วันจันทร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2559

กลุ่มนักดนตรี รวมตัวจัดงาน Songs of Soul บทเพลงแห่งดวงใจสยาม ปชช.ร่วมร้องกึกก้อง

เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 30 ต.ค. ที่ลานหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ถนนราชดำริ แขวงและเขตปทุมวัน กทม. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวิทิตนันท์ โรจนพานิช ประกอบอาชีพครีเอทีฟ รายการโทรทัศน์และผู้กำกับภาพยนตร์ นำกลุ่มนักดนตรีรวมตัวจัดงาน “Songs of Soul บทเพลงแห่งดวงใจสยาม” พร้อมทั้งนำเครื่องดนตรีทั้งไทยและสากลมาบรรเลงเพลงพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามมินทราธิราช บรมนาถบพิตร และบรรเลงเพลงเทิดพระเกียรติ เพื่อแสดงออกถึงสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ โดยมีเรืออากาศตรีสุเทพ วงศ์กำแหง ศิลปินแห่งชาติ และประชาชนต่างเข้ามาร่วมชมการแสดงเป็นจำนวนมาก
นายวิทิตนันท์ กล่าวว่า การจัดงานในครั้งนี้เกิดจากนิสิตคณะศิลปกรรมศาสตร์ และคุรุศาสตร์ ที่รวมตัวเล่นดนตรีกันภายในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยทั้งหมดอยากแสดงดนตรีเพื่อระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ และสะท้อนให้เห็นถึงพระอัจฉริยภาพด้านการดนตรี ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามมินทราธิราช บรมนาถบพิตร จึงติดต่อมายังตนซึ่งเคยเป็นศิษเก่าคณะศิลปกรรมศาสตร์ให้ช่วยจัดหาสถานที่ในการจัดแสดงดนตรีหลังจากนั้นตนจึงประสานไปยังผู้บริหารของทางศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์เนื่องจากสถานที่ดังกล่าวเป็นลานที่เหมาะแก่การจัดแสดงและสามารถลองรับประชาชนได้เป็นจำนวนมาก โดยในครั้งนี้มีนักดนตรีเข้ามาร่วมบรรเลงเพลงทั้งหมดจำนวน 90 ราย คอรัสอีก 50 ราย และมีเครื่องดนตรีกว่า 90 ชิ้น มีทั้งหมด 4 วง ประกอบด้วย วงไทยชื่อ “ตาแดง วงแจ๊ส ชื่อแจ๊สใจเย็น วงเสียงไทยคอรัส และวงตาบวมซิมโฟนีออร์เคสตร้า ซึ่งทั้งหมดเป็นวงเฉพาะกิจs__77725715ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ทั้งนี้ในช่วงท้ายงานเรืออากาศตรีสุเทพ ได้ร้องนำเพลงสรรเสริญพระบารมีและความฝันอันสูงสุดโดยมีประชาชนที่เข้ามาร่วมงานต่างพากันเปล่งเสียงร้องดังกึกก้องไปทั่วบริเวณโดยรอบ
ที่มา>>>ข่าวสด

วันศุกร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2559

พระบรมฯ พระราชทานข้าวราดไก่ทอดกระเทียมพริกไทย-ผัดเผ็ดหมูป่า 2,000 ชุด

เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 27 ต.ค. ที่เต็นท์หน่วยทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ประจำเต็นท์ ได้ทำการแจกจ่ายอาหารและน้ำดื่มพระราชทานแก่ประชาชนที่เดินทางมาถวายความอาลัยที่บริเวณพระบรมมหาราชวังs__32096264โดยอาหารที่แจกจ่ายคือเมนู ข้าวราดไก่ทอดกระเทียมพริกไทยและผัดเผ็ดหมูป่า ที่ได้จัดเตรียมไว้ 2,000 ชุดต่อวัน ซึ่งจะทำการแจกจ่ายวันละครั้งในช่วงเวลาดังกล่าว
ที่มา>>>ข่าวสด

วันพฤหัสบดีที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2559

แค่ได้ฟังน้ำตาก็ไหล “ในหลวง” ปฏิเสธรักษาพระทนต์ ขอไปช่วยแก้น้ำท่วมให้ประชาชนก่อน

สมาชิกเฟซบุ๊ก “‎Khun Tik” ได้เขียนเรื่องราวของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ เกี่ยวกับการแก้ปัญหาน้ำท่วมตอนหนึ่งว่า “ในเดือนหนึ่งของปี 2528 พระทนต์องค์หนึ่ง (ฟันซี่หนึ่ง) ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หักเฉียดโพรงประสาทฟัน พระทนต์องค์นั้นต้องการการถวายการรักษาเร่งด่วน
แต่ขณะนั้นกรุงเทพฯ ก็กำลังประสบปัญหาอุทกภัย ต้องการการบรรเทาทุกข์เร่งด่วนเช่นกัน เมื่อทันตแพทย์เข้ามาถวายการรักษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรับสั่งถามว่า “จะใช้เวลานานเท่าใด” ทันตแพทย์กราบบังคมทูลว่า อาจต้องใช้เวลา 1-2 ชม. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรับสั่งว่า “ขอรอไว้ก่อนนะ ฉันทนได้ วันนี้ขอไปดูราษฏรและช่วยแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำท่วมก่อน”
ที่มา>>>ข่าวสด

วันพุธที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2559

กรุงไทยเปิดให้แลกธนบัตร 84 พรรษา 27 ต.ค.นี้

ธนาคารกรุงไทย ประสานไปยังธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อขอเบิกธนบัตรที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 และได้รับการจัดสรรธนบัตรชนิดราคา 100 บาท จ่ายแลกพร้อมแผ่นบรรจุในราคาชุดละ 200 บาท จำนวน 200,000 ชุด ซึ่งธนาคารจะเปิดให้จ่ายแลกในวันที่ 27 ตุลาคม 2559 เป็นต้นไป หรือจนกว่าธนบัตรหมด เพื่อให้ลูกค้าและประชาชนน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ คนละไม่เกิน 2 ชุด
ใน กรุงเทพฯ แลกได้ที่ 5 สาขา ได้แก่ สาขาสำนักนานาเหนือ สาขาสวนมะลิ สาขาปทุมวัน สาขาเยาวราช และสาขาถนนศรีอยุธยา ส่วนต่างจังหวัด แลกได้ที่ 17 สาขา ได้แก่ สาขาบางปลาสร้อย จังหวัดชลบุรี สาขาระยอง สาขานครสวรรค์ สาขาสิงห์บุรี สาขาชัยนาท สาขาถนนสิงหวัฒน์ จังหวัดพิษณุโลก สาขาข่วงสิงห์ จังหวัดเชียงใหม่ สาขาถนนศรีจันทร์ จังหวัดขอนแก่น สาขาอุดรธานี สาขาอุบลราชธานี สาขาสกลนคร สาขาเลย สาขาหนองคาย สาขาบึงกาฬ สาขาเซกา จังหวัดบึงกาฬ สาขาราษฎร์ยินดี จังหวัดสงขลา และสาขาถนนศรีวิชัย จังหวัดสุราษฎร์ธานี
ที่มา>>>ข่าวสด

วันอังคารที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2559

“สตีเว่น ซีกัล”พบบิ๊กตู่ เผย”ในหลวง”ทรงเป็นพระราชาที่ยิ่งใหญ่

เมื่อวันที่ 25 ต.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดโอกาสให้ สตีเว่น ซีกัลนักแสดง และผู้ผลิตภาพยนตร์ เข้าเยี่ยมคารวะ เนื่องในโอกาสที่มาแสดงความอาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
สตีเวน ซีกัล เปิดเผยภายหลังการหารือว่า รู้สึกสูญเสียต่อการสวรรคตพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งพระองค์ถือเป็นพระราชาที่ยิ่งใหญ่ ทำคุณพระโยชน์มากมาย และทั่วโลกได้ตระหนักถึง ทั้งนี้ ตนมีความรู้สึกผูกพันกับประเทศไทย ขณะเดียวกันปีหน้าตนจะสร้างภาพยนตร์แนวแอคชั่นที่ผสมผสานวัฒนธรรมไทย เช่น มวยไทย รำไทย และทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทย นอกจากนี้ยังพูดคุยถึงความร่วมมือที่จะสามารถร่วมกับประเทศไทยด้วย
ที่มา>>>ข่าวสด

วันจันทร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2559

แทบอาเจียน!! สาวซื้อหมูยอยี่ห้อดังลำปาง ดันเจอแมลงสาบทั้งตัวอยู่ข้างใน

เมื่อวันที่ 23 ต.ค. แชร์ว่อนในโลกออนไลน์ หลังมีผู้ใช้เฟซบุ๊คชื่อ ManowPapawarin ได้โพสต์รูปหมูยอแท่งยี่ห้อดังของจ.ลำปาง พร้อมข้อความว่า “ซื้อของระวังกันด้วยนะคะ มาเป็นตัวไม่ได้มาเป็นชิ้นส่วน ติดมาในเนื้อหมูยอเลยค่ะ เห็นแล้วสยอง” สร้างความพะอืดพะอมให้แก่ผู้ที่พบเห็นจนแทบอาเจียน
โดยภาพดังกล่าวเป็นหมูยอชนิดแท่ง ซึ่งมีรอยหั่นที่ปลายด้านหนึ่ง แต่ภายในหมูยอกลับเป็นแมลงสาบตัวใหญ่ ซึ่งผู้โพสต์ยังเรียกร้องให้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบโรงงานที่ผลิตด้วย เพราะหมูยอถือเป็นของฝากที่คนนิยมซื้อไปบริโภคกัน
ที่มา>>>ข่าวสด

วันเสาร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2559

‘ประจิน’ถก2เว็บใหญ่เรื่องโพสต์หมิ่น ‘กูเกิ้ล-ยูทูบ’ยอมให้ข้อมูล หากมีหมายศาล

เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 21 ต.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังการหารือกับผู้บริหารเว็บไซต์กูเกิ้ล และยูทูบ รวมทั้งหน่วยงานที่กำกับดูแล อาทิ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดทางอาชญากรรมทางเทคโนโลยี(ปอท.), กสทช. โดยใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมง
พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า ทั้งสองเว็บไซต์ยืนยันว่าให้ความสำคัญต่อเหตุการณ์สำคัญของประเทศไทย โดยเฉพาะเหตุการณ์เมื่อวันที่ 13 ต.ค.ที่ผ่าน และพร้อมปรับแนวทางเพิ่มเติม มีการตั้งทีมงานเข้ามาดูแลเฉพาะในกรณีของประเทศไทย ซึ่งจะมีคนไทยอยู่ในทีมงานเฉพาะกิจนั้นด้วย และจะเป็นแบบฟอร์มเป็นภาษาไทยเพิ่มเติมจากภาษาอังกฤษ เพื่อจะดูข้อมูลที่มีการร้องเรียนเข้ามา ให้เกิดความรวดเร็วในการส่งข้อมูลจากฝ่ายประเทศไทยไปถึงทีมงานที่สหรัฐฯ เร่งแก้ปัญหาเป็นไปอย่างรวดเร็ว โดยแบบฟอร์มดังกล่าวจะมีการระบุ ยูอาร์แอล และช่วงเวลาที่มีการเข้าไปใช้เว็บไซต์ในเบื้องต้นก่อน
จากนั้นจะมีคำสั่งศาลส่งตามไปเพื่อให้ดำเนินการแก้ปัญหา นอกจากนั้นเราได้แจ้งกับผู้บริหารฯ ไปว่ามีกลุ่มคนไทยที่รักและปกป้องสถาบันได้ติดตามเรื่องนี้ และคาดหวังว่าหน่วยงานที่รับผิดชอบทั้งกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, ตำรวจ และหน่วยงานที่สนับสนุนข้อมูลจะมีมาตรการจัดการปัญหาความไม่เหมาะสมต่างๆอย่างเป็นรูปธรรม โดยตัวแทนผู้บริหารเว็บไซต์ทั้งสองแสดงเจตนาว่าในช่วงเวลานี้จะให้ความสำคัญมาที่ประเทศไทย เพราะทราบดีว่าความรู้สึกของคนไทยที่สูญเสียพระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่เป็นอย่างไร แล้วยังถูกโจมตีจากเว็บที่บิดเบือนซ้ำอีก ก็จะดำเนินการตามที่เราร้องขอ ซึ่งเป็นเจตนาที่ดีและเป็นในเชิงบวก
พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า เราได้จัดทีมงานประสานโดยตรง กับทางกูเกิ้ลและยูทูบ โดยให้มีผู้แทนจากกระทรวงดิจิทัลฯ และมีเจ้าหน้าที่ชุดใหม่ให้การปฏิบัติเป็นไปอย่างครอบคลุมและทันเหตุการณ์ โดยจะเริ่มดำเนินการตามที่พูดคุยตั้งแต่วันที่ 22 ต.ค.นี้ และเชื่อว่าเมื่อมีทีมงานเข้าไปประสานโดยตรง การแก้ปัญหาจะเป็นไปอย่างรวดเร็ว มีการตรวจสอบภายใน 24 ชั่วโมง และจะเร่งเรื่องของการขอหมายศาลให้เร็วขึ้นเท่าที่จะทำได้ เมื่อมีทีมงานเฉพาะกิจก็จะทำให้กระบวนการต่างๆเร็วขึ้น ถ้ามีการตรวจพบข้อความที่ไม่เหมาะสมที่ปรากฎทางเพจ หรือวิดีโอคลิป เขาก็จะดำเนินการให้ โดยมีเงื่อนไขว่าทางไทยต้องส่งหมายศาลตามไปยืนยันว่าเป็นการกระทำความผิด
สำหรับประเด็นเรื่องของการละเมิดลิขสิทธิ์ การขอยูสเซอร์และไอดีของผู้ใช้งาน ทางกูเกิ้ลและยูทูบรับทราบและเข้าใจ แต่ต้องมีการปรับข้อตกลงระหว่างประเทศในการขอข้อมูลผ่านทางรัฐบาล ซึ่งในวันที่ 22 ต.ค.นี้เราจะทำเรื่องเพื่อให้ รมว.ดิจิทัลฯ สั่งการผ่านทางกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อให้ทางสหรัฐฯ พิจารณาการขอใช้สิทธิ์ดังกล่าว หากสหรัฐฯและไทยมีข้อตกลงร่วมกันเรื่องของลิขสิทธิ์ และสิทธิมนุษยชน ทางกูเกิ้ลก็จะอนุญาตเราทันที อย่างไรก็ตามเราได้ทวงถามข้อมูลที่เคยประสานไปก่อนหน้านี้เพื่อให้ส่งกลับมาและทำการระงับยับยั้งการโพสต์ที่ไม่เหมาะสม ซึ่งผู้บริหารเว็บไวต์ก็รับทราบ เมื่อเราส่งข้อมูลยืนยันก็จะดำเนินการให้ทันที ส่วนเว็บไซต์อื่น ทั้งเฟซบุ๊กและแอพพลิเคชั่นไลน์ ได้เตรียมตั้งคณะทำงานซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิค กฎหมาย ภาษา ทีมละประมาณ 5 คน เพื่อเตรียมประสานหารือกับเว็บอื่นต่อไป
“เราพยายามทำทุกอย่างให้ดีและรวดเร็วที่สุด แต่ยังติดที่เรื่องเทคนิคและกฎหมายบางส่วน แม้จะมีคนพูดว่าประสานบางอย่างได้ แต่เราก็จะทำเหมือนเดิม ไม่ใช่จะระงับไป วันนี้มีการตรวจพบจำนวนหนึ่ง โดยเมื่อวันที่ 19 และ 20 ต.ค. มีจำนวน 120 ราย ซึ่งไม่ค่อยพบว่าเป็นต่างชาติ และก่อนหน้านั้นก็มีอีกจำนวนหนึ่ง และในวันที่ 22 ต.ค.จะรวบรวมข้อมูลทั้งหมดเพื่อไปตรวจสอบ ส่วนรายละเอียดต้องขออนุญาตไม่อยากให้ออกไปแล้วสื่อในลักษณะซ้ำเติมความรู้สึกประชาชน แต่ให้รับทราบว่าเราจะทำเรื่องนี้ให้ดีที่สุด”
ที่มา>>>ข่าวสด

วันศุกร์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2559

“โฆษกรัฐบาล” แจง ปฏิทินปี 60 ในโลกโซเชียลไม่จริง เตือนปล่อยข่าวมีความผิด

เมื่อวันที่ 21ต.ค.ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีที่มีข่าวลือในโซเชียลมีเดียเกี่ยวกับการยกเลิกและกำหนดวันหยุดประจำปี 2560 ใหม่ เช่น ยกเลิกวันหยุดฉัตรมงคล วันที่ 5 พ.ค.พร้อมทั้งให้ดาวน์โหลดปฏิทินใหม่ ว่า ข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นความจริง ขณะนี้ยังไม่มีการดำเนินการใดในเรื่องนี้ หากมีรายละเอียดที่เปลี่ยนแปลงใหม่ คณะรัฐมนตรีจะต้องเป็นผู้อนุมัติอย่างเป็นทางการก่อน
ส่วนการปล่อยข่าวหรือเผยแพร่ข้อมูลที่ไม่เป็นความจริงผ่านโซเชียลมีเดีย อาจทำให้สังคมเกิดความเข้าใจผิดและส่งผลเสียหายต่อกิจการต่างๆได้ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังตรวจสอบแหล่งที่มาว่ามาจากที่ใด ดังนั้นขอให้ประชาชนระมัดระวัง ไม่ส่งต่อข้อมูลอันเป็นเท็จดังกล่าว หรือหากพบเบาะแสที่เป็นประโยชน์ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมโดยด่วน เพราะการกระทำดังกล่าวถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550
อย่างไรก็ตามประชาชนอย่าหลงเชื่อข่าวหรือข้อมูลที่ไม่ระบุที่มา และให้ติดตามข่าวสารที่ถูกต้องจากทางราชการเท่านั้น รัฐบาลมีความเข้าใจและเห็นใจทุกหน่วยงาน ทั้งภาครัฐและเอกชนที่จะต้องจัดทำปฏิทินล่วงหน้า แต่เชื่อว่าทุกคนทราบดีถึงเหตุผลและความจำเป็น และรัฐบาลจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด และแจ้งข้อมูลให้พี่น้องประชาชนทราบโดยเร็วต่อไป
ที่มา>>>ข่าวสด

วันพฤหัสบดีที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2559

พระราชินีทรงเล่าเรื่อง เมื่อ “ในหลวง” ทรงรับมือกลุ่มนศ.ออสเตรเลียที่ไร้มารยาท

สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระราชนิพนธ์หนังสือ เรื่อง”ความทรงจำในการตามเสด็จต่างประเทศทางราชการ” ทรงเล่าเหตุการณ์ที่ทรงตามเสด็จฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศเยือนมิตรประเทศ ในบทหนึ่งทรงเล่าถึงเหตุการณ์ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ เสด็จฯไปที่มหาวิทยาลัยเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย เพื่อรับการทูลเกล้าฯ ถวายปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ ช่วงนั้นสถานการณ์ทางการเมืองโลกไม่ปกติ ทรงถูกท้าทายจากกลุ่มนักศึกษากลุ่มหนึ่งที่มีความคิดรุนแรง ส่งเสียงโห่ฮาลบหลู่ แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศทรงมีวิธีรับมือกับปัญหาได้อย่างทรงพระปรีชาที่สุด56020สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้ทรงบรรยายถึงเหตุการณ์ในวันที่ 3 ก.ย. 2505 ในพระราชนิพนธ์ ความทรงจำในการตามเสด็จต่างประเทศฯ ตอนหนึ่งว่า.. “มหาวิทยาลัยเมลเบิร์นถวายปริญญานิติศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์แก่พระเจ้าอยู่หัว พอเราไปถึงมหาวิทยาลัย ก็ต้องเดินผ่านกลุ่มชายหญิง ซึ่งเข้าใจว่าเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งนั้น มีพวกหนึ่งยืนอยู่นอกหอประชุม ด้านที่เป็นประตูกระจกเปิดอยู่เป็นระยะๆ ทำให้มองเข้าไปเห็นและได้ยินเสียงจากเวทีข้างในได้ กลุ่มนี้บางคนแต่งกายไม่เรียบร้อยเลย แต่กลุ่มอื่นๆบางพวกก็ดูดี
เมื่อข้าพเจ้าตามเสด็จฯ ผ่านจะเข้าไปในหอประชุม บางพวกก็ปรบมือให้ บางพวกก็มองดูเฉยๆ ไม่ยิ้มไม่บึ้ง แต่บางพวกมองดูด้วยสายตาประหลาด แล้วมีการหันไปพูดซุบซิบและหัวเราะกันก็มี ตัวข้าพเจ้าเองก็อดที่จะมองดูเขาอย่างประหลาดใจไม่ได้เหมือนกัน เพราะเห็นว่าท่วงทีที่คนบางคนยืนช่างไม่น่าดูเลย การแต่งเนื้อแต่งตัวก็ดูจะจะเป็นเครื่องแต่งกายของพวกที่อยากจะเรียกร้องความสนใจมากกว่าที่จะให้นึกว่าเป็นนักศึกษาอันควรจะเป็นปัญญาชน
เมื่อพิธีเริ่มต้น อธิการบดีก็ลุกขึ้นไปอ่านคำสดุดีพระเกียรติพระเจ้าอยู่หัวก่อนที่จะถวายปริญญา ทันใดนั้นเองข้าพเจ้าก็ได้ยินเสียงเอะอะเหมือนโห่ปนฮาอยู่ข้างนอก คือจากกลุ่ม “ปัญญาชน” ซึ่งยืนท่าต่างๆ ที่ไม่น่าดู เช่น เอาเท้าพาดต้นไม้บ้าง ถ่างขามือเท้าสะเอวบ้าง เสียงโห่ปนฮาของเขาดังพอที่จะรบกวนเสียงที่อธิการบดีกำลังกล่าวอยู่ทีเดียว ข้าพเจ้ารู้สึกว่าอารมณ์โกรธพุ่งขึ้นมาทันที เกือบจะระงับสติอารมณ์ไม่ไหว มองขึ้นไปบนเวทีเห็นบรรดาศาสตราจารย์และกรรมการมหาวิทยาลัยที่นั่งอยู่บนนั้นต่างก็หน้าจ๋อย ซีดแทบไม่มีสีเลือด ท่าทางกระสับกระส่ายด้วยความละอายไปด้วยกันทั้งนั้น
ต่อจากนั้นก็ถึงเวลาที่พระเจ้าอยู่หัวจะเสด็จไปพระราชทานพระราชดำรัสที่เครื่องขยายเสียงกลางเวที ยังไม่ทันจะอะไร ก็มีเสียงโห่ปนฮาดังขึ้นมาจากกลุ่ม “ปัญญาชน” ข้างนอกอีกแล้ว
ข้าพเจ้ารู้สึกว่ามือเย็นเฉียบ หัวใจหวิวๆ อย่างไรพิกล รู้สึกสงสารพระเจ้าอยู่หัว จนทำอะไรไม่ถูก ไม่กล้าแม้แต่จะมองขึ้นดูพระพักตร์ท่าน ด้วยความสงสาร และเห็นพระทัย ในที่สุดฝืนใจมองขึ้นไปเพื่อถวายกำลังพระทัย แต่แล้วข้าพเจ้านั่นเองแหละที่เป็นผู้ได้กำลังใจกลับคืนมา เพราะมองดูท่านขณะที่ประทับยืนกลางเวที เห็นพระพักตร์ทรงเฉย
ทันใดนั้นเอง คนที่อยู่ในหอประชุมทั้งหมดปรบมือเสียงสนั่นหวั่นไหวคล้ายจะถวายกำลังพระทัยท่าน พอเสียงปรบมือเงียบลงคราวนี้ข้าพเจ้ามองขึ้นไปบนเวทีอีก เห็นพระเจ้าอยู่หัวทรงเปิดพระมาลาที่ทรงคู่กับฉลองพระองค์ครุย แล้วหันพระองค์ไปโค้งคำนับกลุ่มที่ส่งเสียงเอะอะอยู่ข้างนอกอย่างงดงาม และน่าดูที่สุด
พระพักตร์ยิ้มนิดๆ พระเนตรมีแววเยาะหน่อยๆ แต่พระสุรเสียงราบเรียบยิ่งนัก “ขอขอบใจท่านทั้งหลายเป็นอันมากในการต้อนรับอันอบอุ่นอันแสนสุภาพเรียบร้อยที่ท่านแสดงต่อแขกเมืองของท่าน”
ทรงรับสั่งเพียงเท่านั้นเอง แล้วหันพระองค์มารับสั่งต่อกับผู้ที่นั่งฟังอยู่ในหอประชุม
ตอนนี้ข้าพเจ้าอยากจะหัวเราะออกมาดังๆ ด้วยความสะใจ เพราะเสียงฮานั้นเงียบลงทันทีราวกับปิดสวิทช์ แล้วตั้งแต่นั้นก็ไม่มีอีกเลย ทุกคนทั้งข้างนอกข้างในต่างนั่งฟังพระราชดำรัสเฉย ท่าทางดูขบคิด
ข้าพเจ้าเห็นว่าพระราชดำรัสวันนั้นดีมาก รับสั่งสดๆ โดยไม่ทรงใช้กระดาษเลย ทรงเล่าถึงวัฒนธรรมอันเก่าแก่ของไทยเราว่า เรามีเอกราช มีภาษาของเราเอง มีตัวหนังสือ ซึ่งคิดค้นใช้ขึ้นเอง เราตั้งกฎหมายการปกครองของเราเอง ให้สิทธิเสรีภาพแก่ประชาชนมา 700 ปี กว่ามาแล้ว
ตอนนี้ข้าพเจ้าขำแทบแย่ เพราะหลังจากรับสั่งว่า 700 ปีกว่ามาแล้ว ทรงทำท่าเหมือนเพิ่งนึกออก ทรงสะดุ้งนิดๆ และทรงโค้งพระองค์อย่างสุภาพเมื่อตรัสว่า
“ขอโทษ ลืมไป ตอนนั้นยังไม่มีประเทศออสเตรเลียเลย”
แล้วทรงเล่าต่อไปว่า แต่ไหนแต่ไรมาคนไทยเรามีน้ำใจกว้างขวาง พร้อมที่จะให้โอกาสคนอื่นและฟังความเห็นของเขา เพราะเรามักใช้ปัญญาขบคิดไตร่ตรองหาเหตุผลก่อนจึงจะตัดสินว่าสิ่งไรเป็นอย่างไร ไม่สุ่มสี่สุ่มห้าตัดสินอะไรตามใจชอบ โดยไม่ใช้เหตุผล”
ผลจากการแสดงพระอัจฉริยภาพอย่างสูงในการแสดงพระราชดำรัสในสถานการณ์ดังกล่าวข้างต้น ปรากฏว่าเมื่อเสร็จพิธีแล้ว ผู้ร่วมในพิธีต่างเข้ามากราบบังคมทูลสรรเสริญถึงพระราชดำรัสนั้น และสำหรับกลุ่มนักศึกษาที่มีปฏิกิริยาเหล่านั้น ต่างก็มีอากัปกิริยาเปลี่ยนไปหมด บ้างก็มีสีหน้าเฉยๆ เจื่อนๆ ดูหลบพระเนตร ไม่มีการมองดูพระองค์อย่างประหลาดอีก แต่บางพวกก็มีน้ำใจเป็นนักกีฬาพอที่จะยิ้มแย้มแจ่มใส โบกมือและปรบมือให้แก่ทั้งสองพระองค์ตลอดทางจนถึงที่รถพระที่นั่งจอดอยู่”
ที่มา>>>ข่าวสด

วันพุธที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2559

ซึ้งใจ!! ตำรวจอวกาศเกียบัน โพสต์แสดงความอาลัย “ในหลวง” เป็นภาษาไทย

เคนจิ โอบะ หรือชื่อจริงว่า เคนจิ ทากาฮาชิ นักแสดงชื่อดังชาวญี่ปุ่นวัย 61 ปี เจ้าของบทบาทตำรวจอวกาศเกียบันในซีรีส์เรื่องเมทัลฮีโร่ (Space Sheriff Gavan) ได้โพสต์เฟซบุ๊ก “大葉健二” ซึ่งเป็นเฟซบุ๊กส่วนตัวเพื่อแสดงความอาลัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เป็นข้อความภาษาไทยว่า
“ผม เคนจิ โอบะ นักแสดงจากญี่ปุ่น ผมเคยไปเที่ยวและทำงานที่เมืองไทยครับ ผมรักเมืองไทย ผมได้ข่าวพระเจ้าอยู่หัวของไทยเสด็จสวรรคต ผมรู้สึกเสียใจครับ ผมพูดได้เพียงเสียใจครับ เสด็จสู่สวรรคาลัย”
777
ซึ่งก็มีแฟนๆ ชาวไทยได้ไปคอมเม้นท์แสดงความขอบคุณกันอย่างมากมาย ที่ เคนจิ โอบะ ยังรู้เสียใจกับการสวรรคตของ “ในหลวง” ในครั้งนี้
ที่มา>>>ข่าวสด

วันอังคารที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2559

ออมสินเปิดแลกธนบัตรที่ระลึกล็อตสุดท้าย

นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า หลังการเสด็จสววรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม 2559 ทำให้ประชาชนชาวไทยซึ่งเทิดทูนพระองค์ท่านอยากมีของที่ระลึกไว้ เพื่อรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ จึงมีประชาชนสนใจสอบถามเข้ามายังธนาคารออมสินว่ามีธนบัตรที่ระลึกในโอกาสต่างๆ ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช อยู่อีกหรือไม่ เพราะอยากแลกเก็บไว้เป็นที่ระลึก นั้น
ธนาคารฯ ตรวจสอบพบว่า ยังมีธนบัตรที่ระลึกที่จัดทำขึ้นในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 7 รอบ 84 พรรษา เมื่อปี พ.ศ.2554 ซึ่งมี 2 แบบ คือ แบบธนบัตรกับแผ่นพับเป็นซองใส่ธนบัตร จำหน่ายชุดละ 200 บาท และแบบธนบัตรพร้อมกรอบอคริลิคและหีบเพลง จำหน่ายชุดละ 500 บาท
ทั้งนี้ในที่ 17 ตุลาคม 2559 มีประชาชนแลกธนบัตรชุดนี้ไปบางส่วนแล้ว ซึ่งยังมีอยู่อีกจำนวนประมาณ 90,000 ชุด ธนาคารออมสินจึงเปิดให้ประชาชนทั่วไปแลกได้ในวันที่ 18 ตุลาคม 2559 เป็นต้นไป หรือจนกว่าธนบัตรชุดนี้จะหมด โดยจำกัดการแลกจำนวนคนละไม่เกิน 5 ชุด สำหรับแบบชุดละ 200 บาท และจำกัดชุดหีบเพลง คนละไม่เกิน 1 ชุด และแลกได้เฉพาะที่ธนาคารออมสินสำนักงานใหญ่เท่านั้น
ที่มา>>>ข่าวสด

วันจันทร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2559

บั้งไฟพญานาคขึ้นแล้ว ลูกแรกพุ่งขึ้นจากน้ำโขง อำเภอปากคาด

เมื่อเวลา 18.50 น.วันที่ 16 ต.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานจากลานพญานาคเขตเทศบาลอำเภอปากคาด จ.บึงกาฬ ว่าขณะที่นักท่องเที่ยวและประชาชนหลายหมื่นคนนั่งรอชมบั้งไฟพญานาคอยู่ที่ริมน้ำโขง ได้มีลูกไฟสีแดงอมชมพูพวยพุ่งขึ้นจากแม่น้ำโขงติดต่อกัน 4 ลูกในเวลา 18.49 นาฬิกา และยังขึ้นตามมาอีก 3 ลูก รวมเป็น 7 ลูก ทำให้ประชาชนที่มาจากต่างจังหวัดและนั่งรอชมต่างเฮลั่นสนั่นริมโขง บางคนต่างยกมือสาธุท่วมหัวที่ได้เห็นเป็นบุญตา ซึ่งมีนักท่องเที่ยวที่มารอชมครั้งแรกได้เห็นปรากฏการณ์ที่ยังพิสูจน์ไม่ได้ ส่วนที่วัดอาฮงศิลาวาส มีนักท่องเที่ยวและผู้ที่มาทำบุญนั่งรอชมเป็นจำนวนมากเช่นกัน นอกนั้นก็ยังมีประชาชนรอชมบั้งไฟพญานาคอยู่ที่ริมน้ำโขงบ้านท่าดอกคำ และบ้านท่าสีไค อ.บึงโขงหลง
ขณะที่บ้านบุ่งคล้าเหนือ ต.บุ่งคล้า อ.บุ่งคล้า จ.บึงกาฬ นายสาธิต ศิริสวัสดิ์ นายอำเภอบุ่งคล้า เป็นประธานพิธีสวนมนต์เจริญภาวนา รักษาศีล เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ และยังได้จัดสมุดลงนามถวายความอาลัยอีกด้วยและเนื่องจากวันนี้ตรงกับวันออกพรรษา อำเภอบุ่งคล้า มี 3 ตำบล 25 หมู่บ้าน ได้พร้อมใจกันจัดทำเรือไฟ เพื่อบูชาพญานาค และพระแม่คงคา โดยเฉพาะ อำเภอบุ่งคล้า อยู่ตรงข้ามบ้านปากกระดิ่ง ของสปป.ลาว โดยประชาชนทั้งสองฝั่งมีความเลื่อมใสศรัทธาเจ้าโต่ง ซึ่งตามความเชื่อของชาวบ้านทั้ง 2 ฝั่งโขง เจ้าโต่งเป็นเทพที่คอยปกปักรักษาคุ้มครองประชาชน 2 ฝั่งโขง จึงได้จัดให้มีพิธีเซ่นไหว้ศาลเจ้าโต่งเพื่อความเป็นศิริมงคลอีกด้วย หลังจากนั้นชาวบ้านจึงได้ร่วมใจกันไหลเรือไฟลงในแม่น้ำโขง ซึ่งเรือไฟที่ชาวบ้านช่วยกันทำมาจากวัสดุธรรมชาติที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น ไม้ไผ่ เตย คล้า จักตอก และธูปเทียน ถือเป็นประเพณีที่งดงามของชาวอำเภอบุ่งคล้า จังหวัดบึงกาฬ
ที่มา>>>ข่าวสด

วันเสาร์ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2559

หมายกำหนดการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศล “ในหลวง” ในพระบรมโกศตลอด 100 วัน

สำนักพระราชวังแจ้งหมายกำหนดการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศล พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท โดยกำหนดการประจำวันตลอด 100 วัน หรือตามกำหนดไว้ทุกข์ จะเริ่มตั้งแต่เวลา 06.00 น. พระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม และประโคมย่ำยาม เวลา 07.00 น.พระพิธีธรรมรับพระราชทานฉันเช้า เวลา 09.00 น. พระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม และประโคมย่ำยาม เวลา 11.00 น. พระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมฉันเพล เวลา 12.00 น.พระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม และประโคมย่ำยาม และเวลา 15.00 น. พระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม และประโคมย่ำยาม เวลา 18.00 น. ประโคมย่ำยาม เวลา 19.00 น. พระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม 21.00 น. พระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม และประโคมย่ำยาม
พระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสัตตมวาร (7วัน) จะมีขึ้นในวันพุธที่ 19 ต.ค. เวลา 17.00 น. พระสงฆ์ 30 รูปสวดพระพุทธมนต์ จบ มีพระธรรมเทศนากัณฑ์ 1 พระ 4 รูปสวดพระธรรมคาถา แต่งกายเครื่องแบบเต็มยศ ไว้ทุกข์ สายสะพายมหาจักรี หรือสายสะพายมงกุฎไทย วันพฤหัสที่ 20 ตุลาคม เวลา 10.30 น. พระสงฆ์ 30 รูปสวดถวายพรพระ รับพระราชทานฉัน มีพระธรรมเทศนากัณฑ์ 1 พระ 4 รูปสวดพระธรรมคาถา ประเคนผ้าไตร พระ 89 รูป เท่าพระชนมพรรษา แต่งกายเครื่องแบบครึ่งยศ ไว้ทุกข์
 พิธีบำเพ็ญพระราชกุศลปัณรสมวาร (15 วัน) วันพฤหัสบดีที่ 27 ต.ค. เวลา 17.00 น. พระสงฆ์ 10 รูปสวดพระพุทธมนต์ จบ มีพระธรรมเทศนากัณฑ์ 1 พระ 4 รูปสวดธรรมคาถา พระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม การแต่งกายเครื่องแบบปรกติขาว ไว้ทุกข์ประดับเหรียญ วันศุกร์ที่ 28 ต.ค. เวลา 10.30 น. พระสงฆ์ 10 รูป สวดถวายพระพร รับพระราชทานฉัน ประเคนผ้าไตรพระ 89 รูป เท่าพระชนมพรรษา สดับปกรณ์ แต่งกายเครื่องแบบปกติขาว ไว้ทุกข์ ประดับเหรียญ
พระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลปัญญาสมวาร 50 วัน มีขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 1 ธ.ค. เวลา 17.00 น. พระสงฆ์ 30 รูปสวดพระพุทธมนต์ จบ มีพระธรรมเทศนากัณฑ์ 1 พระ 4 รูปสวดธรรมถาคา แต่งกายเครื่องแบบเต็มยศ ไว้ทุกข์ สายสะพายจุลจอมเกล้า หรือสายสะพายมงกุฎไทย วันศุกร์ที่ 2 ธ.ค. เวลา 10.30 น. พระสงฆ์ 30 รูปสวดถวายพรพระ รับพระราชทานฉัน มีพระธรรมเทศนากัณฑ์ 1 พระ 4 รูปสวดธรรมคาถา ประเคนผ้าไตรพระ 89 รูป เท่าพระชนมพรรษา แต่งกายเครื่องแบบครึ่งยศ ไว้ทุกข์
และพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสตมวาร (100วัน) วันศุกร์ที่ 20 ม.ค.2560 เวลา 17.00 น. พระสงฆ์ 30 รูปสวดพระพุทธมนต์ จบ มีพระธรรมเทศนากัณฑ์ 1 พระ 4 รูปสวดธรรมคาถา แต่งกายเครื่องแบบเต็มยศ ไว้ทุกข์ สายสะพายจุลจอมเกล้า หรือสายสะพายมงกุฏไทย วันเสาร์ที่ 21 ม.ค. 2560 เวลา 10.00 น. พระสงฆ์ 30 รูป สวดถวายพระพร รับพระราชทานฉัน มีพระธรรมเทศนากัณฑ์ 1 พระ 4 รูป สวดธรรมคาถา ประเคนผ้าผ้าไตรพระ 89 รูป เท่าพระชนมพรรษา แต่งกายเครื่องแบบครึ่งยศ ไว้ทุกข์
ที่มา>>>ข่าวสด

วันศุกร์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2559

ชาวร้อยเอ็ดแชร์ภาพถ่ายท้องฟ้า..กราบแทบฝ่าพระบาท ส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย

เมื่อวันที่ 14 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวจังหวัดร้อยเอ็ดมีการแชร์ภาพถ่ายท้องฟ้ายามค่ำคืน และข้อความว่า “ด่วนบนท้องฟ้าตอนนี้!! พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เสด็จสวรรคต 13 ตุลาคม พ.ศ.2559 ชาวจังหวัดร้อยเอ็ดมองเห็นพระพักตร์บนท้องฟ้าได้ชัดเจน สาธุ กราบแทบฝ่าพระบาท ส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย”
ที่มา>>>ข่าวสด

สำนักพระราชวังเปิดให้พสกนิกรถวายน้ำสรงพระบรมศพ เบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ ณ ศาลาสหทัยสมาคม

ที่มา>>>ข่าวสด

วันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559

ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ ทรงขึ้นโปรไฟล์ “ในหลวง” สีชมพู

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 12 ต.ค. อินสตาแกรมส่วนพระองค์ของทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ซึ่งทรงใช้พระนามแฝงว่า nichax ทรงขึ้นโปรไฟล์ “รักในหลวง” สีชมพู ซึ่งในโลกโซเชี่ยลต่างพร้อมใจกันใช้โปรไฟล์นี้เพื่อแสดงความรักต่อในหลวง
ที่มา>>>ข่าวสด

ไลน์ ประเทศไทย เตือนผู้ใช้งาน มีวิจารณญาณในการรับข่าวสาร และส่งต่อข้อมูล

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แอคเค้าท์ไลน์ ประเทศไทย ได้ส่งข้อความถึงผู้ใช้งานว่า “Line ขอความร่วมมือทุกท่านโปรดใช้วิจารณญาณในการรับข่าวสารและส่งต่อข้อมูลที่กล่าวอ้างโดยไม่มีหลักฐานพิสูจน์ข้อเท็จจริง ซึ่งอาจนำไปสู่การรับรู้และเผยแพร่ข้อมูลที่ผิดผ่าน Line ได้”
14699824_10210366619260140_1547227932_n
ที่มา>>>ข่าวสด

วันพุธที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2559

ญาติรมต.ขับเก๋งชนขาตั้งรถเครนเสียชีวิตริมถนนบางขุนเทียน-ชายทะเล

เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ต.ค. 59 ร.ต.อ.ทัศนัย กรุดทรัพย์ รองสว.(สอบสวน)สน.เทียนทะเล รับแจ้งอุบัติเหตุรถชนมีผู้ได้รับบาดเจ็บ บริเวณหน้าร้านอาหารคำขวัญ ซีฟู๊ด ถนนบางขุนเทียน-ชายทะเล แขวงท่าข้าม เขตบางขุนเทียน กทม.จึงรุดไปตรวจสอบร้อมเจ้าหน้าที่กู้ชีพมูลนิธิป่อเต็กตึ้ง
ที่เกิดเหตุพบรถยนต์นั่งยี่ห้อ BMW สีบรอนซ์เทา ทะเบียน พท 1719 กรุงเทพมหานคร ชนกับขาตั้งรถเครน ยี่ห้อ TADANO ทะเบียน 76-9881 กรุงเทพมหานคร ซึ่งจอดอยู่ช่องทางด้านซ้าย สภาพรถ BMW ด้านหน้าพังยับ ภายในพบร่างนาย อนุชา วัฒนวรางกูร อายุ 43 ปี อาชีพซื้อขายรถมือสอง คนขับติดอยู่ภายในบริเวณที่นั่งคนขับนอนหายใจรวยริน ทางชุดกู้ชีพมูลนิธิป่อเต็กตึ้งจึงรีบช่วยนำร่างคนเจ็บออกจากตัวรถเพื่อช่วยเหลือ แต่นายอนุชา ทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมาสอบสวนนาย อุทัย สิทธิคำ อายุ 39 ปี คนขับรถเครนของบ.บางกอกไพบูลย์ ซึ่งรับเหมางานวางท่อประปาริมถนนบางขุนเทียน-ชายทะเล ให้การว่าก่อนเกิดเหตุนำรถเครนมาจอดเพื่อเปิดฝาท่อวางท่อประปาโดยมีป้ายสัญญาณไฟติดตั้งอยู่บริเวณด้านท้ายชัดเจน ขณะกำลังทำงานอยู่ จู่ๆก็พบมีรถพุ่งมากระแทกที่บริเวณขารถเครนที่ตั้งอยู่ด้านข้างอย่างแรง เมื่อลงมาดูก็พบคนเจ็บติดอยู่ภายในจึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ
สำหรับนายอนุชา คนขับรถเก๋ง BMW พบเป็นญาตินางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมต.กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตรวจสอบไม่พบรอยเบรคเชื่อว่าผู้ตายน่าจะขับมาด้วยความเร็ว อย่างไรก็ตาม ยังไม่ได้แจ้งข้อหากับใครทั้งนี้ต้องรอสอบพยานรวมถึงตรวจสอบกล้องทีวีวงจรปิดใกล้เคียงเพื่อตรวจสอบว่าเกิดจากความประมาทหรือไม่ต่อไป
ที่มา>>>ข่าวสด

แชร์ว่อน นักร้องสาวโดนผญบ.หญิงใช้ปืนตีหัวเลือดอาบ เข้าใจผิดว่าเป็นกิ๊กผัว”ขรก.”

จากกรณีที่มีการแชร์ภาพจากเฟซบุ๊ก อยากดังเดี๋ยวจัดให้ V5. ได้โพสต์ภาพหญิงสาวรายหนึ่งมีเลือดเต็มตัว และมีบาดแผลที่ศีรษะ โดยระบุข้อความว่า เป็นสาวนั่งดริ๊ง แต่ถูกผู้ใหญ่บ้านสาวใหญ่ ภรรยาของชายข้าราชการที่อยู่ด้วย เข้าใจผิดคิดว่าเป็นชู้ ใช้ปืนตีหัวจนเลือดอาบ อีกทั้งยังดูถูกอาชีพผู้หญิงที่ทำงานกลางคืนอีกด้วย จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์กระหึ่มโลกออนไลน์%e0%b8%ab%e0%b8%9f%e0%b8%81%e0%b8%9f%e0%b8%81%e0%b8%9f%e0%b8%ab
โดยล่าสุด “น้องฟ้า” (นามสมมติ) ผู้บาดเจ็บในภาพ ได้โพสต์ชี้แจงว่า ก่อนอื่นก้อต้องฝากบอกคนที่มาเม้นที่ว่าฉันก้อรู้จะจักเมียเขาดี หาว่าดิฉันวนเวียนไม่จบไม่สิ้น หาว่าดิฉันนัดเจอกันนอกสถานที่บ้าง ถึงดิฉันทำงานเป็นนักร้องกลางคืน แต่ดิฉันก็มีสมอง ไม่ได้เป็นอย่างที่คุณเม้นว่า ก้อเอาความจิงมาพูดิ
หนูก้อจะบอกเลยว่าคนที่โทรไปทำให้เขาทะเลาะกันคงไม่ใช่หนู แล้วเรา..คุณนักสืบเพราะดิฉันไม่ได้คิดต่อใครๆๆ มาเป็นสองเดือนสามเดือนแล้ว อีกอย่างดิฉันก้อเพิ่งมานครยากเมื่อวานแล้วโทรศัพท์ก้อเพิ่งซื้อ แล้วดิฉันจะมีเบอร์ใครได้ไง เพียงแต่เห็นมีเบอร์แปลกโทรมา เราก้อแค่เดินไปรับโทรศัพท์..เราทำงานเราก้อเดินมารับแขก ก้อขึ้นมานั่งคุยบนรถ..แล้วก้อไม่ได้ทำอะไรกัน..แล้วคุณก้อมาทำร้ายร่างกายทั้งๆๆที่คนที่โทรหาสามีคุณนะไม่ใช่ฉัน..แล้วอีกอย่างอย่างอาชีพไหนก้อคนเหมือนกัน..อย่ามาดูถูกคนกลางคืน….
ที่มา>>>ข่าวสด

วันอังคารที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2559

พังครืนทั้งหลัง โรงงานกระเบื้องดินเผาโบราณ อายุกว่า 100 ปี หลังเจอพิษฝน-ลมถล่ม

วันที่ 10 ต.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่ามีโรงงานกระเบื้องดินเผาอายุกว่า 100 ปี พังถล่มลงมาที่บ้านเลขที่ 122 หมู่ 6 บ้านท่านางหอม ต.น้ำน้อย อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา จึงเดินทางไปตรวจสอบพบน.ส.ละออ ทิพโอสถ อายุ 61 ปี เจ้าของบ้าน พร้อมเปิดเผยว่า โรงกระเบื้องดินเผาดังกล่าวเป็นธุรกิจของครอบครัว ซึ่งสืบทอดกันมา 4 รุ่น ได้พังถล่มลงมาทั้งหลังเมื่อวันที่ 9 ต.ค. เนื่องจากเป็นโครงสร้างไม้เก่า และหลังคามุงด้วยกระเบื้องดินเผาแบบโบราณ ทำให้กระเบื้องที่เผาเสร็จแล้วกว่า 5 หมื่นแผ่นที่รอนำไปใช้บูรณะย่านเมืองเก่าสงขลาได้รับความเสียหาย201610100858279-20041020085649น.ส.ละออ กล่าวต่อว่า สาเหตุเนื่องจากในระยะนี้มีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่องและมีลมกระโชกแรง ทำให้ตัวโรงกระเบื้องที่สร้างมานานและเริ่มผุกร่อนพังถล่มลงมา แต่โชคยังดีที่โรงกระเบื้องพังถล่มลงมาในช่วงกลางคืนจึงไม่มีใครได้รับอันตราย
“ผมเตรียมที่จะบูรณะซ่อมแซมขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ซึ่งคาดว่าต้องใช้งบประมาณกว่า 3.5 แสนบาทและใช้เวลาประมาณ 1 เดือน แต่อาจใช้โครงสร้างเหล็กและไม้เป็นหลักส่วนหลังคายังคงมุงด้วยกระเบื้องดินเผาเหมือนเดิม หลังเกิดเหตุทางมูลนิธิทักษิณคดีศึกษาได้เข้าไปสำรวจความเสียหายและหาแนวทางช่วยเหลือแล้ว” น.ส.ละออ กล่าว
น.ส.ละออ กล่าวต่อว่า สำหรับกระเบื้องดินเผาแบบโบราณหรือกระเบื้องเกาะยอที่ผลิตจากโรงผลิตได้ ถูกนำไปใช้ก่อสร้างและบูรณสิ่งก่อสร้างทั้งสมัยเก่าและสมัยใหม่ และใช้ในการสร้างเมืองโบราณ โครงการมัลลิกา ยุค ร.ศ.124 ที่ จ.กาญจนบุรี ซึ่งเป็นช่วงที่ประกาศเลิกทาส และกระบวนการผลิตยังใช้รูปแบบโบราณที่สืบทอดกันมานับร้อยปี โดยใช้เวลาเผา 1 เดือน แล้วนำออกมาตากลมอีก 25-30 วัน รวมระยะเวลาประมาณ 2 เดือนจึงจะสามารถนำไปใช้ได้
ที่มา>>>ข่าวสด

เจ้าอาวาสวัดเกศเหนือ ยอมแพ้ประกาศขอรอวันตาย สงสารชาวบ้านต้องช่วยลงขันฟอกไต

เมื่อวันที่ 10 ต.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านเกศเหนือ ต.บ้านตะโก อ.ห้วยราช จ.บุรีรัมย์ ว่ามีเจ้าอาวาสวัด ได้ประกาศรอวันตาย หลังจากไม่มีเงินค่าใช้จ่ายในการฟอกไตอีกแล้ว เพราะสงสารหมอและชาวบ้านที่พยายามช่วยเหลือมานานถึง 6 ปี จึงเดินทางไปที่วัดเกศเหนือ พบพระครูสุวรรณ จันทร์ศิริ อายุ 72 ปี ใช้ไม้เท้าพยุงเดินออกกำลังกายไปแบบช้าๆ ก่อนจะไปนั่งเก้าอี้ระนาด ในสภาพอาการอิดโรย เส้นเอ็นตามแขนปูดบวม เพราะเกิดจากรอยเข็มที่ถูกเจาะเป็นประจำ สอบถามทราบว่าพึ่งกลับมาจากการฟอกไตที่ศูนย์ไตโรงพยาบาลศูนย์บุรีรัมย์
นางกิมลาน นิพานรัมย์ อายุ 67 ปี เปิดเผยว่า พระครูสุวรรณ จำอยู่วัดเกศเหนือ มานานกว่า 40 ปี จนกระทั่งได้มาเป็นเจ้าอาวาสวัดเกศเหนือ และเมื่อปี พ.ศ.2539 พระครูเริ่มเป็นเบาหวาน แต่สุขภาพยังแข็งแรง ซึ่งได้รักษาด้วยการทานยามาเป็นประจำ โดยเมื่อปี 2553 พระครูสุวรรณ ป่วยเป็นโรคไตวาย จะต้องฟอกไตด้วยเครื่องสัปดาห์ละ 3 ครั้ง แต่ละครั้งจะเสียค่าฟอกไต 1,500 บาท เฉลี่ยเดือนละ 18,000 บาท ไม่รวมค่าใช้จ่ายในการเดินทางซึ่งต้องจ้างเหมารถไปทุกครั้ง (ค่าใช้จ่ายเดินทางครั้งละ 1,000 บาท) รวมค่าใช้จ่ายต่อเดือน 30,000 บาท หลังจากฟอกไตมาได้ 4 ปี หมดเงินไปกว่า 1,4000,000 บาท ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงให้ฟอกไตฟรีโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายvlcsnap-2714-05-19-22h50m47s241นางกิมลาน กล่าวอีกว่า หลังจากไม่ได้เสียค่าฟอกไต มาตั้งแต่ปี 2557 พระครูสุวรรณ จะมีค่าใช้จ่ายเพียงค่าเหมารถและค่าอื่นๆครั้งละประมาณ 1,000 บาท สัปดาห์ละ 3 ครั้งเฉลี่ยเดือนละ 12,000 บาท แต่เริ่มไม่มีเงินไปเป็นค่าใช้จ่าย ชาวบ้าน 4 หมู่บ้าน ได้พยายามบริจาคเงินมาเป็นค่ารักษาแต่ได้เงินเพียงเดือนละประมาณ 3,000-4,000 บาท ซึ่งก็ยังไม่เพียงพอ จนกระทั่งล่าสุดวันนี้ (10 ต.ค.) พระครูสุวรรณ ได้กลับมาจากการฟอกไต และประกาศว่าจะขอหยุดการรักษาเพราะไม่มีเงินเดินทาง ประกอบกับสงสารชาวบ้านและหมอที่พยายามช่วยเหลือมานาน ไม่อยากจะไปรบกวนใครอีก ขณะนี้ชาวบ้านไม่มีทางออก จึงอยากจะให้ผู้ใจบุญหรือหน่วยงานใด มาช่วยรักษาพระครูสุวรรณ ให้ยืนยาวต่อไปอีก
 ด้านพระครูสุวรรณ จันทร์ศิริ บอกว่า ตอนนี้หมดกำลังใจแล้ว สงสารทั้งหมอและชาวบ้าน ที่พยายามช่วยเหลือ หลังจากนี้หากไม่มีเงินก็จะไม่ไปฟอกไตอีก ปล่อยให้เป็นไปตามบุญตามกรรม แต่หากมีคนมาช่วยเหลือ ก็ขอให้ผลบุญส่งกลับไปทั้งชาตินี้และชาติหน้า
s__25427971หมายเหตุ..ผู้สนใจช่วยเหลือค่าใช้จ่ายโอนเงินมาได้ที่ธนาคารกรุงไทย สาขาบุรีรัมย์ เลขบัญชี 308-1-42886-6 ชื่อบัญชี พระครูสุวรรณ จันทสิริ
ที่มา>>>ข่าวสด

วันจันทร์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2559

โรงแรมอิสติน ตัน ยื่นอุทธรณ์ หลังถูกสั่งปิด พบยังมีนักท่องเที่ยวเข้าพักปกติระหว่างร้องเรียน

จากกรณีเจ้าหน้าที่สั่งปิดโรงแรมอิสติน ตัน โฮเทล จ.เชียงใหม่ ของ ตัน ภาสกรนทีนักธุรกิจชื่อดัง โดยยืนยันว่าผิดกฎหมายผังเมือง และ กฎหมายควบคุมอาคาร โดยนายศรัญญู มีทองคำ นายอำเภอเมืองเชียงใหม่ กล่าวว่า หลังส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจโรงแรมอิสติน ตัน โฮเทล ถ.ห้วยแก้ว อ.เมืองเชียงใหม่ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (7ต.ค.) พบว่า เปิดเป็นโรงแรมโดยไม่มีใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรม และเข้าข่ายกระทำผิดกฎหมายผังเมืองและกฎหมายควบคุมอาคาร
นายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยถึงกรณีทางจังหวัดได้มอบหมายให้ทางอำเภอเมืองเชียงใหม่เข้าทำการตรวจสอบโรงแรมอิสติน ตัน โฮเทล เชียงใหม่ ของนายตัน ภาสกรนที นักธุรกิจชื่อดัง ซึ่งตั้งอยู่บริเวณถนนห้วยแก้ว อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่นั้น เนื่องจากอาคารดังกล่าวได้ขออนุญาตก่อสร้างเป็นอาคารชุดที่พักอาศัย หรือ คอนโดมิเนียม แต่ทางผู้ประกอบการได้นำอาคารดังกล่าวมาเปิดให้บริการเป็นโรงแรมที่พัก ซึ่งผิดต่อ พ.ร.บ.ผังเมือง ทางอำเภอเมืองเชียงใหม่ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบเรื่องดังกล่าว จึงไม่สามารถอนุญาตให้ดำเนินกิจการประเภทโรงแรมได้
ทางโรงแรมอิสติน ตันฯ ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อฝ่ายปกครองของจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งทางคณะกรรมการจังหวัดประชุมร่วมกัน พร้อมทำเรื่องขอความเห็นไปยังกรมโยธาธิการและผังเมือง ซึ่งได้พิจารณาแล้วเห็นว่าขัดต่อ พ.ร.บ.ผังเมืองและกฎหมายควบคุมอาคาร จึงไม่อนุญาตให้ดำเนินการจัดตั้งเป็นโรงแรมที่พัก จากกรณีการขออนุญาตอาคารดังกล่าวนี้ เป็นเรื่องเกิดขึ้นมาก่อนที่จะเข้ามารับตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ แต่เมื่ออาคารดังกล่าวนี้ไม่ได้รับอนุญาตให้เปิดดำเนินการโรงแรมที่พักตามกฎหมาย จึงไม่สามารถที่จะเปิดให้บริการได้เป็นหลักที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ส่วนเรื่องที่โรงแรมออกมาชี้แจงว่ากำลังยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการส่งเสริม และกำกับธุรกิจโรงแรม เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2559 นั้น ยังไม่ได้รับรายงาน
ด้านนายสมหวัง บุญระยอง โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า การทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ของอาคารแห่งนี้ เป็นอีไอเอสำหรับอาคารอยู่อาศัย โดยไม่ได้ทำอีไอเอสำหรับโรงแรม จึงทำให้การนำอาคารชุดมาปรับเป็นโรงแรมถือว่าผิดกฎหมาย201610092012222-20021028190509ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนหน้านี้ นายตัน ชี้แจงผ่านเฟซบุ๊ก “ตัน ภาสกรนที”ว่า ตามที่มีข่าวว่าโรงแรม อิสติน ตัน โฮเทล เชียงใหม่ ประกอบธุรกิจโรงแรมโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้น เนื่องจากโรงแรมได้รับการปฏิเสธการขออนุญาตทำธุรกิจโรงแรม เพราะมีการเปลี่ยนผังเมืองใหม่ และขณะนี้ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการการส่งเสริมและกำกับธุรกิจโรงแรมแล้ว จึงขอเรียนว่า เหตุการณ์นี้เกิดจากปัญหารอยต่อระหว่างประกาศผังเมืองฉบับเก่า และฉบับใหม่ บริษัทฯ ไม่มีเจตนาทำผิดกฎหมาย” ตามข่าวที่ได้เสนอไปแล้วนั้น
ข่าวคืบหน้าเมื่อเวลา 19.50 น.วันที่ 9 ตค59 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปโรงแรม อิอิตัน ซึ่งตั้งอยู๋บนถนนห้วยแก้ว อ.เมืองเชียงใหม่ พบว่าทางโรงแรมยังคงเปิดให้บริการอยู่ตามปกติโดยมีนักท่องเที่ยวยังคงเข้าออกโรงแรมดังกล่าวและไฟในห้องพักบางห้องก็ยังคงเปิดแสดงว่ามีผู้เข้าไปพักอยู่ก่อนหน้านั้นแล้วรวมทั้งผู้ที่มาพักใหม่ และมีรถตู้ของทางโรงแรมรับส่งแขกของโรงแรมเข้าออกเป็นระยะ ซึ่งส่วนมากจะเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศยุโรปและชาวจีน ที่มาติดต่อขอเช่าพัก ส่วนคนไทยนั้นก็จะมาเพียงถ่ายภาพรูปปั้นนายตัน ที่ตั้งอยู่ในบริเวณศูนย์การค้า “ติงปร์าค”หน้าโรงแรมของเสี่ยตัน
ผู้สื่อข่าวได้เข้าไปสอบถามพนักงานโรงแรมอิชิตันซึ่งกำลังให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติอยู่โดยพนักงานได้เปิดเผยว่า ทางโรงแรมยังคงเปิดให้บริการตามปกติอยู่โดยทางผู้บริหารของโรงแรมได้แจ้งให้กับพนักงานทราบว่าให้ปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ เพราะเรื่องยังอยู่การร้องขอความเป็นธรรมอยู่ เมื่อมีแขกเดินทางมาติดต่อขอพักทางพนักงานก็จะให้ขึ้นไปติดต่อกับเคาร์เตอร์ชั้น 2 ของโรงแรมทันที ซึ่งก็มีนักท่องเที่ยวเข้ามาพักตลอดในช่วงนี้ ส่วนมากเป็นชาวต่างชาติ
ที่มา>>>ข่าวสด

‘ตาแพน’ซึ้งน้ำใจคนบริจาคเงิน ทอดผ้าป่าส่งผลบุญตอบแทน นำเงินซ่อมบ้าน ลั่นทำนา-สานสุ่มเลี้ยงต่อ

‘ตาแพน’ วัย 72 ปี ชาวบุรีรัมย์ที่ทำเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เบี้ยคนพิการที่เก็บสะสมไว้ก้อนสุดท้ายของชีวิต 1.5 หมื่นบาทหล่นหาย เตรียมนำเงินที่ผู้ใจบุญบริจาคช่วยเหลือเกือบ 1.3 ล้าน ซ่อมแซมบ้านที่ผุพังตามฝัน ที่เหลือเก็บไว้เลี้ยงตัว ภรรยาและหลานพิการ ยันยังยึดอาชีพทำนา และสานสุ่มขาย ทั้งตั้งใจทำบุญทอดผ้าป่าส่งผลบุญตอบแทนผู้มีจิตศรัทธา
วันที่ 9 ต.ค. ผู้สื่อข่าวตามติดชีวิตของ ตาแพน แผ้วพลสง อายุ 72 ปี ชาว ต.สะแกซำ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ที่ทำกระเป๋าสตางค์ที่มีเงินสดอยู่กว่า 15,000 บาท ที่คุณตาเก็บสะสมจากเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุทั้งของตนเอง ภรรยา รวมถึงเบี้ยคนพิการของหลานสาว และเงินที่ลูกชายส่งมาเป็นค่าเล่าเรียน ซึ่งเป็นเงินเก็บก้อนสุดท้ายของชีวิตหล่นหาย ขณะพา น้องแพม หลานสาวพิการวัย 6 ขวบ ไปทำเรื่องต่ออายุบัตรคนพิการที่โรงพยาบาลศูนย์บุรีรัมย์
ล่าสุดหลังมีผู้ใจบุญบริจาคเงินช่วยเหลือเกือบ 1,300,000 บาท คุณตาแพนก็เตรียมที่จะนำเงินที่ได้รับบริจาคไปซื้อวัสดุอุปกรณ์ มาทำการซ่อมแซมบ้าน ซึ่งมีสภาพชำรุดทรุดโทรมผุพังตามที่ตั้งใจไว้ โดยคาดว่าจะทำการเปลี่ยนหลังคาที่เป็นรูรั่ว ฝาบ้าน ปูพื้น และห้องน้ำจะใช้เงินประมาณ 400,000 บาท พร้อมทั้งชำระหนี้ ธกส. ที่กู้ยืมมาลงทุน 15,000 บาท หนี้กองทุนหมู่บ้าน 20,000 บาท รวมทั้งหนี้ที่ยืมน้องชายมาใช้จ่ายในครอบครัวอีก 37,000 บาท
ทั้งนี้ตั้งใจว่าจะนำเงินส่วนหนึ่งไปทำบุญทอดผ้าป่าให้กับวัดในหมู่บ้าน เพื่อส่งผลกุศลจากการทำบุญในครั้งนี้ตอบแทนให้กับผู้มีจิตศรัทธาทุกคนที่มีน้ำใจบริจาคเงินช่วยเหลือ ให้ทุกคนมีแต่ความสุข ความเจริญ  ประสบความสำเร็จในชีวิต ส่วนเงินที่เหลือก็จะเก็บไว้เลี้ยงตัวเอง ภรรยา ในบั้นปลายชีวิต รวมถึงเก็บไว้เลี้ยงหลานสาวพิการด้วย
คุณตาแพน บอกว่า รู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจของผู้มีจิตศรัทธาทุกคนที่บริจาคช่วยเหลือ ยืนยันว่าจะใช้เงินที่ได้รับบริจาคให้เกิดประโยชน์แก่ครอบครัว ให้เป็นไปตามที่ผู้ใจบุญตั้งใจช่วยเหลือ และจะใช้อย่างประหยัดที่สุด ทั้งยังยืนยันว่าแม้จะได้รับเงินบริจาคจำนวนมากแล้ว ก็ยังจะยึดอาชีพทำนา สานสุ่มขาย ออกไปจับปู ปลา และใช้ชีวิตแบบพอเพียงเหมือนเดิม เพื่อจะได้เก็บเงินไว้ใช้ยามเจ็บป่วย หรือจำเป็นฉุกเฉิน
ที่มา>>>ข่าวสด

วันเสาร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2559

มาแว้ว!! “น้องทราย-คอสเพลย์” จัดเต็มชุด “นาปี” แขม่วพุงประชัน “แต้ว-นาคี”

สร้างชื่อจากชุด “ถุงข้าวเกรียบ” เลียนแบบซุปตาร์ตัวแม่ระดับ ชมพู่ อารยา ที่เดินเฉิดฉายในพรมแดงเมืองคานส์ เมื่อเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา
ล่าสุดสาวคอสเพลย์ น้องทราย-เบญจพร ก็งัดมุขฮาๆ มาครีเอตชุดเวอร์ชั่นใหม่แกะกล่อง “นาปี” ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากละคร “นาคี” ที่กำลังโด่งดังเวลานี้
อัพรูปลงเฟซบุ๊กส่วนตัว Sine Benjaphorn เทียบรัศมีนางเอกคนงาม แต้ว-ณฐพร เตมีรักษ์ เรียกได้ว่างานคอสตูมก็มา งานโพสท่าก็ไม่น้อยหน้า
จัดเต็มทั้ง ขิง ข่า กระชาย กาต้มน้ำ ผ้าขนหนู ชนิดที่กวาดมาแทบจะหมดครัว ขนาดโดนัทยังเอามาเป็นพร็อพ แต่งเป็นกำไรสวมข้อมือ
พร้อมแคปชั่นขำๆ “นาคี VS นาปี พี่แต้วเจอน้องแขม่ว สวยกินได้ทรายคนเดิม #วันยิ้มโลกอยากให้ทุกคนยิ้มกัน #นาคี #ทราย #ฟามสุขเล็กๆ”
งานนี้กินกันไม่ลง แต้วก็แต้วเหอะ!
ที่มา>>>ข่าวสด

ฆ่าสยองคาหมู่บ้านหรู 2 หนุ่มสาวโดนคว้านท้องด้วยมีด คาดเป็นการฆาตกรรม!!

เมื่อวันที่ 7 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร.ต.อ ประเทือง พิทักษ์ ร้อยเวรสอบสวน สน.บางเสาธง ได้รับแจ้งเหตุ ฆ่ากันตายที่ หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ซ.ราชพฤกษ์ 19 ถ.ราชพฤกษ์ แขวง บางเชือกหนัง เขต ตลิ่งชัน ที่เกิดเหตุ เป็นหมู่บ้านระหว่างการก่อสร้าง ลักษณะบ้าน 2 ชั้น อยู่ระหว่างการตกแต่ง เบื้องต้น พบผู้เสียชีวิตเป็นชาย 1ราย และหญิง 1 ราย ถูกแทงด้วยอาวุธมีด อยู่ภายในห้องโถงชั้น 2 ของบ้านเบื้องต้นเป็นคนงานต่างด้าว คาดว่าน่าจะเป็นเหตุฆาตกรรม โดยรายละเอียดอยู่ระหว่างการติดตามต่อไป534038
ที่มา>>>ข่าวสด

วันศุกร์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2559

เกิน 1 ล้านแล้ว ช่วยคุณตาแพนเงินหาย ยังอยากได้เงินที่หายคืน-เพราะเก็บสะสมมาทั้งชีวิต

เกินล้าน – คุณตาแพน แผ้วพลสง อายุ 72 ปี โชว์สมุดบัญชีธ.ก.ส. ที่มีผู้ใจบุญแห่บริจาคช่วยเหลือจนมียอดเงินสูงเกิน 1 ล้านบาทแล้ว ระบุจะนำเงินไปซ่อมบ้านและเลี้ยงหลานที่พิการ แต่ยังอยากได้เงินเก็บที่ทำหายคืนอยู่ เมื่อวันที่ 6 ต.ค
ยอดเงินบริจาคทะลุ 1 ล้านบาทแล้ว ผู้ใจบุญแห่โอนเข้าบัญชีช่วยเหลือ ‘คุณตาแพน’ ชาวบุรีรัมย์ที่เงิน 15,000 บาทหล่นหายระหว่างทางขณะจูงหลานไปร.พ. แต่คุณตาก็ยังอยากได้เงินที่หายคืน เพราะเป็นเงินเก็บสะสมมาทั้งชีวิต หากใครนำมาคืนจะให้ 2,000 บาทเป็นสินน้ำใจ ส่วนเงินช่วยเหลือจะเก็บไว้ซ่อมบ้าน เลี้ยงหลาน ดูแลตัวเองและภรรยาที่แก่ชรา ขณะที่ตร. สมาชิก อบต. ผู้ใหญ่บ้านผลัดกันมาดูแล ป้องกันมิจฉาชีพมาต้มตุ๋น
จากกรณีนายแพน แผ้วผลสง คุณตาวัย 72 ปี ชาวบ้าน ต.สะแกซำ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ที่จูงหลานสาววัย 6 ขวบ พิการพูดไม่ได้ เดินทางไปร.พ.เพื่อต่อบัตรเบี้ยผู้สูงอายุและผู้พิการ ปรากฏว่าเงินสด 15,000 บาท หล่นหายระหว่างทาง จึงวิงวอนขอให้ผู้เก็บได้นำมาคืนด้วย เพราะเป็นเงินเก็บสะสมก้อนสุดท้าย อีกทั้งมีฐานะยากจนอาศัยอยู่ในบ้านผุพังกับภรรยาคู่ชีวิตวัย 67 ปี และหลานสาว ต่อมามีผู้ใจบุญบริจาคผ่านบัญชีธนาคารช่วยเหลือเป็นจำนวนมาก ในจำนวนนี้มีพระเอก “ฟิล์ม” รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ โอนเงินให้ 30,000 บาทด้วย ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น201610061220145-20041019172247ความคืบหน้าเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 6 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.บุรีรัมย์ ว่าผ่านมา 2 วัน ปรากฏว่ายอดเงินบริจาคจากผู้มีจิตศรัทเข้าบัญชีของนายแพน แล้วจำนวน 1,020,000 บาท และยังคงมีผู้ใจบุญทยอยบริจาคอย่างต่อเนื่อง ขณะที่สายตรวจตำบลสะแกซำ สมาชิก อบต. และผู้ใหญ่บ้านผลัดเปลี่ยนกันมาคอยดูแลนายแพน ภรรยา และหลานสาว เพื่อป้องกันกลุ่มมิจฉาชีพฉวยโอกาสแอบอ้างหลอกลวง เนื่องจากมีเงินบริจาคเข้ามาจำนวนมาก ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จ.บุรีรัมย์ เดินทางมาเยี่ยมให้กำลังใจ และตัดผมใหม่ให้กับคุณตาแพนด้วย
คุณตาแพนกล่าวว่าขอบคุณทั้งหน่วยงานรัฐ ผู้มีจิตศรัทธาทุกคนที่มีน้ำใจบริจาคทั้งเงิน และสิ่งของช่วยเหลือ แต่ก็ยังคงอยากได้เงิน 15,000 บาทที่ทำหล่นหายคืน เพราะเป็นเงินที่เก็บสะสมมาทั้งชีวิต วิงวอนผู้ที่เก็บได้นำเงินมาคืนด้วย จะมอบเงินเป็นสินน้ำใจตอบแทนผู้ที่เอามาคืน 2,000 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แม้จะมีคนบริจาคเงินมาช่วยเหลือจำนวนมาก แต่คุณตาแพนยืนยันจะใช้ชีวิตปกติ ออกหาจับ ปู ปลา และสานสุ่มไก่ขายตามปกติ ส่วนเงินที่ผู้ใจบุญบริจาคช่วยเหลือ จะเก็บไว้ซ่อมบ้าน เลี้ยงหลานพิการ ดูแลตัวเองและภรรยาที่แก่ชรา หากผู้ใจบุญ หรือผู้มีจิตศรัทธา ยังต้องการช่วยเหลืออีก บริจาคได้ที่ชื่อบัญชีนายแพน แผ้วพลสง หมายเลขบัญชี 040-2-68475-9 ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สาขาบุรีรัมย์
ที่มา>>>ข่าวสด

พ่อถึงช็อก-ลูก2ขวบดับ รถนักเรียนทับ สยองต่อหน้าต่อตา

ทับเด็ก – นายประวิน ใจหา ชี้รถตู้รับส่งนักเรียน คันที่ตนเองขับทับด.ญ.กมลวรรณ ตันริน อายุ 2 ขวบ น.ร.เตรียมอนุบาลโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งใน จ.แพร่ เสียชีวิต ขณะมาส่งบ้าน โดยอ้างว่าเด็กวิ่งตัดหน้า
ด.ญ.สองขวบดับสลด รถนักเรียนมาส่งกลับบ้าน แล้วเฉี่ยวเด็กล้มก่อนทับ ขณะกำลังวิ่งข้ามถนนเข้าบ้าน ที่บ้านแม่ลานใต้ ต.ห้วยอ้อ อ.ลอง จ.แพร่ พ่อ-แม่สุดเศร้า เผยลูกสาวลงรถพร้อมพี่ชาย เห็นพ่อมายืนรอรับ เลยวิ่งมาหา โวยคนขับไม่ยอมจอดให้สนิท ดูเด็กเข้าบ้านแล้วค่อยออกรถ ด้านตร.เผยรอเสร็จงานศพจะมาทำแผนประกอบคดีพร้อมแจ้งข้อหาคนขับ
เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 6 ต.ค. ร.ต.ท.สินทอน กาศสนุก รองสารวัตรสอบสวน สภ.ลอง จ.แพร่ ปฏิบัติหน้าที่พนักงานสอบสวน สภ.ลอง รับแจ้งจากนางสาลินี ตันริน อายุ 32 ปี บ้านเลขที่ 51 หมู่ 5 ต.เวียงต้า อ.ลอง ว่า เมื่อวันที่ 5 ต.ค. เวลาประมาณ 17.30 น. น้องฟางฟาง หรือด.ญ.กมลวรรณ ตันริน อายุ 2 ขวบ 4 เดือน บุตรสาว นักเรียนเตรียมอนุบาล โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งในอ.ลอง ถูกรถตู้รับส่งนักเรียนคันที่มาส่งชนเสียชีวิต
โดยนายประวิน ใจหา อายุ 47 ปี บ้านเลขที่ 36 หมู่ 12 ต.ห้วยอ้อ เป็นผู้ขับรถตู้โดยสารรับส่งนักเรียน ยี่ห้อโตโยต้า ทะเบียน นข. 5446 ลำปาง มาส่งน้องฟางฟาง และเป็นผู้ขับเฉี่ยวชนขณะเด็กกำลังข้ามถนน เหตุเกิดบริเวณถนนในหมู่บ้าน ที่บ้านเลขที่ 41 บ้านแม่ลานใต้ หมู่ 12 ต.ห้วยอ้อ อ.ลอง หลังจากนั้นได้นำน้องฟางฟางที่ได้รับบาดเจ็บส่งโรงพยาบาลลอง ก่อนถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลแพร่ และเสียชีวิตในช่วงกลางคืนวันเดียวกัน
นางสาลินีกล่าวว่า ขณะที่ลูกสาวลงจากรถนักเรียนที่มาถึงหน้าบ้าน ลูกสาวดีใจที่เห็นพ่อกำลังเดินมารับ และวิ่งตัดหน้ารถตู้นักเรียนที่กำลังเคลื่อนตัวออก เป็นเหตุให้ถูกรถยนต์ทับบาดเจ็บสาหัส จึงนำส่งร.พ.ลอง แต่ลูกสาวอาการสาหัส จึงส่งตัวไปรักษาตัวที่ ร.พ.แพร่ และชีวิตที่ ร.พ.แพร่ เมื่อเวลา 21.00 น. คืนวันที่ 5 ต.ค.201610061849373-20021119163042-1ต่อมาเวลา 16.00 น. ที่บ้านพักของน้องฟางฟาง ซึ่งเป็นสถานที่จัดพิธีศพ นายวีระชาติ ตันริน อายุ 33 ปี และนางสาลินี พ่อ-แม่ของน้องฟางฟาง เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า เมื่อนายประวินซึ่งเป็นคนหมู่บ้านเดียวกัน ขับรถตู้นักเรียนมาส่ง น้องฟางฟาง และด.ช.จิตภันธ์ ตันริน น้องแอนฟิลล์ อายุ 10 ขวบ พี่ชาย เด็กๆได้ลงรถด้านซ้าย ขณะที่ตนเองอยู่ที่หน้าบ้านทางขวามือ ลูกสาวเห็นตนก็วิ่งมาทางด้านหน้ารถในจังหวะที่รถออกพอดี ทำให้ถูกรถชนล้มลงและถูกล้อหลังด้านขวาทับอาการสาหัสและเสียชีวิตในเวลาต่อมาที่โรงพยาบาล
นายวีระชาติ กล่าวว่า ตนมีลูกสาวคนเดียวเป็นคนสุดท้อง น้องฟางฟางกำลังน่ารัก เหตุการณ์นี้ไม่น่าเกิดขึ้นคนขับรถน่าจะดับเครื่องจอดให้สนิท ดูนักเรียนข้ามมาถึงบ้าน แล้วถึงจะขับรถออกไป นักเรียนเล็กในรถยังอีกหลายคน จอดรถยังเปิดเครื่องเสียงเสียงดังด้วย
นายวีระชาติกล่าวอีกว่า ส่วนนายประวินทราบว่าวันนี้ขับรถส่งนักเรียนไม่ได้ ต้องให้ญาติไปขับรถส่งนักเรียนแทน ในเบื้องต้นนายประวินยินยอมว่า จะช่วยจัดการงานศพและจะมอบเงินที่ได้จากจากพ.ร.บ.รถยนต์ แต่ตนยังไม่ได้ตกลงใดๆ ทั้งสิ้น ทางด้านตำรวจได้มาดูที่เกิดเหตุแล้ว แต่เนื่องจากติดเต็นท์ที่กางหน้าบ้าน เพื่อจัดงานศพให้น้องฟางฟาง โดยตำรวจจะรอให้ผ่านพิธีเผาในวันเสาร์ที่ 8 ต.ค.ก่อน ถึงจะทำแผนประกอบคดีสำหรับทางโรงเรียนคาดว่าคณะครูคงจะเดินทางมาร่วมงานศพในคืนนี้
ด้านร.ต.ท.สินทอน กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้แจ้งข้อหากับนายประวิน ต้องรอให้ทางบ้านผู้เสียชีวิตจัดการศพเรียบร้อย ตำรวจจะออกไปทำแผนประกอบคดีและแจ้งข้อหา
นางวราภรณ์ วรพงศธร ขนส่งจังหวัดแพร่ กล่าวว่า ได้รับรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นและได้สั่งการให้ขนส่งอำเภอลองตรวจสอบข้อเท็จจริงและจะให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย เรื่องคดีเป็นของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขนส่งจะตรวจสอบใบอนุญาตต่างๆ หากมีความผิดชัดเจนก็อาจถึงขั้นพักใบอนุญาต และปรับสูงสุด ขนส่งจังหวัดแพร่ได้กำชับอยู่เสมอสำหรับรถรับส่งนักเรียนและจัดอบรมเป็นประจำทุกปี และเพิ่งจัดอบรมไปไม่นานมานี้ ขอให้ผู้บริการรถรับส่งนักเรียนได้ระมัดระวังอย่าให้เกิดเหตุเหมือนกับที่อำเภอลองอีกเลย
ที่มา>>>ข่าวสด

วันพฤหัสบดีที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2559

รถพ่วง!!ลื่นไถลฟาดจยย. อย่างจัง สาวใหญ่รอดตายเฉียดฉิว!

เมื่อวันที่ 5 ต.ค. ร.ต.อ.ดำรงเกียรติ แก้วขาว รองสารวัตร(สอบสวน) สภ.สะเดา จ.สงขลา รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุรถบรรทุกพ่วงลื่นไถลไปฟาดกับรถจักรยานยนต์ บนสะพานพรวน ถนนกาญจนวนิช ฝั่งขาออกจากด่านพรมแดนสะเดา หมู่ 2 ต.สำนักขาม อ.สะเดา จ.สงขลา จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ ส่วนหัวทะเบียน AEU 7611 มาเลเซีย ส่วนหาง ทะเบียน 71-0885 สงขลา201610052133501-20041020085649สภาพส่วนหัวไปทาง ส่วนบรรทุกพ่วงไปทางขวางถนน ใต้ท้องรถมีรถจักรยานยนต์ซูซูกิ หมายเลขทะเบียน ครน 960 สงขลา ติดคาอยู่ ส่วนผู้ขับขี่ เป็นผู้หญิงวัยกลางคน ได้รับบาดเจ็บอาการสาหัส ขาซ้ายหัก 2 ท่อน ศีรษะแตก หน่วยกู้ชีพเทศบาลตำบลสำนักขาม นำตัวส่งโรงพยาบาลไปก่อนแล้ว201610052133504-20041020085649จากการสอบสวนคนขับรถบรรทุกชาวมาเลเซีย ที่ยืนรอมอบตัวอยู่ ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุกำลังขับรถพ่วงไปรับสินค้าที่โรงงานแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.สะเดา จ.สงขลา เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุได้แตะเบรกชะลอรถ แต่ปรากฏว่าตัวรถได้หมุนคว้างกลางถนน แล้วไปฟาดกับรถจักรยานยนต์ที่มีผู้หญิงขับขี่อยู่ริมถนนจนล้มลงแล้วเข้าไปติดอยู่ใต้ท้องรถ โชคดีที่ไม่ถูกล้อรถพ่วงเหยียบซ้ำ ส่วนสาเหตุน่าจะมาจากสภาพถนนลื่นเนื่องจากมีฝนตกลงมา201610052133506-20041020085649เบื้องต้นทาง ร.ต.อ.ดำรงเกียรติ ได้แจ้งข้อหาขับรถโดยประมาท เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ที่มา>>>ข่าวสด