วันพฤหัสบดีที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

จับแก๊งสามเกลอสุดแสบฉกพุทธรูปล้ำค่าทั่วอีสานนับ 100 วัด ไม่เว้นแม้กระทั่งจีวร

เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 27 ก.ค. พล.ต.ต.ยรรยง เวชโอสถ ผบก.สส.ภาค 4 แถลงข่าวจับกุมแก๊งโจรกรรมพระพุทธรูปโบราณล้ำค่าทั่วภาคอีสานทั้ง 12 จังหวัด มีวัดถูกโจรกรรมไปร่วมร้อยวัด จับกุมผู้ต้องหาได้ 3 คน มีนายเสกสรร หรือเสก โพธิ์ทน อายุ 30 ปี นายนวนิต หรือจัน ฝนดี อายุ 27 ปี และนายสมรส หรือกี้ ศรีหะไตย์ อายุ 36 ปี เบื้องต้นแจ้งข้อหา “ร่วมกันลักทรัพย์ที่เป็นพระพุทธรูป หรือวัตถุทางศาสนา ในสถานที่สาธารณะ”   พร้อมของกลางที่ตรวจยึดคืนมาได้ประกอบด้วย 1.พระพุทธรูปโบราณล้ำค่าจำนวน 14 องค์ ประกอบด้วยพระพุทธรูปปางมารวิชัย หน้าตัก 16 นิ้ว และ 14 นิ้ว พระพุทธรูปปางห้ามญาติ พระบางพระคู่บ้านคู่เมืองหนองบัวลำภูขนาดสูงประมาณ 40 ซม. พระพุทธรูปปางนาคปรกขนาดหน้าตัก 12 นิ้วและ 14 นิ้ว พระพุทธรูปปางสมาธิและรูปหล่อองค์เหมือนขนาดหน้าตัก 12 นิ้ว ของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน หลวงปู่เสาร์ กันตสีโล หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ผ้าไตร จีวร จำนวน 31 ผืน ผ้าสบงพระจำนวน 23 ผืน จีวรพระ 6 ชุด เครื่องสังฆทาน 2 ชุด และรถยนต์เก๋งนิสสัน ซิวฟี่สีดำ ทะเบียน กย.-352 อุดรธานี 1 คัน   พล.ต.ต.ยรรยงกล่าวว่า ทั้งนี้สืบเนื่องจากมีรายงานการสืบสวนในส่วนของภาคอีสานตอนบนทั้ง 12 จังหวัดพบว่ามีโจรโจรกรรมพระพุทธรูปล้ำค่า พระประจำวัด รวมถึงทรัพย์สินในวัดหลายรายการหายไปในห้วงสองเดือนที่ผ่านมา โดยเฉพาะในเขตอุดรธานี หนองบัวลำภู หนองคาย จะหายบ่อยมาก จึงได้สั่งการแบ่งกำลังออกสืบสวนจับกุมแก๊งคนร้าย กระทั่งได้เบาะแสของคนร้ายที่ใช้รถยนต์เก๋งยี่ห้อนิสสัน สีดำ ทะเบียน กย-352 อุดรธานี เข้าไปลักทรัพย์ในวัดวันทนียวิหาร ต.เมืองพาน อ.น้ำโสม จ.อุดรธานี ซึ่งกล้องวงจรปิดจับภาพได้ ต่อมาทราบว่ารถคันดังกล่าวเป็นของบริษัทรถเช่าแห่งหนึ่งในตัวเมืองอุดรธานี มีนายเสกสรร หรือเสก โพธิ์ทน อายุ 30 ปี เป็นผู้เช่า กระทั่งสืบทราบว่าทั้งสามคนแอบไปเช่าหอพัก นนทลี หลังวิทยาลัยสันตพล ถ.อุดร-สกลนคร เพื่อใช้เป็นที่กบดานหลบหนีตำรวจ จึงได้บุกไปจับกุมตัวนายเสกสรรไว้ได้ และติดตามจับนายนวนิตและนายสมรสได้อีกขณะนำพระพุทธรูปไปตระเวนขายตามแหล่งเช่าซื้อพระเครื่องใจกลางเมืองอุดรธานี
พ.ต.ท.ชาญณรงค์ มากพิสุทธิ์ รอง ผกก.สส.กล่าวด้วยว่า หลังจากจับกุมผู้ต้องหาได้ ได้คุมตัวผู้ต้องหาไปตรวจยึดของกลางคืนเป็นพระพุทธรุปล้ำค่าโบราณจำนวน 14 องค์ แต่ละองค์ประเมินค่าไม่ได้ พระพุทธรูปส่วนใหญ่ถูกขายเปลี่ยนมือไปแล้ว ซึ่งผู้ต้องหายอมรับว่าเงินที่ขายพระพุทธรูปประมาณกว่า 2 แสนบาท ได้แบ่งกันไปเล่นการพนันและซื้อยาบ้ามาเสพ
เบื้องต้นสอบสวน นายเสกสรรให้การรับสารภาพว่า ตนเคยไปทำงานที่ประเทศเกาหลีนานกว่า 3 ปี กลับมาใช้เงินฟุ่มเฟือย เล่นการพนันจนหมดตัว แล้วมาหางานรับจ้างทำที่ตลาดสดเทศบาล ใจกลางเมืองอุดรธานี กระทั่งไปเล่นการพนันเจอกับนายนวนิตและนายสมรสที่ตกงานและมาจากคนละจังหวัดเช่นกัน จึงชักชวนกันไปนอนค้างที่วัดเพราะนายนวนิตเคยเป็นเด็กวัดมาก่อนแล้วชวนกันขโมยพระพุทธรูปและของมีค่าในวัดต่างๆไปขาย
เมื่อได้เงินมากขึ้นก็วางแผนไปเช่ารถยนต์เก๋งมาขับตระเวนไปคุยกับพระตามวัดเพื่อหลอกดูพระพุทธรูปล้ำค่า แล้ววางแผนขโมยตอนพระเผลอ โดยขับรถตระเวนไปทั่วภาคอีสานทั้ง 12 จังหวัด ทั้งหนองคาย บึงกาฬ เลย นครพนม หนองบัวลำภู สกลนคร ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร มหาสารคาม ร้อยเอ็ด และอุดรธานี เข้าไปขโมยของในวัดเกือบร้อยวัดมาแล้ว แต่พระพุทธรูปส่วนใหญ่ถูกเซียนพระกดราคาแค่องค์ละ 3-5 พันบาท ส่วนสบง จีวร ใหม่ๆก็เอาไปขายตามร้านโดยอ้างว่า เป็นลูกศิษย์วัดพระให้มาขาย ส่วนจีจรพระเก่า จะอ้างว่าเป็นของพระเกจิชื่อดังบ้าง เพื่อที่คนซื้อจะซื้อไปเก็บบูชา
พ.ต.ท.ชาญณรงค์ กล่าวต่ออีกว่า เบื้องต้นได้ข้อมูลการแจ้งความในส่วนของจังหวัดอุดรธานี มี วัดป่าบ้านน้ำเที่ยง ต.อุ่มจาน อ.ประจักษ์ศิลปาคม ,วัดป่าหนองแก ต.นาดี อ.เมือง ,วัดไชยาราม บ้านหนองสวรรค์ ต.เชียงพิณ อ.เมือง ,วัดวันทนียวิหาร ต.เมืองพาน อ.น้ำโสม ,วัดป่าบ้านใหม่ อ.น้ำโสม ,วัดจุมบาล ต.เชียงหวาง อ.เพ็ญ ,วัดป่าบ้านหนองสระใคร อ.เพ็ญ ,วัดบ้านเก่าน้อย ต.หนองบัว อ.เมือง และวัดในจังหวัดหนองบัวลำภู มีวัดภูกระแต อ.เมือง ซึ่งโจรกรรมพระพุทะรูปคู่บ้านคู่เมืองไป 2 องค์ และที่วัดศรีสุวรรณเรไร ต.ด่านช้าง อ.นากลาง ได้พระพุทธรูปไป 2 องค์ ส่วนในจังหวัดอื่นๆกำลังรวบรวมหลักฐานการแจ้งความเพื่อประกอบกับคำรับสารภาพของผ้ต้องหาที่ยอมรับว่าก่อเหตุมาแล้ว 12 จังหวัด จำนวนร่วม 100 วัด
ที่มา>>>ข่าวสด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น