของด.ช.เอ ซึ่งหลบหนีไปหลังเกิดเหตุ
ต่อมาตำรวจสน.วังทองหลาง เชิญตัวน.ส.เปิ้ล ผู้เป็นแม่ มาให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยน.ส.เปิ้ลให้การว่า เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา ตนฝากลูกชายไว้กับแฟนหนุ่มชื่อนัท ระหว่างนั้นลูกชายอยากไปเล่นน้ำ แต่ทางพ่อเลี้ยงไม่อนุญาตให้ไปเล่น เพราะกลัวเด็กซน จึงเตะเข้าไปที่คางของลูก 1 ครั้งจนหงายหลังไปฟาดกับขอบพื้นห้อง หมดสติไปทันที
น.ส.เปิ้ลให้การว่า ต่อมาพ่อเลี้ยงได้นำลูกชายไปแต่งตัวใส่เสื้อผ้าและอุ้มร่างไปไว้บนเตียง จนเวลาผ่านไป พ่อเลี้ยงสังเกตุเห็นลูกชายมีเลือดไหลออกปากออกจมูก จึงนำตัวไปโรงพยาบาลเปาโล สาขาโชคชัย 4 โดยให้รถ 3 ล้อไปส่ง ส่วนพ่อเลี้ยงหลบหนีไป และไม่สามารถติดต่อได้ โดยมีพ่อเลี้ยงได้ตั้งมือถือโอนสายมาที่มือถือของตนตลอด ซึ่งเวลาใครโทรมาจะมีการโอนสายมาที่ตนทันที
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้ส่งตำรวจออกติดตามจับกุมตัวนายนัทมาดำเนินคดีอย่างเร่งด่วน พร้อมทั้งประสานทางโรงพยาบาลเพื่อชันสูตรพลิกศพด.ช.เอ วัย 5 ขวบว่าเสียชีวิตด้วยสาเหตุอะไร คาดว่าจะทราบผลชันสูตรในเร็ววันนี้
ที่มา>>>ข่าวสด

วันศุกร์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

จับคาห้างเอ็มโพเรี่ยม “แต๊ก แม็กซิม”ฉกชุดเดรสสีดำหรูราคาเกือบหมื่น ตรวจพบฉี่ม่วงซ้ำ

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 3 พ.ย. ขณะที่ร.ต.อ.อชิรเวชชน์ สุพรรณเภสัช รองสวป.สน.ทองหล่อ กำลังปฏิบัติหน้าที่ภายในเขตพื้นที่รับผิดชอบ ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของห้างสรรพสินค้าดิ เอ็มโพเรี่ยม ถนนสุขุมวิท แขวงคลองตัน เขตคลองเตย กทม. ว่าสามารถควบคุมตัวคนร้ายไว้ได้หลังลงมือก่อเหตุลักทรัพย์ภายในห้าง จึงรุดเดินทางไปตรวจสอบ
พบผู้ต้องหาทราบชื่อต่อมาคือ น.ส.ณชรต หรือแต๊ก พลอยพลาย อายุ 30 ปี อดีตผู้เข้าประกวดมิสแม็กซิมปี 2010 พร้อมของกลางชุดเดรสสีดำ ยี่ห้ออินกู๊ด ราคา 9,500 บาท โดยมีน.ส.วรยา เสนีวงศ์ ณ อยุธยา ผู้จัดการร้านอินกู๊ด ยืนชี้ตัวเพื่อยืนยันว่าเป็นผู้ลงมือก่อเหตุจริง ทางเจ้าหน้าที่จึงเชิญตัวทั้งหมดมาสอบปากคำเพิ่มเติมที่สน.ทองหล่อ
น.ส.วรยาให้การว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ต้องหาได้ทำทีเข้ามาเลือกซื้อสินค้าภายในร้าน ก่อนนำชุดของกลางไปลองใส่ที่ห้องลองตามปกติ หลังจากนั้นเมื่อสวมชุดเสร็จ ได้เดินออกมาบอกกับตนว่าชุดมีขนาดเล็กไปให้ช่วยหาไซซ์ที่มีขนาดใหญ่กว่าชุดที่ลอง ระหว่างนั้นตนจึงหันไปหยิบชุดไซซ์อื่นให้ แต่ผู้ต้องหากลับรีบเดินออกจากร้านไปอย่างรวดเร็วโดยที่ยังสวมใส่ชุดของกลางอยู่โดยไม่ได้จ่ายเงิน ตนรีบวิ่งไปแจ้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของห้างให้ช่วยกันจับกุมจนสามารถควบคุมตัวเอาไว้ได้ ก่อนแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาดำเนินการตามกฎหมาย
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาลักทรัพย์ โดยผู้ต้องหายังไม่ยอมให้การเป็นประโยชน์ ทางเจ้าหน้าที่นำตัวไปตรวจหาสารเสพติดในปัสสาวะ ผลปรากฏว่าเป็นสีม่วง จากนี้จะนำปัสสาวะส่งตรวจที่ร.พ.ตำรวจอย่างละเอียดอีกครั้ง หากพบว่าเป็นสารเสพติดจริง จะแจ้งข้อหาเพิ่มเติม
ที่มา>>>ข่าวสด

วันพฤหัสบดีที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

พ่อเฒ่าวัยชราปั่นจักรยานตกข้างถนน นอนคว่ำหน้าเสียชีวิต

เมื่อเวลา 17.00 น.วันที่ 2 พฤศจิกายน 2559 พ.ต.ท.อุทัย เวียงทอง รองผกก.สอบสวน สภ.เมืองแพร่ รับแจ้งจากสายตรวจตำบลนาจักร ว่า มีคนปั่นจักรยายนตกข้างถนนเสียชีวิต ขอให้ไปทำการสอบสวนด้วย หลังรับแจ้งจึงรายงานพ.ต.อ.ชลทฤษ ชัชวาล ผกก.สภ.เมืองแพร่ ทราบและรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุร่วมกับหน่วยกู้ภัยแพร่, แพทย์ร.พ.แพร่
ที่เกิดเหตุพบผู้เสียชีวิตทราบชื่อในเวลาต่อมาคือ นายสว่าง บทกลอน หรือลุงสว่าง อายุ 68 ปี อดีตนักการภารโรง โรงเรียนอนุบาลแพร่ อยู่บ้านเลขที่ 23 บ้านเหล่า ม.5 ต.นาจักร อ.เมือง จ.แพร่ จากการสอบสวนชาวบ้านทราบว่า นายสว่าง หรือลุงสว่าง ปั่นรถจักรยานกลับมาจากนั่งเล่นที่ป่าช้านาจักร และรถจักรยานได้ตกถนนคอนกรีตสายบ้านเหล่า-นาจักร ม.8 ต.นาจักร ใกล้ถึงหมู่บ้าน ชาวบ้านขับรถผ่านถนนเห็นรถจักรยานตกข้างถนน และร่างลุงสว่างนอนคว่ำหน้าอยู่กับกอข้าว ได้พยายามช่วยแต่ลุงเสียชีวิตแล้ว
สันนิษฐานว่าเกิดอาการวูบจากหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน หลังชันสูตรพลิกศพแล้วญาติไม่ติดใจการเสียชีวิต จึงมอบศพให้นำไปประกอบพิธีตามประเพณีต่อไป
ที่มา>>>ข่าวสด

วันพุธที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

กทม. ขอความร่วมมืองดงานรื่นเริง ห้ามจุดพลุ ดอกไม้ไฟ งานลอยกระทง เน้นจัดตามประเพณี

เมื่อวันที่ 1 พ.ย. ที่ศาลาว่าการกทม. พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) เปิดเผยถึงการจัดเทศกาลลอยกระทง ประจำปี 2559 ว่า จะทำหนังสือแจ้งถึงหัวหน้าหน่วยงานในเรื่องการจัดงานประเพณีลอยกระทง ประจำปี 2559 ซึ่งตรงกับวันที่ 14 พ.ย. นี้ ซึ่งกทม. จะยังคงจัดงานลอยกระทงตามประเพณีปกติ โดยขอความร่วมมืองดจัดงานรื่นเริง ห้ามจุดพลุและดอกไม้ไฟ อย่างไรก็ตามในวันที่ 11 พ.ย. นี้ ตนพร้อมคณะผู้บริหารจะลงพื้นที่ตรวจท่าเรือต่างๆ ตลอดเส้นทางแม่น้ำเจ้าพระยา
รายงานข่าว แจ้งว่า ทั้งนี้ กทม.จะเน้นการจัดงานตามประเพณี ในส่วนของจุดจัดงานใหญ่ ที่เคยจัดแต่ละปี คือ บริเวณสะพานพระราม 8 เขตบางพลัด และคลองผดุงกรุงเกษม เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย จะเปิดให้ลอยกระทงเหมือนเดิม แต่ไม่มีการจัดงานเหมือนที่ผ่านมา โดยให้สำนักงานเขตเป็นผู้รับผิดชอบดูแลแทนสำนักวัฒนธรรม กีฬาและการท่องเที่ยว เน้นการจัดงานตามประเพณี และเหมาะกับสถานการณ์พระราชพิธี นอกจากนี้จะเปิดสวนสาธารณะให้ลอยกระทงตามปกติ โดยจะกำหนดกฎระเบียบให้ปฏิบัติ ตามเพื่อความสงบเรียบร้อย
ด้านนางสุวรรณา จุ่งรุ่งเรือง ผู้อำนวยการสำนักสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า สสล. กำหนดเปิดสวนสาธารณะ 28 แห่งในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เพื่อให้ประชาชนพาครอบครัวเข้าไปลอยกระทง ตั้งแต่เวลา 15.00–24.00 น. ได้แก่ 1. สวนลุมพินี 2. สวนจตุจักร 3. สวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ) 4. สวนพระนคร 5. สวนสราญรมย์ 6. สวนรมณีนาถ 7. สวนสันติชัยปราการ 8. สวนนาคราภิรมย์ 9. สวนธนบุรีรมย์ 10. สวนเสรีไทย (บึงกุ่ม) 11. สวนนวมินทร์ภิรมย์ 12. สวนหนองจอก 13. อุทยานเบญจสิริ 14. สวนน้ำบึงกระเทียม 15. สวนวารีภิรมย์ 16. สวนเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบ พระชนมพรรษา (ฝั่งพระนคร) 17. สวนสันติภาพ 18. สวนกีฬารามอินทรา 19. สวนรมณีย์ทุ่งสีกัน 20. สวน 50 พรรษา มหาจักรีสิรินธร
21. สวนวนธรรม 22. สวนทวีวนารมย์ 23. สวนเบญจกิติ 24. สวนหลวงพระราม 8 25. สวนสาธารณะบึงน้ำลาดพร้าว 71 26. สวนสิรินธราพฤกษาพรรณ 27. สวนเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (บางกอกน้อย) และ 28. สวนเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (สาทร) อย่างไรก็ตามขอความร่วมมือประชาชนใช้กระทงที่ทำจากวัสดุธรรมชาติหรือย่อยสลายง่าย เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ช่วยลดปริมาณขยะตกค้าง รวมทั้งห้ามจุดประทัด พลุ ดอกไม้เพลิงภายในสวนสาธารณะโดยเด็ดขาด
ที่มา>>>ข่าวสด