วันศุกร์ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2559

รวบแล้ว! เสี่ยโรงกลึง ร่วมผัวเมียปล้นโชห่วยปทุมฯ 3 ร้านในคืนเดียว

ตร.ปทุมธานี จับกุมเสี่ยโรงกลึง ร่วม 2 ผัวเมีย ลักทรัพย์โชห่วย 3 ร้านในคืนเดียว พร้อมนำตัวทำแผนก่อนส่งฝากขังศาล ขณะผู้ต้องหาอีกคนชาวเขมร หลบหนีกลับประเทศไปแล้ว
เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. 59 พ.ต.ท.ปริญญา สุคันธวิภัติ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองปทุมธานี พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ นำตัว นายพฤหัส ทาไสย อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 48 ม.12 ต.ลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ และ น.ส.พรรนิภา บดีรัฐ อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 19/2 ม.1 ต.วังควง อ.พรานกระต่าย จ.กำแพงเพชร สามีภรรยา ที่ถูกจับกุมในข้อหา ร่วมกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป ลักทรัพย์ในเคหสถานในเวลากลางคืน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิด หรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม และบุกรุกเคหสถานของผู้อื่นในเวลากลางคืน มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ หลังร่วมกันปล้นโชห่วย 3 ร้านในคืนเดียว (แก๊งโจรปทุมฯ เหิม! กวาดทรัพย์โชห่วย 3 ร้านคืนเดียว เกือบ 8 แสน)
ที่ร้านแรก ร้าน SKB สารพัธ ต.บางปรอก อ.เมืองปทุมธานี ซึ่งเป็นร้านขายปลีกและส่งบุหรี่ สุรา บัตรเติมเงิน น้ำดื่ม และของนานาชนิด โดยมี นายสุธรรม กิตติสุรินทร์ อายุ 34 ปี เจ้าของร้าน คอยดูการทำแผนทุกขั้นตอน จากนั้น เจ้าหน้าที่ได้นำตัวไปทำแผนต่อที่ ร้านเคทีมาร์ท ต.คูบางหลวง อ.ลาดหลุมแก้ว ซึ่งเป็นร้านขายปลีก-ส่งสินค้าประเภทเดียวกับร้านแรก มี น.ส.จินตนา ทิพย์เทวา อายุ 41 ปี เป็นเจ้าของร้าน ก่อนนำตัวผู้ต้องหาส่งฝากขังศาลจังหวัดปทุมธานี ทันที ส่วน นายชัชพงศ์ ภูศรี อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 79/7 ม.1 ต.แพรกษาใหม่ อ.เมืองสมุทรปราการ ผู้ต้องหาคนที่ 3 เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนนำตัวไปตรวจค้นของกลางเพิ่มที่บ้านพักใน จ.สมุทรปราการ สำหรับเพื่อนร่วมแก๊งอีกคน ชื่อ นายมุ่ย ชาวกัมพูชา เป็นคนงานก่อสร้าง หลบหนีกลับประเทศไปแล้วหลังก่อเหตุเจ้าของร้านโชห่วยชี้ดูจุดที่คนร้ายใช้คีมตัดกุญแจเข้าโจรกรรม
เบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา นอกจากนี้ ยังพบว่า นายพฤหัส หัวหน้าแก๊งมีประวัติโชกโชน เคยก่อเหตุในลักษณะดังกล่าวมาแล้ว 2-3 ครั้ง ล่าสุด เพิ่งพ้นโทษมาได้ไม่นาน ส่วน นายชัชพงศ์ กำลังเปิดกิจการเป็นเจ้าของร้านโรงกลึงแห่งหนึ่งใน จ.สมุทรปราการ ซึ่งจากนี้จะสืบสวนสอบสวนขยายผล และติดตามของกลางมาคืนแก่เจ้าทุกข์ต่อไป.
ที่มา>>>Thairath

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น