วันอังคารที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2559

ดญ.วัย13ไปเยี่ยมเพื่อนที่รพ. เจอรปภ.ปล้ำ พอไปแจ้งความ กลับโดนสตท.ลวนลามซ้ำ

 เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 5 กันยายน ผู้สื่อข่าวได้รับการประสานจากญาติพี่น้องได้พาดญ.เอ (นามสมมติ) วัย 13 ปี นักเรียนชั้น ม.1 โรงเรียนแห่งหนึ่งในอำเภอประจันตคาม ว่าได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนที่สภ.เมืองปราจีนบุรี ขอให้ผู้สื่อข่าวมาทำข่าวดญ.เอถูกคนร้ายขืนใจ เนื่องจากเกรงว่าคดีนี้จะไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะผู้ต้องหา 2 คนนั้น คน 1 เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และ อีกคนเป็นรปภ.ของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง

 
 ผู้สื่อข่าวจึงได้เดินทางไปที่สภ.เมืองปราจีนบุรี พบดญ.เอ อายุ 13  ปี กำลังให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนว่า ในช่วงค่ำที่ผ่านมา ตนได้ไปเยี่ยมเพื่อนและจะนอนเฝ้าที่โรงพยาบาลดังกล่าว หลังจากที่เข้าไปเยี่ยมและพูดคุยกับเพื่อน จึงได้ออกมาเดินเล่นที่บริเวณลานจอดรถของโรงพยาบาล ช่วงนั้นเป็นเวลาประมาณ 3 ทุ่มพบกับนายพรหม (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 42 ปี เป็นยามรักษาความปลอดภัยของโรงพยาบาลเข้ามาพูดคุยด้วย พร้อมทั้งสอบถามตนว่าคืนนี้จะไปนอนไหน และชักชวนให้ไปนอนที่บ้านของยาม

 ด.ญ.เอให้การว่า ตนเห็นว่ายามคนดังกล่าวเคยพูดคุยกับเพื่อนรุ่นพี่จึงเชื่อใจ และเห็นว่าอายุมากแล้ว จึงได้ไปนอนที่บ้านของยามอยู่ที่ตำบลดงพระราม โดยนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ไปที่บ้าน  เมื่อไปถึงที่บ้านพักยามได้อุ้มตัวตนเองเข้าไปในห้องนอน พยายามจะลวนลาม ด้วยความกลัวได้วิ่งหนีออกมาจากบ้าน จนออกมาพบผู้ช่วยกำนัน ได้โทรศัพท์แจ้งให้ตำรวจมารับตนไปที่สภ.เมืองปราจีนบุรี


 ด.ญ.เอกล่าวว่า เมื่อมาถึงที่โรงพัก เป็นเวลาตี 3 เจ้าหน้าที่ชุดสายตรวจให้ตนอยู่บนโรงพักก่อน เพื่อกลับบ้านในตอนเช้า ปรากฏว่ามีตำรวจคนหนึ่งทราบว่ายศส.ต.ท.ชื่อพัฒน์ (ขอสงวนนามสกุล) ได้มาแจ้งให้ตนเองทราบว่าในโรงพัก ไม่อนุญาตให้ประชาชนทั่วไปมานอนพักได้ จึงชักชวนให้ไปนอนที่ห้องพักของส.ต.ท.คนดังกล่าวบนแฟลตเจ้าหน้าที่ตำรวจ ด้วยความเชื่อใจเพราะเห็นเป็นตำรวจ จึงยอมเดินทางไปที่ห้องพักชั้น 5

  เมื่อเข้าไปในห้อง ตำรวจคนดังกล่าวบอกว่าต้องออกไปด้านนอก พร้อมหยิบยาเม็ดเล็กสีเหลืองจำนวน 4 เม็ดมาให้ตนกิน ก่อนที่จะออกไปนอกห้อง ตนกลัวว่ายาดังกล่าวจะไม่ปลอดภัยสำหรับตน จึงได้นำยาซุกไว้ใต้หมอน จนกระทั่งเวลา 6 โมงเช้า ส.ต.ท.คนดังกล่าวได้กลับเข้ามาที่ห้องพัก เปลี่ยนเครื่องแต่งตัว และมานอนข้างตน พร้อมทั้งถามว่าได้กินยาที่ให้แล้วหรือยัง ตนจึงตอบว่ากินแล้ว ส.ต.ท.เริ่มเข้ามาลวนลาม ด้วยความกลัวจึงร้องให้คนช่วย ส.ต.ท.ใช้ปากจูบตน ตนจึงกัดที่ริมฝีปาก ก่อนวิ่งหนีออกนอกห้อง มาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจห้องข้างเคียงช่วยเหลือ พร้อมแจ้งญาติพาตัวแจ้งให้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและยาม

 หลังจากรับแจ้งพนักงานสอบสวน จึงได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางไปจับกุมตัวยามได้ที่โรงพยาบาลเกิดเหตุมาสอบปากคำ ส่วนส.ต.ท.พัฒน์นั้นตำรวจติดตามตัวยังไม่พบ ทราบเพียงว่าอยู่นอกพื้นที่ ส่วนเด็กหญิงบีทางพนักงานสอบสวนได้ส่งตัวไปให้แพทย์ทำการพิสูจน์ร่องรอยของการล่วงละเมิดทางเพศ รวมทั้งยาของกลางที่เด็กอ้างว่าได้รับมาจากส.ต.ท.ว่าเป็นยาอะไร ซึ่งคาดว่าผลการตรวจสอบจะทราบผลภายใน 5 วัน
ที่มา>>>ข่าวสด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น